ความจริงที่ดูเหมือน ไม่อยากพูด เพราะจะดูไม่ดี

รถเมล์ ใน กทม 

ส่วนตัว มีรถยนต์ ทำงานโดนบังคับซื้อ และใช้มาตลอด ก็ไม่ค่อยใช้รถสาธารณะ แต่ก็มีบางแห่ง ไม่มีที่จอดรถ ก็ต้องไป รถไฟฟ้า หาที่จอดแล้วจร

แต่มาระยะหลัง ลองนั่งรถเมล์ร้อน และ รถ ปรับอากาศ ใน กทม ดู สรุปคร่าวๆ ให้ตัวเองดังนี้ เน้นว่า เฉพาะตัวผมเองนะ

รถยนต์ส่วนตัว อาจเปลืองน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา และ เวลรถเยอะๆ ก็เปลืองมากขึ้น แถมต้องทำประกั้น เสียภาษี และ ขับรถต้องรับผีดชอบ เครียด เหนื่อย

แต่ มันปลอดภัยจาก โรค เพราะเราดูแลสภาพแวดล้อมในรถยนตร์ได้ แต่ รถเมล์ โน ไม่ได้เลย คนมาจากไหน สภาพใด ก็ต้องนั่งข้างๆเราได้ 

รถส่วนตัวป้องกันโรคระบาดได้ เช่น Covid ถ้าเราใช้คำว่า ไปคนเดียว แม้จะดูสี้นเปลือง แต่ถ้าป่วย covid ตาย ก็คุ้มว่าไหม ไม่เปลืองเลย เมื่อสามสี่ปีก่อนน่ะ

รถเมล์ รถปรับอากาศ สาะาราณะ ผมเจอ คนที่แบบ อนามัยไม่ดี ตั้งแต่ยืนรอรถแล้ว มีไอ กระแอม และ พอขึ้นรถ ปรับอากาศ ที่ไม่ถ่ายเท เหมือนอะไรจะต้องดลให้พบกับ การไอและจามระดับ ใต้ฝุ่น รุนแรง เสียงดังและหลายรอบ ผมรับรอง ดูจากอัตราส่วนของพื้นที่ รถปรับอากาศ ได้รับกันทั่วถึง และ คนเหล่านี้ ไม่สวมหน้ากากในที่สาระารณะ คือ ผมไม่ได้กลัว covid แต่ ผมไม่อยากได้ แม้ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดน้อย เพราะถ้าป่วย ผมทำงานไม่ได้ ลาป่วยหลายวัน และทรมาน จะทาน จะนอน อาบน้ำ ลำบากไปหมด 

และอีกแบบคือ คุณก็อาจเจอ คนคุยกันตลอด นั่งใกล้ๆคุณข้างหน้าคุณ หรือ ข้างหลังคุณ ไม่หยุดเลย พูดตั้งแต่นั่งจนลง ระยะทางหลาย กม แน่นอน ปรับอากาศ ช่วยส่งละอองน้ำลายได้ ทั่วถึงอีกเช่นกัน 

แต่ เราต้องเคารพ สีทธี์ ของเขา ในเมื่อรัฐประกาศ ไม่ต้องใส่หน้ากาก และ ไม่ได้หามคนคุยกันบนรถ เราต้องโทษตัวเองที่ มีรถแต่ดันมานี่งรถสาธารณะ เสี่ยงกับ การรับเชื้อของเพื่อนร่วมทาง ที่ สภาพดูแล้ว อนามัยอยู่ในระดับ น่ากลัวเลย  ไม่ต้องไปโทษเขา โทษตัวผมนี่แหล่ะ อยากประหยัดเอง 

ผมเขียนเพื่อแชร์ประสบการนณ์แค่นั้น ไม่ได้ว่า ใครไม่ดี แต่ อยากจะให้ตัวเอง ห่างจากโรคภัย ทางเดีนหายใจเหล่านี้ที่อาจตีดต่อได้

ต่อไป ผมก็จะขับรถส่วนตัว และ ขึ้นรถไฟฟ้า แค่นั้นครับ 

ขอบคุณที่อ่าน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่