ลูกคนเล็ก คำสาปของครอบครัว ลูกที่มีทุกบ้าน จริงหรือ? มาฟังเล่าสู่กันฟังยาวๆ

จากการที่ได้ดูหนัง หลานม่า มา ก็มีประเด็นจะเล่า

หลายคอมเม้น หลายเพจ หลายที่ ต่างออกแนวแซะ  เยาะเย้ย เหยียด ดูถูก  กลุ่มลูกคนเล็ก  ไม่ได้มีความรู้สึกว่า สงสารออกมาเลย
ลูกคนเล็ก  น้า อา กู๋ อี้  แท้จริงแล้ว เขาล้มเหลว เพราะตัวเขาเองหรือเปล่า?  มาลองอ่านดู

ในชีวิตจริง ลูกคนเล็ก ในตระกูลชนชั้นกลางก็ไม่ได้โหลยโท่ย โดยไม่มีสาเหตุ ครอบครัวเรา ครอบครัวปู่เรา ก็มีอา ก็มีน้อง คนที่เป็นแบบนี้
คือ สภาวะแวดล้อม ที่หลายคนมองว่า "พ่อแม่รักที่สุด" "พ่อแม่ปกป้องที่สุด"
นั่นมาจากการที่ หลายครั้ง "พี่รังแกน้อง" แล้วพ่อแม่เข้ามาช่วย ทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังโดยไม่รู้ตัวของเหล่าพี่ๆ ซึ่ง เขาไม่รู้ตัวหรอกว่า น้องอยู่ในฐานะ "ตุ๊กตาที่ถูกพี่ๆซ้อม" เสมอ เมื่อต้องเติบโตด้วยกันมา

เหมือนเหตุการณ์บูลี่กันนั่นแหละ คนบูลี่ ไม่มีใครรู้ตัวว่ารังแกคนอื่น จนกว่าจะถูกรังแกเอง

น้องสุดท้อง จึงมัก "ถูกปกป้อง" โดยพ่อแม่ และพี่ก็มักมองว่า พ่อแม่รักมากกว่า ไม่เปิดโอกาสให้รังแกน้อง
หลายอย่างหล่อหลอมให้เป็นซึ่งโดยมากมักตกเป็น"น้องคนเล็ก" หรือ "น้องสาวคนเล็ก" มักเป็นเหยื่อลำดับชั้นปกครองในครอบครัว ที่ถือว่า "ต่ำที่สุด"
ในครอบครัวคนจีนหลายครอบครัว "อาอี้" ก็จะมีสถานะต่ำพอๆกับคนใช้ และถูกเกรงใจน้อยกว่าคนงานด้วยซ้ำ  จนบางที อาตี๋ใหญ่ หลานชายคนโต ก็มีสิทธิตะคอกด่าอาอี้ เหมือนคนใช้  ต่อหน้าคนอื่นหมู่มาก ซึ่งเรามักเคยพบเจอในกิจการครอบครัวคนจีนบ่อยครั้ง

น้องชายคนเล็ก ไม่ใช่คนที่เกิดมาไม่ได้เรื่องแต่กำเนิด แต่ถูกให้กดไว้ไม่ให้เกินหน้าเกินตา บรรดา พี่ชาย พี่สาว ที่มีฐานนะทางอำนาจตัดสินใจมากที่สุด ตามลำดับขั้น อาวุโส
แม้ว่า จะพยายามเรียนจบสูงกว่าพี่ๆ แต่ก็มักถูกขัดขวาง ถูกตัดสินใจไม่ให้ออกไปหางานทำโดยพี่ๆ เพียงแค่ว่าต้องดูแลพ่อแม่ที่เริ่มแก่เฒ่า และเสียสละเวลาชีวิต ไร้คู่ ไม่ถูกสนับสนุนให้มีคู่ หาคู่ เพื่อสร้างครอบครัว ก็ยาก เพราะถูกใส่ความว่า เกาะพ่อแม่กิน
"นี่เองคือการรังแกดอกสุดท้ายที่มีต่อน้องเล็ก เพื่อกดให้อยู่ในฐานะผู้รับใช้"

โอกาสสร้างครอบครัวของลูกคนเล็ก

แน่ละ ผู้หญิงให้เลือกแต่งงาน ระหว่าง ผู้ชายที่เป็น ลูกชายคนโต กับ ผู้ชายที่เป็นลูกคนเล็ก  เอาแค่สมบัติมรดก คนที่มีโอกาสเลือกหยิบชิ้นปลามันก่อน มักเป็นคนโตอยู่แล้ว

แม้ว่าหลายๆครั้ง พ่อแม่ อาจสร้างตัวด้วยน้ำพักน้ำแรงร่วมกันกับลูกคนเล็กจนร่ำรวยมาทีหลังก็ตาม กิจการ ก็มักถูกความไม่ยุติธรรมในครอบครัว แบ่งสรรไปอย่าง "เท่ากันแต่ไม่เท่าเทียม" นี่เองแหละ
ที่ทำให้เกิดปัจจัย ความยาก ในการเริ่มสร้างครอบครัวของลูกคนเล็ก
-มีความกังวนเรื่อง ต้องไปใช้ชีวิต  ในบ้านคนอื่น สำหรับคนที่จะเลือกลูกคนเล็กเป็นคู่ครอง
-การต้องถูกอำนาจ พี่ชายพี่สาวแฟน สั่งการ ในฐานะอาวุโสกว่า  การมีสถานะต่ำกว่าหลานคนโต
-การถูกด้อยค่าว่า  เกาะพ่อแม่กิน  ทั้งๆที่ความเป็นจริง  ลูกคนเล็กอาจเป็นคนเดียว ที่แบกค่าใช้จ่ายของทั้งบ้านไว้  นี่เองถึงทำให้ลูกคนเล็ก  ส่วนใหญ่  "ดูจน" กันมากๆ

ในสังคมไทย ที่รับวัฒนธรรมความคิดจากจีนมามาก  จึงค่อนที่จะต่างจากอินเดีย ที่ ไม่ว่ายังไง ลูกทั้งหมด ต้องได้แต่งงาน
ส่วนจีน ลูกคนโต ต่อให้ตายไปแล้ว ก็ต้องหาเจ้าสาวตายตามไปให้ได้
ลูกคนเล็กเหรอ?  ไม่อยู่ก้นครัว ก็เป็นคนเฝ้าสวนไป

เมื่อต้องทำงานในกิจการ ร่วมกับพ่อแม่

ลูกคนโต คนกลาง ส่วนใหญ่มักไม่ได้ใช้ชีวิต  มีความผูกพันธ์กับพ่อแม่เท่ากับ ลูกคนเล็ก  
คนโต คนกลาง แม้ว่าต้องได้รับการศึกษาเท่าๆกัน แต่  ก็จะมีช่วงอายุที่อยู่กับพ่อแม่ แค่ไม่เกิน 20 ปี  บางครั้ง 17-18 ปีก็ไปเรียนมหาลัย
ดังนั้น  
จำความได้ 4 ขวบ ก็เหลือ 13-14 ปี ที่รู้จักจำความผูกพันธ์กัน  แล้วไปสร้างฐานะ ครอบครัว  อยู่ต่างหาก โดยมีครอบครัวพ่อแม่ เป็นเบาะ คอยสนับสนุน

ลูกคนเล็กต้องสาป  ต่อให้ใช้สมการร่วมกัน  17-18 ปีไปเรียนมหาลัย  ก็ต้องวกกลับมาดูแลพ่อแม่  เพราะมักถึงเวลาที่พ่อแม่ต้องแก่เฒ่าพอดี  กลับมาช่วยงาน  ตามคำขอพ่อแม่  ตามคำขู่ของพี่ๆ  แน่ล่ะ พ่อแม่หลายครอบครัว ถ้าเป็นกิจการ  "นี่คือช่วงเวลาพีคของการสร้างฐานะ"  พ่อแม่มีเรี่ยวแรง มีฐานะ มีคอนเน็คชั่น  แม้จะแลกมาด้วยการเริ่มเขาโรงพยาบาลบ้าง
พ่อแม่จะสร้างกิจการ โดยมีน้องเล็กเป็นคนทำงานหนักแทน  และเมื่อถึงจุดที่กิจการ เริ่มซบเซาน้องคนเล็กเริ่มมีอายุ  พ่อแม่เริ่มแก่เฒ่า
มาถึงจุดนี้
คิดว่าใคร ควรยอมรับว่า ตัวเองไม่ถูกรักห่วง โดยพ่อแม่ไม่เท่ากัน

ให้แบ่ง ลูก 3 คน โต กลาง เล็ก รักพ่อแม่ก็ไม่เหมือนกัน

ลูกคนโต มักถูกเลี้ยงมาให้เป็นที่พึ่ง ยามคับขัน จึงจะต้องถูกฝากฝังให้มีความเป็นผู้นำ แบกความรับผิดชอบ  ดังนั้น ลูกคนโตจะมีลักษณะ  "เจ้าอำนาจ แต่ค่อนไปในทางโง่ ไม่รอบคอบ"  เพราะต้องตัดสินใจอย่างเดียว  ใช้อำนาจสั่งการอย่างเดียว
ลูกคนโต จึงรักพ่อแม่ในเชิง ความสัมพันธ์ลำดับชั้นทางอำนาจ

ลูกคนกลาง มักถูกเลี้ยงมาโดย ทั้ง พ่อแม่ และพี่คนโต  แน่นอนว่า พี่คนโต จะมีความใกล้ชิดกว่า  โตมาด้วยกัน เล่นด้วยกัน นอนด้วยกัน  ในขณะที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงาน  ในขณะที่  ลูกคนกลาง จะมีความสัมพันธ์กับ ลูกคนเล็ก น้อยมากถึงขั้นเกลียดน้อง  เพราะ  มัเป็นคนที่  รังแกน้อง มากที่สุด  แต่จะถูกขัดขวางโดยพ่อแม่  แต่โอ๋โดยพี่คนโต  และจะมีลักษณะ  "หลงตัวเอง" เป็น Narcissistic มากที่สุด  คนกลาง เป็นคนที่เสี่ยง ที่จะมีชีวิตที่  "พัง" มากที่สุด  ถ้าพัง จะโทษความผิดคนอื่นเสมอ
ลูกคนกลาง จึงรักพ่อแม่ น้อยที่สุด และรักพี่คนโตมากกว่า

ลูกคนเล็ก ตามที่บอกไปเยอะแล้ว ลูกคนนี้  จะรักพ่อแม่มากที่สุด  และเป็นเกราะป้องกันพ่อแม่  จากภัยต่างๆ มากที่สุด  แม้ภายนอกบอกไม่รัก ไม่ดูแล แต่เมื่อคับขัน จะเป็นคนที่ลำบากดูแลพ่อแม่มากที่สุด  โผล่มาเร็ว และมาอยู่นานที่สุด  คอยปกป้องจากภัย ที่มาจากทั้ง ญาติๆ สะใภ้+เขย  ที่หวังให้ท่านตายโดยไว เพื่อแบ่งสรรผลประโยชน์

ลูกคนโต คนกลาง ส่วนมาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า  พ่อแม่ชอบกินอะไร  ไม่ชอบกินอะไร  กินอะไรได้  กินอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ
ของฝาก จึงมีแต่ของหรูหรา ที่โฆษณาโชว์ไว้เท่านั้น (แต่ก็มักจะหลงตัวเองว่ากตัญญูที่สุด หาของแปลกของแพงให้พ่อแม่กิน)
1 ปีมี 365 วัน วันละ 4 มื้อ 1460 มื้อ  รับผิดชอบโดยลูกคนโตและกลาง  ถึง 3 มื้อ ต่อปีหรือไม่

นี่อาจเรียกได้ว่า นี่คือ "คำสาปของลูกคนเล็ก" ที่คนที่ไม่ได้เกิดมาเป็นลูกคนเล็ก ไม่เคยรับรู้มาก่อน และมองผ่านมุมมองความคิดพ่อแม่ตัวเองที่ว่า "อาคนเล็ก ไม่ได้เรื่อง" นั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่