ด้มีโอกาสดูตัวอย่างมาก่อน หน้าหนังก็คือหนังดราม่าครอบครัวเรื่องนึง ที่ Big idea ดูไม่ได้แปลกใหม่(คนแก่เหงา คิดถึงลูกๆหลานๆ) สิ่งที่น่าดึงดูดอาจจะเป็นตัวนักแสดงหลัก และแบรนด์GDH ที่ผมเป็นแฟนหนังของค่ายนี้อยู่แล้ว ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาก็ตรงจริต แม้หลังๆหนังจะมีความ mediocer จนหลายๆคนเริ่มเอียนหนังสูตรสำเร็จไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังไม่ได้แย่เลย ทำได้ตามมาตรฐาน แค่ไม่สดใหม่ ความเห็นของผู้ชมในรอบสื่อที่ออกมาดีมากๆ ก็ยิ่งทำให้เราคาดหวังว่าหนังมันจะต้องมีอะไรมากกว่าในตัวอย่างแน่ๆ มีจุดหักมุมอะไรแบบนี้
หลังจากดูจบ ต้องบอกว่าผมเป็นคนไทยแท้ๆ ดังนั้นพวกวัฒนธรรมของครอบครัวคนจีนที่เรื่องนำเสนอผมไม่ได้อินกับมันเลย ทั้งการทรีตลูกๆหลานๆของอาม่า วันรวมญาติ การไปไหว้ฮวงซุ้ย ผมว่าสิ่งนี้เป็นตัววัดเลยว่าคุณจะอินกับมันหรือไม่ ถ้าคุณมีวิถีชีวิตหรือมีประสบการณ์ร่วมแบบในเรื่อง คุณจะอินกับมันได้ง่ายมาก จุดร่วมที่ผมมีกับหนังคงเป็นคาแรคเตอร์ของ เอ็ม(บิวกิ้น) ที่เป็นเด็กเจน Z อย่างแท้จริง และกู่โซ่ย(ดีเจเผือก) ที่ทุกครอบครัวจะมีคนแบบนี้อยู่จริงๆ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ยังเป็นภาระให้พ่อแม่เป็นห่วง
ด้านเนื้อเรื่องก็คือผิดคาด ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลงไปจากตัวอย่างเลย ถ้าใครหวังเนื้อเรื่องซับซ้อน เดาไม่ได้ อาจจะผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนังไม่ดีนะ เพียงแค่หนังมันไม่ได้ขายสิ่งที่ผมคาดหวัง แต่ไปขายอีกสิ่งนึงแทน คือการสร้างอารมณ์ร่วม เป็นจุดเเข็งเลยก็พูดได้ หนังไม่ได้พยายามยัดเนื้อหาเเละเร่งให้เรื่องเดินไปข้างหน้ามากนัก แต่จะมีจังหวะ แวะหยุดให้เราได้เห็นวิถีชีวิตของตัวละคร เขาอยู่ยังไง ในหนึ่งวันเขาทำอะไรบ้าง ก็จริงอยู่ว่าผมไม่อินกับความสัมพันธ์ตัวละครเท่าไหร่จนจบเรื่องไม่ร้องไห้สักแอะ แต่หลังดูหนังจบ มาใช้ชีวิตปกติ1-2วัน หนังเรื่องหลานม่ามันยังคงอยู่ในใจผม ทั้งสถานที่บ้านอาม่า เสียงฝนตก เสียงรถไฟตลาดพลู ต้นทับทิมหน้าบ้านอาม่า
ผมไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันเรียกว่าอะไร แต่ผมนิยามขึ้นมาเองว่า หนังค่อนข้างตั้งใจปลูกฝังบรรยากาศให้เราซึมซับตลอดทั้งเรื่อง แม้หนังจะจบไปแล้วแต่เราก็ยังนีกถึงเสมอ โดยเฉพาะเพลงost ก็ทำงานได้ดีเช่นกัน ผมเข้าใจเลยว่าบางคนทำไมอยากกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ มันไม่ใช่การเข้าไปเก็บรายละเอียด แต่มันคือความที่อยกาเข้าไปซึมซับบรรยกาศในเรื่องอีกสักครั้ง คือสิ่งที่หนังน้อยเรื่องจะสามารถทำได้ หลายๆเรื่องคือดูเเล้วก็จบไป อย่างมากอาจจะทิ้งประเด็นให้ถกเถียงในโลกออนไลน์ แต่เรื่องนี้หนังมันจบในตัวมันเองไม่ได้มีอะไรให้ถกเถียงต่อ แต่หนังมันก็ยังทำให้เราคิดถึงและนึกถึงได้อยู่คลอด
สรุปก็คือ แก่นของหนังคือเอาประสบการณ์ร่วมของคนดูมาถ่ายทอด แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นครอบครัวคนจีน ไม่ได้มีวัฒนธรรมแบบในเรื่องเลย ก็จะไม่ได้อินมาก แค่รับรู้ว่าเรื่องเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่บรรยากาศในเรื่องทำได้ดี เเละเก็บรายละเอียดดีมาก แม้หนังจบก็ยังแอบนึกถึงบรรยากาณในเรื่องอยู่เสมอ
หลานม่า(2024) | ไม่ใช่ครอบครัวจีนจะดูสนุกไหม? | รีวิวฉบับไทยแท้100%
หลังจากดูจบ ต้องบอกว่าผมเป็นคนไทยแท้ๆ ดังนั้นพวกวัฒนธรรมของครอบครัวคนจีนที่เรื่องนำเสนอผมไม่ได้อินกับมันเลย ทั้งการทรีตลูกๆหลานๆของอาม่า วันรวมญาติ การไปไหว้ฮวงซุ้ย ผมว่าสิ่งนี้เป็นตัววัดเลยว่าคุณจะอินกับมันหรือไม่ ถ้าคุณมีวิถีชีวิตหรือมีประสบการณ์ร่วมแบบในเรื่อง คุณจะอินกับมันได้ง่ายมาก จุดร่วมที่ผมมีกับหนังคงเป็นคาแรคเตอร์ของ เอ็ม(บิวกิ้น) ที่เป็นเด็กเจน Z อย่างแท้จริง และกู่โซ่ย(ดีเจเผือก) ที่ทุกครอบครัวจะมีคนแบบนี้อยู่จริงๆ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ยังเป็นภาระให้พ่อแม่เป็นห่วง
ด้านเนื้อเรื่องก็คือผิดคาด ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลงไปจากตัวอย่างเลย ถ้าใครหวังเนื้อเรื่องซับซ้อน เดาไม่ได้ อาจจะผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนังไม่ดีนะ เพียงแค่หนังมันไม่ได้ขายสิ่งที่ผมคาดหวัง แต่ไปขายอีกสิ่งนึงแทน คือการสร้างอารมณ์ร่วม เป็นจุดเเข็งเลยก็พูดได้ หนังไม่ได้พยายามยัดเนื้อหาเเละเร่งให้เรื่องเดินไปข้างหน้ามากนัก แต่จะมีจังหวะ แวะหยุดให้เราได้เห็นวิถีชีวิตของตัวละคร เขาอยู่ยังไง ในหนึ่งวันเขาทำอะไรบ้าง ก็จริงอยู่ว่าผมไม่อินกับความสัมพันธ์ตัวละครเท่าไหร่จนจบเรื่องไม่ร้องไห้สักแอะ แต่หลังดูหนังจบ มาใช้ชีวิตปกติ1-2วัน หนังเรื่องหลานม่ามันยังคงอยู่ในใจผม ทั้งสถานที่บ้านอาม่า เสียงฝนตก เสียงรถไฟตลาดพลู ต้นทับทิมหน้าบ้านอาม่า
ผมไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันเรียกว่าอะไร แต่ผมนิยามขึ้นมาเองว่า หนังค่อนข้างตั้งใจปลูกฝังบรรยากาศให้เราซึมซับตลอดทั้งเรื่อง แม้หนังจะจบไปแล้วแต่เราก็ยังนีกถึงเสมอ โดยเฉพาะเพลงost ก็ทำงานได้ดีเช่นกัน ผมเข้าใจเลยว่าบางคนทำไมอยากกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ มันไม่ใช่การเข้าไปเก็บรายละเอียด แต่มันคือความที่อยกาเข้าไปซึมซับบรรยกาศในเรื่องอีกสักครั้ง คือสิ่งที่หนังน้อยเรื่องจะสามารถทำได้ หลายๆเรื่องคือดูเเล้วก็จบไป อย่างมากอาจจะทิ้งประเด็นให้ถกเถียงในโลกออนไลน์ แต่เรื่องนี้หนังมันจบในตัวมันเองไม่ได้มีอะไรให้ถกเถียงต่อ แต่หนังมันก็ยังทำให้เราคิดถึงและนึกถึงได้อยู่คลอด
สรุปก็คือ แก่นของหนังคือเอาประสบการณ์ร่วมของคนดูมาถ่ายทอด แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นครอบครัวคนจีน ไม่ได้มีวัฒนธรรมแบบในเรื่องเลย ก็จะไม่ได้อินมาก แค่รับรู้ว่าเรื่องเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่บรรยากาศในเรื่องทำได้ดี เเละเก็บรายละเอียดดีมาก แม้หนังจบก็ยังแอบนึกถึงบรรยากาณในเรื่องอยู่เสมอ