สวัสดีค่ะ เราพึ่งเคยเขียนกระทู้ครั้งเเรกเลย ถ้าทำอะไรผิดไปก็บอกได้นะคะ ตามหัวข้อค่ะ เรากลัวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ต้องบอกก่อนว่าสภาพเเวดล้อมที่เราโตมามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราเริ่มรู้สึกถึงเรื่องพวกนี้ตอนอายุ13ค่ะ ช่วงนั้นปัญหาหลายๆอย่างถาโถมมาก ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาที่โรงเรียน ปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ รู้ตัวอีกทีเราก็กล่ยเป็นใครก็ไม่รู้ไปซะเเล้ว เราจำได้ค่ะ สมัยเด็กเราสดใสกว่านี้ รู้สึกกระตือรือร้นทุกกับทุกอย่าง เเต่พอมาอยู่ในจุดๆหนึ่ง เราก็รู้สึกว่า'อ่า เหนื่อยจัง' ครอบครัวของเราคือครอบครัวเอเชียค่ะ เอเชียจ๋าๆเลย เข้มงวดมากๆ ชอบดุด่าเเละกดข่มด้านคำพูด เเล้วก็มักที่จะโดนขู่ทำร้ายบ่อยๆในทุกครั้งที่ไม่เชื่อฟัง จนถึงตอนนี้ภาพของเเม่ที่คว่ำโต๊ะอาหารเพราะโมโหยังคงติดตาเราอยู่เลยค่ะ เพราะเเบบนั้นเวลาที่เขาขึ้นเสียงหรือเงื้อมือ เราจะสั่นกลัวมากๆ หรือเวลามีคนทำเสียงดังๆ ไม่ก็ทำท่าจะทะเลาะกันเราก็จะกลัวมากเหมือนกัน ครอบครัวเราเป็นคนครอบครัวใหญ่ค่ะ ญาติเยอะ เเต่ในบ้านมีเเค่เรากับเเม่ เพราะพ่อเสียเเล้ว เราจำหน้าพ่อไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีความทรงจำเลยค่ะเพราะเขาเสียตอนเราอายุ3ขวบ เเต่เเม่บอกว่าพ่อเป็นคนชอบกินเหล้าเเล้วก็ชอบสูบบุหรี่ ที่ตายก็เพราะทำตัวเองล้วนๆ(พ่อเราเป็นโรคไตค่ะ) ถ้าจะให้เริ่ม ต้องเริ่มที่ญาติของเราก่อน เนื่องด้วยว่าเเม่เราเเต่งงานช้า เเล้วก็มีลูกช้าระยะห่างอายุระหว่างเเม่กับเราคือ39ปีค่ะ จริงๆก็คือ40รวมระยะเวลาตั้งท้องไปด้วย ด้วยเหตุนี้เรากับหลานจึงอายุไล่เลี่ยกัน เราอายุห่างจากหลายสาวเเค่3ปีเองค่ะ(ขำ) ญาติของเราเยอะก็จริงค่ะ เเต่ก็น่าจะคล้ายกับหลายๆบ้าน ชอบทับถมกันเอง อวดลูกหลานของตัวเอง เรามักที่จะโดนเปรียบเทียบบ่อยๆค่ะ ว่าหลานของฝั่งนู้นเก่งเเค่ไหนดีเเค่ไหน หรือไม่ก็ตามประสาญาติ มักจะมีคำเเซวหรือคำล้อที่ทำให้รู้สึกหมดความมั่นใจ เราค่อนข้างตัวสูงค่ะ ได้ยีนจากพ่อมาเยอะเลยทำให้คล้ายผู้ชายหลายอย่าง ก็เลยโดนล้อบ่อยๆว่าเหมือนลิงบ้าง เปรตบ้าง น่าเกลียดบ้าง โดนเเบบนี้ทั้งที่บ้านเเละที่โรงเรียนเลยค่ะ บางทีก็เเอบน้อยใจเเล้วก็อยากตัวเล็กน่ารักเเบบเด็กคนอื่นๆบ้าง บางทีก็โกงกันบ้าง ซึ่งโดนบ่อยค่ะ คนรู้จักทั้งของพ่อเเละเเม่ไม่ว่าจะญาติหรือไม่ก็มีเเต่คนห่วยๆทั้งนั้น อาหญิงของเรา น้องสาวเเท้ๆของพ่อเคยเเต่งงานมาสองครั้งค่ะ ครั้งเเรกคือช่วงสมัยที่เรายังอยู่อนุบาล ยังเด็กอยู่ เเต่คุณอาก็หย่ากับสามีเก่าเเล้วก็มีสามีใหม่ ประเด็นคืออาของเราบุกรุกที่ดินของพ่อค่ะ หลังจากพ่อเสีย เเม่เราหาเลี้ยงเราคนเดียว ไหนจะต้องดูเเลตากับยายที่ป่วยเลยทำให้ไม่มีเวลาไปเช็คเรื่องที่ดินเพราะกะจะเก็บเป็นมรดกให้เรา ทำให้เเม่ไม่รู้เลยค่ะว่าพ่อเเอบไปสัญญาจะให้ที่ดินผืนนั้นกับอดีตน้องเขย ซึ่งพอเราอายุได้13ปี อดีตน้องเขยคนนั้นก็ติดต่อเเม่มา เพราะเขาอยากได้ที่ดินตามสัญญา เเม่ก็งงว่าที่ดินอะไร คุนกันไปคุยกันมาเเม่ก็ตกลงจะโอนให้ เพราะเห็นเเก่ว่าเป็นคนรู้จัก เเต่พอไปดูที่ดิน ปรากฏว่าอาของเราปลูกบ้านที่นั่นกับสามีใหม่ เเล้วก็กำลังจะหลอกขายที่ดินให้คนอื่นด้วย ทีนี้ก็ดำเนินคดีกันไป ที่พีคก็คือสามีใหม่ของอาคนนั้นเขามีปืน เเล้วก็เป็นคนต่างชาติ ลักลอบเช้าประเทศอย่างผิดกฏหมาย(วีซ่าหมดอายุ) เเถมครอบครองปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติ ใช่ค่ะ เขามีปืน เเละโมโหมากๆที่เเม่เราขวางเขา อาของเราก็โกรธมากค่ะที่เเม่เเจ้งความ ด่าเเม่หายเลย บอกว่า"เป็นญาติกันทำไมทำกันเเบบนี้ พี่ไม่สงสารหนูกับผัวบ้างเหรอ" ซึ่งเเม่เราก็สวนกลับไปว่าเเล้วเเกไม่สงสารพี่กับลูกบ้างเหรอ มันหลานเเท้ๆของเเกเลยนะ สามารถของอาถูกจับค่ะ เพราะครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติ เเต่ตอนโดนจับเข้าคุก เขาลั่นว่าจาเอาไว้"ถ้ากูออกมาจากคุกได้เมื่อไหร่ เจอกูเเน่" สายตาอาฆาตในตอนนั้นทำเอาเรากลัวไปหมดเลยค่ะ บ้านเรามีเเค่ผู้หญิงสองคน คำพูดของเขาในตอนนั้นทำเราเเพนิคมากๆ กลัวจนเเทบน้ำตาไหล หลังจากจบเรื่องนี้เเม่ก็ทำการโอนที่ดืนให้อดีตน้องเขยไปค่ะ โดยที่ไม่ได้เรียกจำนวนเงินที่ชัดเจน เพราะเห็นว่าเป็นคนรู้จัก อย่างน้อยที่ดินมันก็ราคาไม่ต่ำกว่า2ล้าน อดีตน้องเขยเองก็เป็นคนมีเงิน ทำธุรกืจ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตกลงกันว่าจะจ่ายให้1เเสน จากนั้นหายเงียบไปเป็นเดือน ต้องไปทักเตือนต่อมาในเเชทบอกว่าขาดทุนจากธุรกิจที่ลงทุนไปเป็นล้าน ไม่มีเงิน บอกว่าขอจ่าย3หมื่นเเทน เเต่โอนจริงๆ3พัน น่าเกลียดไหมคะ เราในตอนนั้นทำอะไรไม่ได้เลย ได้เเต่นั่งดูเเม่ยอมให้คนเอาเปรียบซ้ำเเล้วซ้ำเล่า นั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราเกลียดการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ค่ะ
เรื่องต่อมาก็คงเป็นเรื่องพ่อค่ะ เนื่องด้วยเราไม่มีพ่อมารับเหมือนเด็กคนอื่นๆก็เลยมักที่จะโดนตั้งคำถาม "พ่อเธอไปไหน ทำไมไม่มารับ" "พ่อเธอตายเเล้วเหรอ งั้นเธอก็ไม่มีพ่อน่ะสิ" อะไรประมานนี้ มันเป็นคำพูดที่เเสนไร้เดียงสา เเต่ก็เจ็บมากๆเลยค่ะ ตัวเราในสมัยนั้นร้องไห้หนักมากๆ เราไม่เข้าใจ เเต่เรารู้สึกได้ว่าเราไม่โอเคมากๆกับคำพูดเเบบนั้น ในทุกๆครั้งที่เลิกเรียนกลับบ้าน พอเห็นเพื่อนๆที่กลับบ้านกันสามคนพ่อเเม่ลูกมันก็ทำเราอิจฉาค่ะ พอมามองที่ครอบครัวญาติเราที่อยู่กันครบ ก็รู้สึกสงสัย ทำไม? พ่อไปไหน ทำไมไม่อยู่กับเราเหมือนครอบครัวอื่น ซึ่งพอโตมาก็เข้าใจค่ะ ว่าเขาไม่อยู่เเล้ว สารภาพตรงๆว่าเราไม่ได้มีความทรงจำหรือความผูกพันธ์เกี่ยวกับพ่อเลย กระทั่งรูปเองก็ไม่เคยเห็น เพราะเขาไม่ชอบถ่ายรูปค่ะ รูปที่มีเขาอยู่กันก็เก่ามาก เเม่หาไม่เจอ ก็เลยปล่อยเบลอไป เพราะเเบบนั้นกระทั่งหน้าตาเราก็จำไม่ได้ค่ะ
เเม่ของเราเป็นคนขี้ใจอ่อน ชอบสงสารคนอื่นเเม้ว่าตัวเองจะลำบาก เเต่พอถูกขอร้องก็จะใจอ่อนเเละช่วยเหลือคนอื่นตลอดเลยค่ะ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี เเต่ตอนนั้นเเม่ต้องจ่ายค่าเทอมให้เรา เเล้วพอดีกับคุณน้าที่เป็นคนรู้จักเเม่เขาตกงาน โดนไล่ออก ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า เเม่ก็เลยให้เงินเขายืมไปหมื่นนึงค่ะ คิดว่าเขาคงจะให้คืน ต่อให้จ่ายเงินค่าเทอมของเราไปด้วยก็น่าจะโอเค เเต่สุดท้ายต้องกินข้าวคลุกน้ำปลาทั้งเเม่ทั่งลูกค่ะ เพราะเขาไม่คืน เเถมมาขอเงินเพิ่มอีก ซึ่งเเม่เราก็ให้ด้วย(เเม่!!) เพราะตอนเเม่ท้องเรา เเม่เราออกจากงานพอดี เเม่ก็เลยทำงานเป็นฟรีเเลนซ์ค่ะ คิดว่ามีสามี สามีคงจะช่วยเเบ่งเบาภาระให้ เเต่เปล่าค่ะ ไม่ใช่เลย เเม่เราเป็นเหมือนไบโพล่าค่ะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตอนเช้าอารมณ์ดี เเต่พอตกเย็นก็ด่าเราระบายอารมณ์ เพราะเครียดเเล้วก็ไม่รู้จะไปลงที่ไหนค่ะ ในทุกๆคำที่เเม่กล่าวมามันเจ็บมาก "ฉันไม่น่าเเต่งงานกับมันเเล้วคลอดเเกออกมาเลย" "ถ้ารู้ว่าจะคลอดภาระโง่ๆอย่างเเกออกม่ ฉันน่าจะทำเเท้งไปซะ" เเละอีกมากมายสารพัดที่พูดกับเด็ก7ขวบ หลายๆครั้งเองก็ขู่ที่จะใช้กำลัง บอกว่าจะเอาไปทิ้งบ้าง บอกว่าเสียใจที่คลอดเราออกมา เเล้วก็ชอบบ่นที่เราไม่ได้เรียนเก่งเหมือนเด็กคนอื่น ทั้งการเรียน กีฬาเองก็อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ดี ไม่ได้เเย่ ต้องยอมรับว่าเราไม่ใช่คนหัวดีขนาดนั่น เรียนที่ห้องเรียนก็ไม่เข้าใจ ทึกครั้งที่อยากจะขอให้คุณเเม่สอนก็มักที่จะโดนบอกปัดว่าไร้สาระเสมอ เชื่อไหมคะว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราจัดงานวันเกิดเเค่4ครั้งเท่านั้น ไม่มีของขวัญวันเกินเหมือนเด็กคนอื่นๆ ซึ่งเรายอมรับได้เพราะครอบครัวเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น เเค่เเม่จำวันเกิดของเราได้เราก็ดีใจเเล้ว เเต่เเม่มักที่จะทำงานจนลืมตลอด ถ้าเราไม่พูด เเม่ก็จะไม่รู้ ซึ่งมันเจ็บค่ะ มันเจ็บมาก เราอยากที่จะร้องขอของเล่นเเบบเด็กคนอื่นบ้าง เเต่เรารู้ว่าถ้าเราพูดไปเเม่จะต้องดุเเน่ เพราะเเบบนั่นเลยได้เเต่เก็บเอาไว้ในใจ ทุกครั้งที่เราทำผิด เราต้องขอโทษค่ะ เเละเเม่มักที่จะชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือไม่ก็หยิบความผิดในอดีตของเรามาขยี้ซ้ำเสมอ เเต่ถ้าเเม่เป็นผ่านทำผิดหรือทำรุนเเรงเกินไป มันจะไม่มีคำขอโทษค่ะ เราคือคนผิด ที่จะต้องเป็นผ่านขอโทษเสมอเพื่อไม่ให้เเม่เมินเรา เรากลายเป็นเด็กเก็บกด เรารู้เรื่องนั่นดีค่ะ พอโตขึ้นก็เริ่มที่จะไม่พูดความรู้สึกของตัวเอง เเล้วก็ยิ้มหรือไม่ก็พยักหน้าอย่างเดียว เพราะเรารู้ว่านั่นคือทางเดียวที่จะทำให้เเม่ชมเราค่ะ เเต่มันว่างเปล่ามากๆ มันเหนื่อยมากจริงๆ
เรากลัวคนเยอะๆค่ะ มันมีครั้งหนึ่งที่เเม่ไปค้ำประกันหนี้นอกระบบให้กับคนรู้จัก เเต่เขาหนีหนี้ ไม่ยอมจ่าย เพราะงั้นเลยมีคนน่ากลัวๆ มาที่บ้านเเล้วก็บังคับให้เเม่จ่ายเเทน พวกทะเลาะกันเสียงดัง เเล้วก็น่ากลัวมาก เเล้วเเม่เองก็กู้หนี้นอกระบบมาเหมือนกัน เเต่ตามจ่ายไม่ทันเลยต้องปิดบ้านหนี ในทุกๆครั้งที่ได้ยินเสียงรถ เสียงฝีเท้า หรือเสียงตะโกนเรียกชื่อเเม่จากเจ้าหนี้มันทำเรากลัวมากจริงๆ ยิ่งโดยเฉพาะตอนที่เขาเคาะประตูหน้าบ้านเเบบรุนเเรงมากๆพร้อมกับเสียงที่ฟังยังไงก็โมโห เป็นเเบบนั้นไปประมาน2-3เดือนจนเเม่จ่ายหนี้ของตัวเองหมด เเต่มันทำเรากลัวจนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถขับผ่านหน้าบ้าน เราจะรู้สึกระเเวงทุกครั้งเลยค่ะ
เรามีชีวิตอย่างไร้จุดหมายค่ะ ไม่มีความฝันหรือเป้าหมาย ความจริงเคยมี เเต่ตอนนี้มันไม่มีเเล้วค่ะ สมัยเด็กๆเราอยากเป็นนักร้องค่ะ เเต่ก็ถูกดับฝันโดยผู้ใหญ่ พวกเขาหัวเราะกัน เเล้วบอกว่าหน้าตาก็ไม่ได้สวย เพลงก็ร้องเพี้ยน เป็นนักร้องไม่ได้หรอก ต่อมาเราอยากเป็นนักกีฬา พวกเขาบอกกับเราว่าร่างกายก็อ่อนเเอ ทำอะไรนิดหน่อยๆก็เหนื่อยเเล้ว เป็นไม่ได้หรอก เเล้วก็บอกว่า"เป็นหมอสิ งานมั่นคงนะ เงินเดือนเป็นเเสนๆ" "ไปเป็นเเอร์สิ สูงไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็น่าจะมีประโยชน์กว่าไปเต้นกินรำกินนะ" "เป็นครูสิ อาชีพข้าราชการมีเงินเดือนมั่นคง เเถมไม่เหนื่อยด้วย" เรากลัวเลือดค่ะ เเล้วก็กลัวความสูงด้วย เราไม่ได้อยากที่จะเป็นครู มันไม่ใช่เรา หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยพูดเรื่องความฝันของตัวเองเลยค่ะ ในตอนที่เราดาวน์มากๆ สิ่งที่เป็นเซฟโซนของเราไม่ใช่ครอบครัว เพื่อนหรืออะไรเลยค่ะ มันคือนิยายเรื่องหนึ่งที่เราบังเอิญไปเห็นเเล้วก็กดไปโดนพอดี จากนั้นเราก็จมดิ่งอยู่ในโลกใบนั้น โลกที่เราจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็น ไม่ใช่ตัวเราคนนี้ ต้องยอมรับว่ามันทำให้เราอยากที่จะตื่นขึ้นมาในทุกๆวันเพื่อมาดูว่าวันนี้มีนิยายเรื่องไหนอัปบ้าง เเต่– เเต่มันเริ่มไม่ไหวเเล้วค่ะ เราเหนื่อยมาก เราพยายามเเล้ว มันไม่ใช่เเค่เดือนสองเดือนหรือเเค่ปีสองปี เเต่มันหลายปีเเล้ว เราพยายามเปลี่ยน พยายามผลักดันตัวเอง เเต่สิ่งที่เราได้มามันทำให้เราสงสัยว่าเราจะทำไปทำไม เราอยากที่จะหลับไปค่ะ หลับไปตลอดกาล ไม่อยากเติบโตขึ้น ไม่อยากอยู่ในโลกที่ต้องเเก่งเเย่งชิงดีในทุกๆวัน เราเหนื่อยที่จะต้องทำเหมือนว่าเราโอเคทั้งๆที่เราไม่โอเค เราเคยคุยกับเเม่ไปหลายครั้งเเล้วค่ะ เเม่ร้องไห้ เเม่กอดเรา เเม่บอกว่ามันจะไม่เป็นไร เเต่มันก็เหมือนเดิมค่ะ พอกลับมาเเล้วเเม่ไม่พอใจก็ด่าเราเหมือนเดิม เราเหนื่อยมากเลย เราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ตอนนี้เราต้องเลือกเเล้วว่าอนาคตอยากที่จะเรียนคณะอะไร ทำงานเป็นอะไร เราโดนไล่บี้จากคนรอบตัวตลอดเลยค่ะ เเต่เราไม่มีสิ่งที่ชอบ เราไม่เก่งอะไรเลย ทุกอย่างธรรมดาไปหมด ปรึกษาใครก็ไม่ได้เลย เราโดนบังคับให้โตขึ้น เรา เราท้อมาก เราอยากตายเเต่เรากลัวเจ็บค่ะ เราเคยคิดว่าจะกินยาให้เยอะๆเเล้วปล่อยให้ตัวเองตายไปซะ เเต่เเค่6เม็ดเราก็กลัวเเล้วค่ะ เเต่เราทนมานานมากจริงๆนะ เเล้วก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานเเค่ไหน เราไม่โอเคเลยค่ะ มันไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย เเต่จิตใจเรามันไม่ไหวจริงๆ เรารู้สึกว่างเปล่ามาก เเล้วก็กดดันมาก มันเหมือนมีบ่วงที่เรียกว่าความกตัญญูกับคำว่าการฆ่าตัวตายมันไม่ดีรัดเเล้วก็คือว่าหน้าที่รัดคอเราอยู่ ในตอนนี้เราอยากทิ้งทุกอย่างไปซะ ทำตามใจตัวเอง เเล้วตายๆไปซะ เเต่ว่าเราไปอ่านเจอคำหนึ่งมาค่ะ สัตว์ที่ถูกฝึกมาจนเชื่องชินเเล้ว ต่อให้ถูกปลดปลอกคอ ก็จะยังทำในสิ่งที่เคยทำอยู่ดี ใช่ค่ะ เราเป็นเเบบนั้น สมองเราสั่งให้เราต่อต้าน ทั้งร่างกายเเละจิตใจของเรามันชินไปเเล้ว เราอยากจะร้องไห้ เเต่ในใจก็บอกอีกว่าต่อให้ร้องไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราไม่ได้มาขอความช่วยเหลือค่ะ ถ้าเราจะต้องตายจริงๆ ปล่อยให้เราตายไปพร้อมกับปลอกคอนี่เถอะ เราเเค่อยากจะมาเเชร์ปัญหาชีวิตเฉยๆ เเต่ได้โปรด ถ้าเจอใครเหมือนเรา ได้โปรดช่วยเขาด้วยก่อนที่จะสายไป
เรากลัวการโตเป็นผู้ใหญ่ คิดว่าตัวเองน่าจะเป็นปีเตอร์เเพนซินโดรมค่ะ
เรื่องต่อมาก็คงเป็นเรื่องพ่อค่ะ เนื่องด้วยเราไม่มีพ่อมารับเหมือนเด็กคนอื่นๆก็เลยมักที่จะโดนตั้งคำถาม "พ่อเธอไปไหน ทำไมไม่มารับ" "พ่อเธอตายเเล้วเหรอ งั้นเธอก็ไม่มีพ่อน่ะสิ" อะไรประมานนี้ มันเป็นคำพูดที่เเสนไร้เดียงสา เเต่ก็เจ็บมากๆเลยค่ะ ตัวเราในสมัยนั้นร้องไห้หนักมากๆ เราไม่เข้าใจ เเต่เรารู้สึกได้ว่าเราไม่โอเคมากๆกับคำพูดเเบบนั้น ในทุกๆครั้งที่เลิกเรียนกลับบ้าน พอเห็นเพื่อนๆที่กลับบ้านกันสามคนพ่อเเม่ลูกมันก็ทำเราอิจฉาค่ะ พอมามองที่ครอบครัวญาติเราที่อยู่กันครบ ก็รู้สึกสงสัย ทำไม? พ่อไปไหน ทำไมไม่อยู่กับเราเหมือนครอบครัวอื่น ซึ่งพอโตมาก็เข้าใจค่ะ ว่าเขาไม่อยู่เเล้ว สารภาพตรงๆว่าเราไม่ได้มีความทรงจำหรือความผูกพันธ์เกี่ยวกับพ่อเลย กระทั่งรูปเองก็ไม่เคยเห็น เพราะเขาไม่ชอบถ่ายรูปค่ะ รูปที่มีเขาอยู่กันก็เก่ามาก เเม่หาไม่เจอ ก็เลยปล่อยเบลอไป เพราะเเบบนั้นกระทั่งหน้าตาเราก็จำไม่ได้ค่ะ
เเม่ของเราเป็นคนขี้ใจอ่อน ชอบสงสารคนอื่นเเม้ว่าตัวเองจะลำบาก เเต่พอถูกขอร้องก็จะใจอ่อนเเละช่วยเหลือคนอื่นตลอดเลยค่ะ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี เเต่ตอนนั้นเเม่ต้องจ่ายค่าเทอมให้เรา เเล้วพอดีกับคุณน้าที่เป็นคนรู้จักเเม่เขาตกงาน โดนไล่ออก ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า เเม่ก็เลยให้เงินเขายืมไปหมื่นนึงค่ะ คิดว่าเขาคงจะให้คืน ต่อให้จ่ายเงินค่าเทอมของเราไปด้วยก็น่าจะโอเค เเต่สุดท้ายต้องกินข้าวคลุกน้ำปลาทั้งเเม่ทั่งลูกค่ะ เพราะเขาไม่คืน เเถมมาขอเงินเพิ่มอีก ซึ่งเเม่เราก็ให้ด้วย(เเม่!!) เพราะตอนเเม่ท้องเรา เเม่เราออกจากงานพอดี เเม่ก็เลยทำงานเป็นฟรีเเลนซ์ค่ะ คิดว่ามีสามี สามีคงจะช่วยเเบ่งเบาภาระให้ เเต่เปล่าค่ะ ไม่ใช่เลย เเม่เราเป็นเหมือนไบโพล่าค่ะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตอนเช้าอารมณ์ดี เเต่พอตกเย็นก็ด่าเราระบายอารมณ์ เพราะเครียดเเล้วก็ไม่รู้จะไปลงที่ไหนค่ะ ในทุกๆคำที่เเม่กล่าวมามันเจ็บมาก "ฉันไม่น่าเเต่งงานกับมันเเล้วคลอดเเกออกมาเลย" "ถ้ารู้ว่าจะคลอดภาระโง่ๆอย่างเเกออกม่ ฉันน่าจะทำเเท้งไปซะ" เเละอีกมากมายสารพัดที่พูดกับเด็ก7ขวบ หลายๆครั้งเองก็ขู่ที่จะใช้กำลัง บอกว่าจะเอาไปทิ้งบ้าง บอกว่าเสียใจที่คลอดเราออกมา เเล้วก็ชอบบ่นที่เราไม่ได้เรียนเก่งเหมือนเด็กคนอื่น ทั้งการเรียน กีฬาเองก็อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ดี ไม่ได้เเย่ ต้องยอมรับว่าเราไม่ใช่คนหัวดีขนาดนั่น เรียนที่ห้องเรียนก็ไม่เข้าใจ ทึกครั้งที่อยากจะขอให้คุณเเม่สอนก็มักที่จะโดนบอกปัดว่าไร้สาระเสมอ เชื่อไหมคะว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราจัดงานวันเกิดเเค่4ครั้งเท่านั้น ไม่มีของขวัญวันเกินเหมือนเด็กคนอื่นๆ ซึ่งเรายอมรับได้เพราะครอบครัวเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้น เเค่เเม่จำวันเกิดของเราได้เราก็ดีใจเเล้ว เเต่เเม่มักที่จะทำงานจนลืมตลอด ถ้าเราไม่พูด เเม่ก็จะไม่รู้ ซึ่งมันเจ็บค่ะ มันเจ็บมาก เราอยากที่จะร้องขอของเล่นเเบบเด็กคนอื่นบ้าง เเต่เรารู้ว่าถ้าเราพูดไปเเม่จะต้องดุเเน่ เพราะเเบบนั่นเลยได้เเต่เก็บเอาไว้ในใจ ทุกครั้งที่เราทำผิด เราต้องขอโทษค่ะ เเละเเม่มักที่จะชอบเอาเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือไม่ก็หยิบความผิดในอดีตของเรามาขยี้ซ้ำเสมอ เเต่ถ้าเเม่เป็นผ่านทำผิดหรือทำรุนเเรงเกินไป มันจะไม่มีคำขอโทษค่ะ เราคือคนผิด ที่จะต้องเป็นผ่านขอโทษเสมอเพื่อไม่ให้เเม่เมินเรา เรากลายเป็นเด็กเก็บกด เรารู้เรื่องนั่นดีค่ะ พอโตขึ้นก็เริ่มที่จะไม่พูดความรู้สึกของตัวเอง เเล้วก็ยิ้มหรือไม่ก็พยักหน้าอย่างเดียว เพราะเรารู้ว่านั่นคือทางเดียวที่จะทำให้เเม่ชมเราค่ะ เเต่มันว่างเปล่ามากๆ มันเหนื่อยมากจริงๆ
เรากลัวคนเยอะๆค่ะ มันมีครั้งหนึ่งที่เเม่ไปค้ำประกันหนี้นอกระบบให้กับคนรู้จัก เเต่เขาหนีหนี้ ไม่ยอมจ่าย เพราะงั้นเลยมีคนน่ากลัวๆ มาที่บ้านเเล้วก็บังคับให้เเม่จ่ายเเทน พวกทะเลาะกันเสียงดัง เเล้วก็น่ากลัวมาก เเล้วเเม่เองก็กู้หนี้นอกระบบมาเหมือนกัน เเต่ตามจ่ายไม่ทันเลยต้องปิดบ้านหนี ในทุกๆครั้งที่ได้ยินเสียงรถ เสียงฝีเท้า หรือเสียงตะโกนเรียกชื่อเเม่จากเจ้าหนี้มันทำเรากลัวมากจริงๆ ยิ่งโดยเฉพาะตอนที่เขาเคาะประตูหน้าบ้านเเบบรุนเเรงมากๆพร้อมกับเสียงที่ฟังยังไงก็โมโห เป็นเเบบนั้นไปประมาน2-3เดือนจนเเม่จ่ายหนี้ของตัวเองหมด เเต่มันทำเรากลัวจนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถขับผ่านหน้าบ้าน เราจะรู้สึกระเเวงทุกครั้งเลยค่ะ
เรามีชีวิตอย่างไร้จุดหมายค่ะ ไม่มีความฝันหรือเป้าหมาย ความจริงเคยมี เเต่ตอนนี้มันไม่มีเเล้วค่ะ สมัยเด็กๆเราอยากเป็นนักร้องค่ะ เเต่ก็ถูกดับฝันโดยผู้ใหญ่ พวกเขาหัวเราะกัน เเล้วบอกว่าหน้าตาก็ไม่ได้สวย เพลงก็ร้องเพี้ยน เป็นนักร้องไม่ได้หรอก ต่อมาเราอยากเป็นนักกีฬา พวกเขาบอกกับเราว่าร่างกายก็อ่อนเเอ ทำอะไรนิดหน่อยๆก็เหนื่อยเเล้ว เป็นไม่ได้หรอก เเล้วก็บอกว่า"เป็นหมอสิ งานมั่นคงนะ เงินเดือนเป็นเเสนๆ" "ไปเป็นเเอร์สิ สูงไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็น่าจะมีประโยชน์กว่าไปเต้นกินรำกินนะ" "เป็นครูสิ อาชีพข้าราชการมีเงินเดือนมั่นคง เเถมไม่เหนื่อยด้วย" เรากลัวเลือดค่ะ เเล้วก็กลัวความสูงด้วย เราไม่ได้อยากที่จะเป็นครู มันไม่ใช่เรา หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยพูดเรื่องความฝันของตัวเองเลยค่ะ ในตอนที่เราดาวน์มากๆ สิ่งที่เป็นเซฟโซนของเราไม่ใช่ครอบครัว เพื่อนหรืออะไรเลยค่ะ มันคือนิยายเรื่องหนึ่งที่เราบังเอิญไปเห็นเเล้วก็กดไปโดนพอดี จากนั้นเราก็จมดิ่งอยู่ในโลกใบนั้น โลกที่เราจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็น ไม่ใช่ตัวเราคนนี้ ต้องยอมรับว่ามันทำให้เราอยากที่จะตื่นขึ้นมาในทุกๆวันเพื่อมาดูว่าวันนี้มีนิยายเรื่องไหนอัปบ้าง เเต่– เเต่มันเริ่มไม่ไหวเเล้วค่ะ เราเหนื่อยมาก เราพยายามเเล้ว มันไม่ใช่เเค่เดือนสองเดือนหรือเเค่ปีสองปี เเต่มันหลายปีเเล้ว เราพยายามเปลี่ยน พยายามผลักดันตัวเอง เเต่สิ่งที่เราได้มามันทำให้เราสงสัยว่าเราจะทำไปทำไม เราอยากที่จะหลับไปค่ะ หลับไปตลอดกาล ไม่อยากเติบโตขึ้น ไม่อยากอยู่ในโลกที่ต้องเเก่งเเย่งชิงดีในทุกๆวัน เราเหนื่อยที่จะต้องทำเหมือนว่าเราโอเคทั้งๆที่เราไม่โอเค เราเคยคุยกับเเม่ไปหลายครั้งเเล้วค่ะ เเม่ร้องไห้ เเม่กอดเรา เเม่บอกว่ามันจะไม่เป็นไร เเต่มันก็เหมือนเดิมค่ะ พอกลับมาเเล้วเเม่ไม่พอใจก็ด่าเราเหมือนเดิม เราเหนื่อยมากเลย เราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ตอนนี้เราต้องเลือกเเล้วว่าอนาคตอยากที่จะเรียนคณะอะไร ทำงานเป็นอะไร เราโดนไล่บี้จากคนรอบตัวตลอดเลยค่ะ เเต่เราไม่มีสิ่งที่ชอบ เราไม่เก่งอะไรเลย ทุกอย่างธรรมดาไปหมด ปรึกษาใครก็ไม่ได้เลย เราโดนบังคับให้โตขึ้น เรา เราท้อมาก เราอยากตายเเต่เรากลัวเจ็บค่ะ เราเคยคิดว่าจะกินยาให้เยอะๆเเล้วปล่อยให้ตัวเองตายไปซะ เเต่เเค่6เม็ดเราก็กลัวเเล้วค่ะ เเต่เราทนมานานมากจริงๆนะ เเล้วก็ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานเเค่ไหน เราไม่โอเคเลยค่ะ มันไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย เเต่จิตใจเรามันไม่ไหวจริงๆ เรารู้สึกว่างเปล่ามาก เเล้วก็กดดันมาก มันเหมือนมีบ่วงที่เรียกว่าความกตัญญูกับคำว่าการฆ่าตัวตายมันไม่ดีรัดเเล้วก็คือว่าหน้าที่รัดคอเราอยู่ ในตอนนี้เราอยากทิ้งทุกอย่างไปซะ ทำตามใจตัวเอง เเล้วตายๆไปซะ เเต่ว่าเราไปอ่านเจอคำหนึ่งมาค่ะ สัตว์ที่ถูกฝึกมาจนเชื่องชินเเล้ว ต่อให้ถูกปลดปลอกคอ ก็จะยังทำในสิ่งที่เคยทำอยู่ดี ใช่ค่ะ เราเป็นเเบบนั้น สมองเราสั่งให้เราต่อต้าน ทั้งร่างกายเเละจิตใจของเรามันชินไปเเล้ว เราอยากจะร้องไห้ เเต่ในใจก็บอกอีกว่าต่อให้ร้องไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เราไม่ได้มาขอความช่วยเหลือค่ะ ถ้าเราจะต้องตายจริงๆ ปล่อยให้เราตายไปพร้อมกับปลอกคอนี่เถอะ เราเเค่อยากจะมาเเชร์ปัญหาชีวิตเฉยๆ เเต่ได้โปรด ถ้าเจอใครเหมือนเรา ได้โปรดช่วยเขาด้วยก่อนที่จะสายไป