ความลับของนายเข็มทิศ

กระทู้สนทนา
อมยิ้ม07เป็นกระทู้แรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ เนื้อหาของกระทู้นี้จะเป็นเรื่องราวของนายเข็มทิศอมยิ้ม01

นายเข็มทิศเกิดและโตมาในครอบครัวที่ลำบาก พ่อของเขามีอาชีพรับจ้างทาสี แม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่บ้านและเลี้ยงวัว เขามีน้องสาวหนึ่งคน
เขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ น้องสาว ตากับยาย ตาของนายเข็มทิศเป็นร่างทรงประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านชอบเรียกหมอผี ส่วนยายเป็นเจ้าของวัวที่แม่เลี้ยง
บ้านตากับบายจะเป็นบ้านไม้หลังใหญ่ข้างล่างจะเป็นใต้ถุนโล่ง จะมีคอกว้ว และโอ่งเก็บน้ำกิน ข้างบนก็จะเป็นระเบียบยาว มีฝ่าบ้านแบ่งเป็นห้อง แต่พื้นที่ของบ้านจะโล่ง จะมีที่นอนตากับยาย พ่อกับแม่และผมกับน้อง บรรไดบ้านจะเป็นบรรไดไม้เป็นขั้นๆ

เริ่มต้นเรื่องราวจากตาของนายเข็มทิศ  ตาจะมีอาชีพร่างทรงทำหน้าที่ติดต่อกับวิญญาณ ตาจะให้วิญญาณมาสิงห์ร่างเพื่อญาติได้พูดคุยกับวิญญาณ
บ้างครั้งก็เพื่อรักษาคนที่โดนผีมาสิงห์ในร่างของคน และรักษาคนให้หายจากโรคภัย ซึ่งสมัยก่อนจะมีแค่สถานีอนามัยเล็กๆ ระยะทางจากบ้านไปอนามัย
ก็จะไกล คนในหมู่บ้านก็จะใช่การรักษาจากร่างทรงหรือชาวบ้านชอบเรียกว่าหมอผี พึ่งมาทราบจากยายว่าตาแกเลี้ยงผีไว้ และตาจะต้องรักษาศิลและสิงต้องห้าม แต่ตาจะชอบกินเหล้า เพราะร่างทรงพอมีวิญญาณเข้ามาในร่างส่วนใหญ่ก็ชอบกินเหล้า ซึ่งตอนวิญญาณออกจากร่างคนที่ได้ผลกระทบก็คือตา
มีวันหนึ่งยายบอกว่าตาไม่กลับบ้านก็เลยให้แม่และญาตๆช่วยกันตามหา ไปสอบถามบ้านที่ตาไปทำพิธีให้เขาก็บอกว่าตากลับไปแล้ว
ตามหายังไงก็ไม่เจอ ผ่านไปเป็นวัน จนอีกวันก็ผมตานอนเสียชีวีตอยู่ที่คอกหมูของชาวบ้าน ยายเล่าให้ฟังว่าน่าจะโดดผีที่แกเลี้ยงไว้ฆ่า และไม่ยอมให้ใครเห็นศพ ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ตากินเหล้าเมามากจนไม่สามารถคุ่มสติตัวเองได้ นอนหลับและเสียชีวิตในเวลาต่อมา  แถวบ้านเรียกว่าไหลตาย

มาเล่าเรื่องราวของนายเข็มทิศกับพ่อแม่และชีวิตในวัยเด็ก
นายเข็มทิศตอนเด็กเขาจะชอบไปเลี้ยงวัวกับแม่ ตอนนั้นมีวัวอยู่ประมาณ 10 กว่าตัว การเลี้ยงวัวต้องเตรียมตัวห่อข้าว น้ำ พอถึงตอนสายก็ปล่อยวัวออกไปหาอาหารกิน พิ้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่สาธารณะ นาของชาวบ้าน สวนอ้อย ไร่มันสำปะหลัง ไร่เม็ดมะม่วงหินมะพาน เวลาที่ไล่วัวไปหาหญ้ากินต้องระวังเวลาผ่านไร่มันสำปะหลังถ้าวัวไปกิน อาจได้ขึ้นบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย การเลี้ยงวัวไม่ยากเพราะวัวจะกินหญ้าไปเรื่อยๆ วัวจะเดินตามหาหญ้าเอง เรามีหน้าที่ในการเดินตามวัวและไม่ให้วัวไปกินพืชของชาวบ้าน พอกินหญ้าอิ่มวัวก็จะเดินไปยังแหล่งน้ำเพื่อไปกินน้ำ ถ้าน่าแล้งน้ำมีน้อยผมกับแม่ต้องเตรียมขุหรือกะแป๋งเพื่อตักน้ำให้วัว น้ำที่ตักคือน้ำบาดาลที่เป็นบ่อน้ำของชาวบ้าน (ต้องบอกก่อนนะครับสมัยก่อนคนใจดีมากไม่หวงพื้นที่เหมือนทุกวันนี้) พอวัวกินน้ำเสร็จก็จะหาร่มไม้เพื่อนอนพักกลางวัน ซึ่งก็เป็นเวลาที่ผมกับแม่จะได้พักกินข้าวที่เตรียมมา กินข้าวเสร็จก็นอนพักผ่อนรอว่าวัวจะลุกไปกินหญ้าตอนไหน บ้างวันก็หลับสนิน วัวก็เดินออกไปกินหญ้าก่อนที่เราจะตื่น ก็ต้องรีบวิ่งไปตามวัว ลืมเล่าอาวุธที่ใช้ในการเลี้ยงวัวคือหนังสติ๊กและลูกกระสุนคือลูกดินเหนียวเอาไว้ยิงวัวเวลาที่จะออกนอกเส้นทาง บ้างใครเจอกิ้งกาก็ยิ่งเพื่อเก็บไว้เป็นอาหารเย็น พอถึงเวลาเย็นๆก็ไล่วัวกลับเขาคอกที่บ้าน กลับมาถึงบ้านแต่ละวันเหนื่อยมาก แต่ภาระกิจเรายังไม่เสร็จ พอกลับถึงบ้านเราจะต้องไปตักน้ำที่บ่อน้ำประจำหมู่บ้านเพื่อจะมาใช้อาบและใช้ ส่วนน้ำกินจะอยู่ในโอ่งแดงขนาดใหญ่ การไปตักน้ำใช้จะต้องใช้รถเข็นที่มีสองล้อ บนรถเข็นจะมีแกล่อนน้ำเพื่อบรรจุน้ำ ตอนไปสบายมากแต่ตอนกลับมีน้ำเพิ่มมาน้ำหนักก็จะมากขึ้น วันไหนยางรถแบนหรือลืมเติมลมยาก การเข็นรถเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก บ้างวันไม่ใช้แค่รอบเดี่ยวนะ สองรอบ (สมัยก่อนไม่มีน้ำปะปาเหมือนทุกวันนี้) ผมเคยเข็นรถแล้วทำแกล่อนแตก แม่ก็ไม่รอช้าจัดไม้เรียวให้ผมทันที ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ น้ำตาไหลตลอดเส้นทาง กว่าจะถึงบ้าน พอถึงก็ต้องยกน้ำบนรถเข็นขึ้นไปบนบ้านเพื่อเทน้ำไว้สำหรับล้างถ้วยจาน กว่าจะยกขึ้นบ้านได้เหนื่อยมาก บรรไดแต่ก่อนจะเป็นบันไดไม้ จะทำด้วยไม้ยาวๆสองท่อน และจะมีไม้ที่ทำเป็นที่เหยียบประมาณ 9 ขั้น
พอทำงานบ้านเสร็จก็จะมานั่งรวมตัวที่ระเบียงบ้านเพื่อกินข้าวเย็นร่วมกัน จากนั้นก็จะนั่งคุยกันเรื่องราวต่างๆ ตาชอบเล่าเรื่องราวสมัยที่แกเป็นหนุ่มๆให้ฟัง ยายก็จะเล่าความเป็นมาของบ้าน ว่ากว่าจะได้พื้นที่มาสร้างบ้านที่เราอยู่ทุกวันนี้ตาจะต้องมาตัดต้นไม้ ถางป่าเพื่อจะได้พื้นที่ของตัวเอง สมัยก่อนคนที่มีพื้นที่เยอะต้องเป็นคนที่ขยันมากเพราะต้องถางป่าเองเพื่อนำมาเป็นพื้นที่ของตัวเอง ส่วนตาผมถางป่าประมาณ 10 ไร่ เพื่อทำเป็นที่อยู่ของลูกๆและครอบครัว 
มีเรื่องเล่าหนึ่งที่ผมจำไม่เคยลืม คือเรื่องเสือสมิง ยายบอกว่าจะมีเสือชอบมากินวัวของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้นอกคอกวัวเวลาตอนกลางคืน นั้นคือเหตุผลที่ตาสร้างบ้านสูง ใต้ถุนโล่ง เวลาเสือมาจะเห็นเป็นตาดวงแดงๆสองดวง มองผ่านพื้นบ้านลงไปเราจะเห็นทันที ตอนนั้นเราก็ยังเด็กพื้นบ้านที่เป็นไม้เราก็จะพยามยามนั่งให้อยู่แค่แผ่นเดี่ยวกลัวแสือจะกระโดดกัดก้น ถ้าเป็นเสือสมิงก็จะมาในร่างคน ยายบอกว่าตอนกลางคืนห้ามลงจากบ้านเด็ดขาด ตอนนั้นนะกลัวยิ่งกว่าเรื่องผีของทุกวันนี้อีก ส่วนเรื่องผีตอนนั้นตากับยายจะไม่ค่อยพูดให้ฟัง พอประมาณสองทุ่มก็แยกย้ายเข้านอนชีวิตก็จะเป็นแบบนี้ทุกวัน

เรื่องราวของนายเข็มทิศยังไม่หมด 
ยังมีเรื่องราวตอนที่พ่อไปทำงานแล้วเก็บเงินมาสร้างบ้านเอง
สร้างบ้านเสร็จก็มีเรื่องราวที่ทำให้สูญเสียคนรัก


ฝากติดตาม เรื่องราวของนายเข็มทิศด้วยนะครับ เรื่องราวนี้อยากบันทึกไว้เพื่อวันหนึ่งเราไม่อยู่บนโลกใบนี้จะได้เป็นเรื่องราวที่คนรุ่นหลังได้ศึกษา
เจอกันในกระทู้ต่อไปนะครับ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่