ก็คือขอ เกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้เกิดมาเมื่อประมาณต้นเดือนได้ก็คือบ้านเรากับบ้านคู่กรณีอยู่ติดกันเลยก็คือมีแค่ถนนเล็กๆกั้น วันที่ผมจำไม่ได้แน่นอนครับแต่ว่าเรื่องมันเกิดประมาณต้นๆเดือน ก็คือว่าน้องชายผมอายุ 8 ขวบน้องไม่สบายมีอาการปวดหัวกินยาไปก็ไม่เบาไปโรงพยาบาลกี่รอบโรงพยาบาลก็ให้แต่ยาพาราก็ไม่เบาจนย่าก็ไปขอคำปรึกษาญาติๆที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละหลายๆคน แล้วต้องบอกว่าย่าเคยรับยาจิตเวชมากิน แต่ช่วงนี้ย่าไม่ได้กินแล้วไม่ได้กินมานานหลายปีแล้วโรคจิตเวชเป็นมาตั้งแต่แม่ของย่าแล้วก็เหมือเพราะว่าย่าเหมือนแบบว่ามีความเครียดสะสมเรื่องครอบครัวก็เลยบอกว่าเป็นประสาทแกเลยไม่ค่อยดี เข้าเรื่องต่อเลยนะครับ ก็คือคู่กรณีก็เป็นญาติๆกันนี่แหละเมื่อก่อนก็คุยกันดีจนมาเหมือนว่าคู่กรณีเขามาพูดว่าไปก็ไม่หายไปบ่อยๆซึ่งตอนที่เขาพูดเราไม่อยู่เราไปโรงเรียนว่าเรากลับมาจากโรงเรียนย่าเลยเล่าให้ฟัง
พอเราได้ฟังทีแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไรก็เออแบบนั้นเออน่าจะแบบแนะนำนั่นแหละจนพอ ซึ่งในขณะนั้นย่าคิดไม่เหมือนเราแล้วเพราะว่าเครียดมากเราก็ปล่อยจอยไม่ได้อะไรไม่ได้คิดอะไรจนมาอีกวัน
เราไม่รู้ว่าย่าแขวะคู่กรณีคนนี้ไหมเพราะย่าด่าเลยด่าลั่นๆๆก็ไม่รู้ว่าแกด่าอะไรแต่ต้องบอกก่อนว่าแกเป็นคนที่ด่านู่นด่านี่ด่าไปเรื่อยด่าแมวด่านู้นด่านี่แล้วทีนี้เราก็นอนอยู่ในบ้านคู่กรณีก็เดินมา เรียกย่าเราว่าอี แล้วการทะเลาะก็เริ่มขึ้น ด่ากันแบบลั่นซอยเลยด่าๆ จนจบ สามีของคู่กรณีก็โผล่ออกมาช่วยภรรยาด่าบอกกับบ้านเราว่าถ้าอย่างนั้นที่ไม่ต้องมาเดินซึ่งถนนตรงนี้ทุกคนเดินกันมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว แล้วเราก็ไปถามคนแก่เขาก็บอกว่าโอ๊ยยกให้หลวงไปแล้วที่พวกนี้ทางเดินเนี่ยเดินกันมาตั้งนานแล้วแต่ยัยคู่กรณี ก็คือมาทำตัวเหมือนเจ้าของถึงต่อว่าใช่อดีตเป็นที่คุณแต่ตอนนี้มันเป็นทางเดินกลาง ขอแทนคู่กรณีว่ายายแล้วกัน ยายคนนี้ก็คือแบบมาเก็บมา
กวาดขวดโน่นนี่นั่นแล้วก็ เอาป้ายมาห้อยห้ามทิ้งขยะ ที่เอามาห้อยก็คือมันก็นานแล้วป้ายอันนี้จบวันต่อมาลูกสาวของยายคนนี้ก็เดินมาเรียกผมว่าน้องเดียวย่าอยู่ไหน ผมก็เลยบอกว่าอยู่ในบ้าน
วันนั้นก็มานั่งคุยกันทีนี้ผมว่าเดินไปหลังบ้าน แต่ได้ยินเสียงแล้วล่ะว่าทะเลาะกันแล้วก็เลยขี่รถออกมากับพี่แถวบ้าน เห็นว่าลูกสาวของยายคนนั้นน่ะกำลังยืน พูดอะไรอยู่บนถนนส่วน ยายคนนั้นน่ะก็ด่าช่วยลูกอยู่บนบ้าน ที่นี่เราก็ออกไปแล้ว คิดว่าเดี๋ยวก็คงจบ ที่นี่ก็คือแบบกลับมายากเล่าให้ฟังว่าพ่อมันจะเอาไม้เข้ามาตีถึงในบ้าน พ่อมันในที่นี้ก็ ผัวของยายคู่กรณี อาจจะเล่างงๆหน่อยนะ จนที่นี่ก็คือแบบลูกสาวของยายคู่กรณีก็ไปเอาตำรวจมาละถามว่า
คุณ เอาตำรวจมาทำไมในเมื่อคุณก็ผิด เอามาแล้วตำรวจช่วยอะไรได้ ก็จบไปอีกวัน ที่นี่ จนมาวันนึง
เราเพิ่งมารู้ตอนเย็นว่าย่าเราถูกทำร้ายร่างกายก็คือคนที่บ้าเล่าให้ฟังว่ายากเดินไปตามน้องกลับมาบ้านแล้วมีน้องชาย 2 คน 8 ขวบ แล้วก็ 7 ขวบ
ก็คือใยคู่กรณีปั่นจักรยานมาข้างหลัง ย่าไม่รู้ตัวหรอก อันนี้ฟังมาจากน้องนะเพราะน้องเดินตามหลังย่าอยู่ที่นี่ ยายเนี่ยเดินเข้าไปจิกหัวย่าเราแล้วก็ทุบๆ
ถ้าตอนนั้นน้องเราไม่หล่อก็คือไม่มีใครรู้เลยว่าย่าเราถูกทำร้ายร่างกายในขณะที่จะถึงบ้านแล้วคือพูดแบบไม่อายพูดแบบตามตรงคือตบจนเยี่ยวราด
แล้วลูกชายของยายคู่กรณีก็คืออยู่บนบ้านไม่ยอมมาห้ามแม่ตัวเองจนน้องเราแบบร้องๆๆๆจนคนข้างบ้านอยู่ถัดไปเราก็โผล่หน้าออกมาเอาก็ได้แล้วมั้งซึ่งตรงกับน้องว่าเขามาช่วยออกมาห้าม ซึ่งเรากลับมาจากโรงเรียนสภาพที่เราเห็นก็คือใบหน้าย่าบวมแล้วก็แบบว่ามันโดนเล็บขูดจนเลือดเราไม่ได้ถ่ายภาพเอาไว้เพราะคิดว่าจะไม่เอาความคิดว่าเออยังไงเนี่ยเราก็ผิดผิดตรงที่แบบชอบไปพูดนู่นนี่นั่น อันนี้ยอมรับว่าย่าเราผิดจริงผิดตรงที่แบบไปแขวะด่าแบบเสียงดังให้ได้ยิน ส่วนยายน่านไม่แขวะแต่เอาไปพูดเอาไปพูดในร้านค้าทีนี้ป้าที่ขายส้มตำสนิทกับเราเขาก็เลยพูดว่าเออแม่ค้าเขามาพูดอย่างนู้นอย่างนี้ก็คือยายคู่กรณีเอาไปเล่าป้าที่ขายส้มตำก็เลยบอกว่าโอ๊ยเรื่องแบบนี้เรื่องอะไรเรื่องใครเรื่องมันไม่เอามาใส่ใจหรอกฉันรู้อะไรไม่ดีไม่ต้องพูดหรอกเพราะแกไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ สรุปไปโรงพยาบาลก็ไม่หายก็เลยพาไปคลินิกก็มีประเด็นตรงนี้คลินิกไปกินยาแล้วหาย แต่ อยากคู่กรณีบอกว่าไปไม่หายแล้วถามแบบว่าคุณจะมายุ่งเรื่องบ้านเราทำไมจะหายไม่หาย บ้านเราก็ไม่ได้ไปขอเงินคุณ
จนมาวันนี้เหตุการณ์เกิดแบบพุทธศาสนาเลยก็คือไม่ควรกินประมาณ 5-6 โมงเย็นวันนี้ ย่ากำลังนั่งกินขนมอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน แล้วป้าที่อยู่ข้างหลังบ้านเราเนี่ยมีศักดิ์เป็นหลานย่า ปกติก็จะแซวก็จะด่าแรงๆกันอยู่ป้าคนนี้เขาก็เดินโผล่มา โน่นพูดนี่ ย่าก็เลยด่าป้าคนนั้นปกติด่ากันเป็นประจำอยู่แล้วด่าแบบเล่นๆ
แล้วยายคู่กรณี ขี่รถจักรยานไฟฟ้าโผล่ออกมาซึ่งย่าเราไม่รู้มาก่อนว่ายายคนนี้เข้ามาในซอยตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยายคนนี้ก็คงจะเข้าใจว่าย่าไปด่าซึ่งมันเป็นจังหวะที่ย่าด่ากับป้า แล้วคู่กรณีก็พูดอะไรมาสักอย่าง ก่อนจะขี่ออกไป หน้าบ้านแล้วก็ขี่กลับเข้ามา
รอบนึงซึ่งตอนนั้นย่าเราเข้านอนแล้วเข้านอนดูโทรทัศน์ซึ่งเราก็อยู่ที่เปลกำลังเล่นกับเด็กน้อยอยู่แถวบ้านยายคู่กรณีก็ขี่มาจอดเลยบ้านบ้านไปไม่เท่าไหร่แล้วคู่กรณีเขาบอกว่าเดี๋ยวค่อยดูนะรอบนี้กูจะตบอีก เหมือนจงใจจะให้เราได้ยินซึ่งตอนนั้นเราก็แบบเลือดขึ้นหน้าเลย เออถึงกูจะเด็กกว่าแต่ก็ไม่ควรมาใช้กำลังไหมเองหรือเปล่าที่แบบเดือดร้อนตัวเอง เออก็คิดในใจนะมันก็ไม่จบแค่นี้เรากังวลจากรอบที่ย่าเราโดนทำร้ายร่างกายไปแล้ว แล้วจนมาวันนี้ก็คือมาขู่อีกรอบนึงเพิ่งจะบอกว่าทางบ้านของยายคนนี้ตั้งแต่ลูกสาวผัวลูกเขยลูกชายลูกชายเนี่ยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแล้วถามว่าเอางานไหมก็ไม่
คงคิดว่าตัวเองมีเงินมาทำตัวยิ่งใหญ่เคยมีประวัติด่าพ่อผัวมาแล้วแล้วก็เอาใส่ปากมากก็เลยน้ำมันลวกวัวจนเนื้อตัวมันเลยเป็นหนังลอก เราเข้าใจว่าเราเป็นเด็กเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แต่ว่าคุณทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องถ้าอย่างนี้เราจะไปไหนไม่ได้เลยเราจะต้องมานั่งกังวลหรอว่าคุณจะมาทำร้ายร่างกายย่าเราตอนไหน เราก็ไปคุยกับบ้านนู้นนี้ว่าเออจะทำยังไงดี เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แต่ย่าเราอ่ะจะเป็นเสาหลักของบ้าน ถ้าเกิดว่าย่าเราเป็นอะไรขึ้นมาคุณจะรับผิดชอบเราไหม พ่อแม่เราแยกทางกันมีพี่น้อง 4 คนน้องเลี้ยงอีก 1 คน ซึ่ง 3 คนก็คือเรากับน้องชายอีก 2 คนย่าเป็นคนเลี้ยงส่วนน้องที่เหลืออยู่กับพ่อส่วนแม่ก็หากินติดยาเร่ร่อนเข้าไปวันๆ ไม่ได้พูดให้ตัวเองน่าสงสารเราเองก็ผิดไปบางเรื่องแต่บางเรื่องคุณก็ไม่สมควรมาทำแบบนี้จนพอทีนี้เมื่อประมาณ 20:00 น 20:00 น น่ะคู่กรณีและก็เดินมาย่าเราก็นอนดูโทรทัศน์ คู่กรณี พูดว่าอีจุดจุดจุด
มันก็ ยืนด่าว่าเราอยู่หน้าบ้าน ด่าแบบสารพัดย่าเราก็เลยสวนด่ากันไปด่ากันมามันพูดว่าบ้านเราควายทั้งบ้าน ขึ้นมาก็เลยด่า แล้วยายนั่นก็คือด่าเราบอกว่า
ไอ่เด็ก
เออมาด่าเราแบบนี้เราเลยนั่นแหละ
พอๆๆหยาบเกินไป ถ้ามีคำหยาบขอโทษนะครับ ด่าแบบเสียงดังกันมากมันบอกให้เรากับย่าเราออกไป ใครจะออกไปให้โง่ล่ะครับ จนคนข้างบ้านที่เคยมาห้ามตอนที่ย่าโดนตบรอบแรก ต้องออกมาห้ามอีกรอบ เอาเราไปพูดจนเสียหายหมดแล้วตกเย็นมาก็นั่งสุมหัวนินทาชาวบ้าน มันก็คงมีอีตัวเสี้ยมนั่นแหละ โคตรเกลียดเลยคนแบบนี้ แทนที่บ้านอยู่ใกล้กันจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมีอะไรก็คุยกันดีๆ ดูแล้วคู่กรณีก็น่าจะโดนเสี้ยมจนหัวสมองเบลอไปหมดแล้ว ถ้างี้บ้านเราด่ากับใครหรือว่าเอิ้นนู่นเอิ้นนั่นก็จะแปลว่าจะต้องด่าคู่กรณีใช่ไหมครับ บ้านเราไม่อยากมีปัญหาหรอกแต่เวลาเราไปไหนมาไหนยายแก่นี้จะต้องนั่งมองถ้าพูดตรงๆมันก็คงไม่ยอมรับหรอกว่านินทาเรา อีกอย่างเรากับหลานเขาก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนก็รักกันดี 2 บ้านเรา แล้วก็มีช่วงนึงที่เราไปช่วย
ย่าเราเก็บมะลิมันก็พูดมาก บอกเราขี้เกียจเก็บมะลิแล้วถามว่าหลานนอนอยู่ทำเห*้ยอะไรบ้าง
แ***คือไม่อยากพูดคำหยาบไม่อยากด่าไม่อยากอะไรกับคนแบบนี้ แก่จน60 จนจะตายอยู่แล้วยังแยกแยะไม่ออก เราก็เสียสุขภาพจิตแล้ว ไปไหนก็ต้องมาคอยพะวง ตอนที่ย่าโดนตบก็คือหลักฐานไม่มีแต่คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าย่าโดนตบก็คือไม่มีหลักฐานแต่มีพยานแวดล้อม เราควรทำไงดีเรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่แล้วยิ่งสงกรานต์ยิ่งเป็นห่วงใหญ่เวลาย่าไปเล่นงานที่วัดก็คือแบบกลัวจะโดนทำร้ายหรือไม่ก็ที่บ้านนี่แหละก็คือน้องเราสองคนตอนนี้ไปอยู่กับพ่อแล้วต่างจังหวัดเราก็เลยเลือกที่จะอยู่กับย่าเพราะเรารู้ว่ามันจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นถ้าเราไปด้วยเราก็ไม่อยากจะคิดว่ายากแล้วจะเป็นยังไงก็เลยอยากจะมาเล่าให้ทุกคนฟังเผื่อจะมีทางออกหรือทุกคนจะให้คำปรึกษาเราได้ ถ้ามันงงต้องขอโทษด้วยนะครับแล้วถ้ามีคำหยาบต้องขอโทษด้วยคลิปเสียงวันนี้เมื่อตอน 20:00 น เรามีคือแบบเสียงแหบเสียงแห้งเลยคือไม่เคยด่าใครแบบนี้มาก่อนก็คือยัยป้าแกมาทำแบบนี้มันก็ไม่ใช่
อันนี้เป็นไลน์ส่วนตัวครับทักมาให้คำปรึกษาหรืออยากทราบอะไรเพิ่มhttps://line.me/ti/p/0Fkyzel64X
ขอคำปรึกษาหน่อยฮะ
พอเราได้ฟังทีแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไรก็เออแบบนั้นเออน่าจะแบบแนะนำนั่นแหละจนพอ ซึ่งในขณะนั้นย่าคิดไม่เหมือนเราแล้วเพราะว่าเครียดมากเราก็ปล่อยจอยไม่ได้อะไรไม่ได้คิดอะไรจนมาอีกวัน
เราไม่รู้ว่าย่าแขวะคู่กรณีคนนี้ไหมเพราะย่าด่าเลยด่าลั่นๆๆก็ไม่รู้ว่าแกด่าอะไรแต่ต้องบอกก่อนว่าแกเป็นคนที่ด่านู่นด่านี่ด่าไปเรื่อยด่าแมวด่านู้นด่านี่แล้วทีนี้เราก็นอนอยู่ในบ้านคู่กรณีก็เดินมา เรียกย่าเราว่าอี แล้วการทะเลาะก็เริ่มขึ้น ด่ากันแบบลั่นซอยเลยด่าๆ จนจบ สามีของคู่กรณีก็โผล่ออกมาช่วยภรรยาด่าบอกกับบ้านเราว่าถ้าอย่างนั้นที่ไม่ต้องมาเดินซึ่งถนนตรงนี้ทุกคนเดินกันมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว แล้วเราก็ไปถามคนแก่เขาก็บอกว่าโอ๊ยยกให้หลวงไปแล้วที่พวกนี้ทางเดินเนี่ยเดินกันมาตั้งนานแล้วแต่ยัยคู่กรณี ก็คือมาทำตัวเหมือนเจ้าของถึงต่อว่าใช่อดีตเป็นที่คุณแต่ตอนนี้มันเป็นทางเดินกลาง ขอแทนคู่กรณีว่ายายแล้วกัน ยายคนนี้ก็คือแบบมาเก็บมา
กวาดขวดโน่นนี่นั่นแล้วก็ เอาป้ายมาห้อยห้ามทิ้งขยะ ที่เอามาห้อยก็คือมันก็นานแล้วป้ายอันนี้จบวันต่อมาลูกสาวของยายคนนี้ก็เดินมาเรียกผมว่าน้องเดียวย่าอยู่ไหน ผมก็เลยบอกว่าอยู่ในบ้าน
วันนั้นก็มานั่งคุยกันทีนี้ผมว่าเดินไปหลังบ้าน แต่ได้ยินเสียงแล้วล่ะว่าทะเลาะกันแล้วก็เลยขี่รถออกมากับพี่แถวบ้าน เห็นว่าลูกสาวของยายคนนั้นน่ะกำลังยืน พูดอะไรอยู่บนถนนส่วน ยายคนนั้นน่ะก็ด่าช่วยลูกอยู่บนบ้าน ที่นี่เราก็ออกไปแล้ว คิดว่าเดี๋ยวก็คงจบ ที่นี่ก็คือแบบกลับมายากเล่าให้ฟังว่าพ่อมันจะเอาไม้เข้ามาตีถึงในบ้าน พ่อมันในที่นี้ก็ ผัวของยายคู่กรณี อาจจะเล่างงๆหน่อยนะ จนที่นี่ก็คือแบบลูกสาวของยายคู่กรณีก็ไปเอาตำรวจมาละถามว่า
คุณ เอาตำรวจมาทำไมในเมื่อคุณก็ผิด เอามาแล้วตำรวจช่วยอะไรได้ ก็จบไปอีกวัน ที่นี่ จนมาวันนึง
เราเพิ่งมารู้ตอนเย็นว่าย่าเราถูกทำร้ายร่างกายก็คือคนที่บ้าเล่าให้ฟังว่ายากเดินไปตามน้องกลับมาบ้านแล้วมีน้องชาย 2 คน 8 ขวบ แล้วก็ 7 ขวบ
ก็คือใยคู่กรณีปั่นจักรยานมาข้างหลัง ย่าไม่รู้ตัวหรอก อันนี้ฟังมาจากน้องนะเพราะน้องเดินตามหลังย่าอยู่ที่นี่ ยายเนี่ยเดินเข้าไปจิกหัวย่าเราแล้วก็ทุบๆ
ถ้าตอนนั้นน้องเราไม่หล่อก็คือไม่มีใครรู้เลยว่าย่าเราถูกทำร้ายร่างกายในขณะที่จะถึงบ้านแล้วคือพูดแบบไม่อายพูดแบบตามตรงคือตบจนเยี่ยวราด
แล้วลูกชายของยายคู่กรณีก็คืออยู่บนบ้านไม่ยอมมาห้ามแม่ตัวเองจนน้องเราแบบร้องๆๆๆจนคนข้างบ้านอยู่ถัดไปเราก็โผล่หน้าออกมาเอาก็ได้แล้วมั้งซึ่งตรงกับน้องว่าเขามาช่วยออกมาห้าม ซึ่งเรากลับมาจากโรงเรียนสภาพที่เราเห็นก็คือใบหน้าย่าบวมแล้วก็แบบว่ามันโดนเล็บขูดจนเลือดเราไม่ได้ถ่ายภาพเอาไว้เพราะคิดว่าจะไม่เอาความคิดว่าเออยังไงเนี่ยเราก็ผิดผิดตรงที่แบบชอบไปพูดนู่นนี่นั่น อันนี้ยอมรับว่าย่าเราผิดจริงผิดตรงที่แบบไปแขวะด่าแบบเสียงดังให้ได้ยิน ส่วนยายน่านไม่แขวะแต่เอาไปพูดเอาไปพูดในร้านค้าทีนี้ป้าที่ขายส้มตำสนิทกับเราเขาก็เลยพูดว่าเออแม่ค้าเขามาพูดอย่างนู้นอย่างนี้ก็คือยายคู่กรณีเอาไปเล่าป้าที่ขายส้มตำก็เลยบอกว่าโอ๊ยเรื่องแบบนี้เรื่องอะไรเรื่องใครเรื่องมันไม่เอามาใส่ใจหรอกฉันรู้อะไรไม่ดีไม่ต้องพูดหรอกเพราะแกไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ สรุปไปโรงพยาบาลก็ไม่หายก็เลยพาไปคลินิกก็มีประเด็นตรงนี้คลินิกไปกินยาแล้วหาย แต่ อยากคู่กรณีบอกว่าไปไม่หายแล้วถามแบบว่าคุณจะมายุ่งเรื่องบ้านเราทำไมจะหายไม่หาย บ้านเราก็ไม่ได้ไปขอเงินคุณ
จนมาวันนี้เหตุการณ์เกิดแบบพุทธศาสนาเลยก็คือไม่ควรกินประมาณ 5-6 โมงเย็นวันนี้ ย่ากำลังนั่งกินขนมอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน แล้วป้าที่อยู่ข้างหลังบ้านเราเนี่ยมีศักดิ์เป็นหลานย่า ปกติก็จะแซวก็จะด่าแรงๆกันอยู่ป้าคนนี้เขาก็เดินโผล่มา โน่นพูดนี่ ย่าก็เลยด่าป้าคนนั้นปกติด่ากันเป็นประจำอยู่แล้วด่าแบบเล่นๆ
แล้วยายคู่กรณี ขี่รถจักรยานไฟฟ้าโผล่ออกมาซึ่งย่าเราไม่รู้มาก่อนว่ายายคนนี้เข้ามาในซอยตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยายคนนี้ก็คงจะเข้าใจว่าย่าไปด่าซึ่งมันเป็นจังหวะที่ย่าด่ากับป้า แล้วคู่กรณีก็พูดอะไรมาสักอย่าง ก่อนจะขี่ออกไป หน้าบ้านแล้วก็ขี่กลับเข้ามา
รอบนึงซึ่งตอนนั้นย่าเราเข้านอนแล้วเข้านอนดูโทรทัศน์ซึ่งเราก็อยู่ที่เปลกำลังเล่นกับเด็กน้อยอยู่แถวบ้านยายคู่กรณีก็ขี่มาจอดเลยบ้านบ้านไปไม่เท่าไหร่แล้วคู่กรณีเขาบอกว่าเดี๋ยวค่อยดูนะรอบนี้กูจะตบอีก เหมือนจงใจจะให้เราได้ยินซึ่งตอนนั้นเราก็แบบเลือดขึ้นหน้าเลย เออถึงกูจะเด็กกว่าแต่ก็ไม่ควรมาใช้กำลังไหมเองหรือเปล่าที่แบบเดือดร้อนตัวเอง เออก็คิดในใจนะมันก็ไม่จบแค่นี้เรากังวลจากรอบที่ย่าเราโดนทำร้ายร่างกายไปแล้ว แล้วจนมาวันนี้ก็คือมาขู่อีกรอบนึงเพิ่งจะบอกว่าทางบ้านของยายคนนี้ตั้งแต่ลูกสาวผัวลูกเขยลูกชายลูกชายเนี่ยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแล้วถามว่าเอางานไหมก็ไม่
คงคิดว่าตัวเองมีเงินมาทำตัวยิ่งใหญ่เคยมีประวัติด่าพ่อผัวมาแล้วแล้วก็เอาใส่ปากมากก็เลยน้ำมันลวกวัวจนเนื้อตัวมันเลยเป็นหนังลอก เราเข้าใจว่าเราเป็นเด็กเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แต่ว่าคุณทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องถ้าอย่างนี้เราจะไปไหนไม่ได้เลยเราจะต้องมานั่งกังวลหรอว่าคุณจะมาทำร้ายร่างกายย่าเราตอนไหน เราก็ไปคุยกับบ้านนู้นนี้ว่าเออจะทำยังไงดี เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แต่ย่าเราอ่ะจะเป็นเสาหลักของบ้าน ถ้าเกิดว่าย่าเราเป็นอะไรขึ้นมาคุณจะรับผิดชอบเราไหม พ่อแม่เราแยกทางกันมีพี่น้อง 4 คนน้องเลี้ยงอีก 1 คน ซึ่ง 3 คนก็คือเรากับน้องชายอีก 2 คนย่าเป็นคนเลี้ยงส่วนน้องที่เหลืออยู่กับพ่อส่วนแม่ก็หากินติดยาเร่ร่อนเข้าไปวันๆ ไม่ได้พูดให้ตัวเองน่าสงสารเราเองก็ผิดไปบางเรื่องแต่บางเรื่องคุณก็ไม่สมควรมาทำแบบนี้จนพอทีนี้เมื่อประมาณ 20:00 น 20:00 น น่ะคู่กรณีและก็เดินมาย่าเราก็นอนดูโทรทัศน์ คู่กรณี พูดว่าอีจุดจุดจุด
มันก็ ยืนด่าว่าเราอยู่หน้าบ้าน ด่าแบบสารพัดย่าเราก็เลยสวนด่ากันไปด่ากันมามันพูดว่าบ้านเราควายทั้งบ้าน ขึ้นมาก็เลยด่า แล้วยายนั่นก็คือด่าเราบอกว่า
ไอ่เด็ก เออมาด่าเราแบบนี้เราเลยนั่นแหละ พอๆๆหยาบเกินไป ถ้ามีคำหยาบขอโทษนะครับ ด่าแบบเสียงดังกันมากมันบอกให้เรากับย่าเราออกไป ใครจะออกไปให้โง่ล่ะครับ จนคนข้างบ้านที่เคยมาห้ามตอนที่ย่าโดนตบรอบแรก ต้องออกมาห้ามอีกรอบ เอาเราไปพูดจนเสียหายหมดแล้วตกเย็นมาก็นั่งสุมหัวนินทาชาวบ้าน มันก็คงมีอีตัวเสี้ยมนั่นแหละ โคตรเกลียดเลยคนแบบนี้ แทนที่บ้านอยู่ใกล้กันจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมีอะไรก็คุยกันดีๆ ดูแล้วคู่กรณีก็น่าจะโดนเสี้ยมจนหัวสมองเบลอไปหมดแล้ว ถ้างี้บ้านเราด่ากับใครหรือว่าเอิ้นนู่นเอิ้นนั่นก็จะแปลว่าจะต้องด่าคู่กรณีใช่ไหมครับ บ้านเราไม่อยากมีปัญหาหรอกแต่เวลาเราไปไหนมาไหนยายแก่นี้จะต้องนั่งมองถ้าพูดตรงๆมันก็คงไม่ยอมรับหรอกว่านินทาเรา อีกอย่างเรากับหลานเขาก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนก็รักกันดี 2 บ้านเรา แล้วก็มีช่วงนึงที่เราไปช่วย
ย่าเราเก็บมะลิมันก็พูดมาก บอกเราขี้เกียจเก็บมะลิแล้วถามว่าหลานนอนอยู่ทำเห*้ยอะไรบ้าง
แ***คือไม่อยากพูดคำหยาบไม่อยากด่าไม่อยากอะไรกับคนแบบนี้ แก่จน60 จนจะตายอยู่แล้วยังแยกแยะไม่ออก เราก็เสียสุขภาพจิตแล้ว ไปไหนก็ต้องมาคอยพะวง ตอนที่ย่าโดนตบก็คือหลักฐานไม่มีแต่คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าย่าโดนตบก็คือไม่มีหลักฐานแต่มีพยานแวดล้อม เราควรทำไงดีเรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่แล้วยิ่งสงกรานต์ยิ่งเป็นห่วงใหญ่เวลาย่าไปเล่นงานที่วัดก็คือแบบกลัวจะโดนทำร้ายหรือไม่ก็ที่บ้านนี่แหละก็คือน้องเราสองคนตอนนี้ไปอยู่กับพ่อแล้วต่างจังหวัดเราก็เลยเลือกที่จะอยู่กับย่าเพราะเรารู้ว่ามันจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นถ้าเราไปด้วยเราก็ไม่อยากจะคิดว่ายากแล้วจะเป็นยังไงก็เลยอยากจะมาเล่าให้ทุกคนฟังเผื่อจะมีทางออกหรือทุกคนจะให้คำปรึกษาเราได้ ถ้ามันงงต้องขอโทษด้วยนะครับแล้วถ้ามีคำหยาบต้องขอโทษด้วยคลิปเสียงวันนี้เมื่อตอน 20:00 น เรามีคือแบบเสียงแหบเสียงแห้งเลยคือไม่เคยด่าใครแบบนี้มาก่อนก็คือยัยป้าแกมาทำแบบนี้มันก็ไม่ใช่
อันนี้เป็นไลน์ส่วนตัวครับทักมาให้คำปรึกษาหรืออยากทราบอะไรเพิ่มhttps://line.me/ti/p/0Fkyzel64X