ทุ่งนาผีตายาย
ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาอันกว้างใหญ่ของจังหวัดมุกดาหาร มีเรื่องเล่าขานกันมานานหลายสิบปีเกี่ยวกับทุ่งนาผีตายาย ที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปในยามค่ำคืน หากไม่ได้จำเป็นจริง ๆ แม้แต่ผู้ที่มีความกล้าหาญที่สุดในหมู่บ้าน เช่น ลุงโยง มัคนายกวัดป่า ที่เดินทางผ่านมาหลายสิบปี ก็ยังต้องรีบข้ามทุ่งนาให้เร็วที่สุดเมื่อฟ้ามืดลง ทุ่งนานี้เคยเป็นที่ที่ชาวบ้านใช้ทำการเกษตร แต่ทว่ามันกลับกลายเป็นสถานที่ที่มีเสียงแปลก ๆ เสียงเหมือนคนร้องไห้โหยหวน ราวกับมีใครบางคนที่ยังค้างคาอยู่ในนั้น
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ในคืนหนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิด... "ตายาย" คู่สามีภรรยาแก่ชราที่อาศัยในกระท่อมไม้เล็ก ๆ ข้างทุ่งนา พวกเขามีชีวิตเรียบง่าย ดูแลแปลงนาข้าวเพียงเล็ก ๆ ด้วยมือของตัวเอง และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในท่ามกลางธรรมชาติ
คืนหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ฝนตกหนักจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ชาวบ้านต่างพากันหลบอยู่ในบ้านเพราะความกลัวที่จะถูกพายุพัดไป แต่ทว่าพายุครั้งนี้กลับนำพาสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดมา... ทุ่งนาและกระท่อมของตายายถูกน้ำป่าพัดพาไปในพริบตา เสียงน้ำที่ไหลเชี่ยวดังมาจากทุกทิศทาง เสียงกระท่อมพังทลายลงในความมืดมิด หลายวันผ่านไป ชาวบ้านช่วยกันค้นหา แต่กลับไม่พบร่องรอยของตายายเลย เหมือนกับว่าพวกเขาหายไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครรู้ว่าตายายหายไปไหน บางคนเชื่อว่า พวกเขาอาจจะสูญหายไปพร้อมกับพายุนั้น แต่ก็ไม่มีใครพบศพหรือแม้แต่เศษซากของกระท่อมที่พังทลาย ทุกอย่างดูเหมือนจะหายไปในอากาศ
เวลาผ่านไป ทุ่งนาที่เคยเต็มไปด้วยข้าวกล้าสีเขียวขจี กลับกลายเป็นทุ่งนาที่รกเต็มไปด้วยพงหญ้าทะมึน และมีความมืดครึ้มผิดปกติในตอนกลางคืน ชาวบ้านเริ่มเล่ากันว่า ในคืนเดือนมืด เสียงลมที่พัดผ่านทุ่งนานั้นเหมือนเสียงคนคร่ำครวญ หรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้โหยหวน ชาวบ้านที่กล้าเดินผ่านทุ่งนาในยามค่ำคืนมักจะได้ยินเสียงของผู้หญิงร้องเรียก "ช่วยด้วย...ช่วยด้วย" เสียงที่แหลมและน่าสะพรึงกลัว
คืนหนึ่ง ชาวบ้านที่กล้าหาญคนหนึ่ง ตัดสินใจเข้าไปในทุ่งนาเพื่อตามหาต้นตอของเสียงนั้น เขาตามเสียงร้องเรียกจนถึงกลางทุ่งนา ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ เขาพยายามจะเห็นสิ่งใดสักอย่าง แต่ทว่าเขากลับเห็นแค่เงาร่างของชายหญิงแก่ที่เดินไปมาในทุ่งนา ทั้งสองคนเดินช้า ๆ และสะท้านเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจากเขา
เมื่อชายคนนั้นเดินเข้าไปใกล้ เขาได้ยินเสียงทั้งสองพูดขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ และสะอื้น "เราไปไหนไม่ได้แล้ว...ช่วยเราด้วย" แล้วทันใดนั้น ร่างของตายายก็หายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับพวกเขาหมดสภาพจากโลกนี้
ชายคนนั้นตกใจจนวิ่งหนีกลับหมู่บ้านด้วยความเร็ว
กระทั่งวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านพบเขานอนหมดสติอยู่ข้างทาง ใบหน้าของเขาซีดขาวและตาก็เหลือบมองไปที่ทุ่งนาด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขากลายเป็นคนวิกลจริต พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดแต่ว่า ตายาย ผีหลอก วิ่งวนๆ
หลังจากนั้น ชาวบ้านไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ทุ่งนาผีตายายอีกเลย เรื่องราวเกี่ยวกับตายายที่ทุ่งนาก็เริ่มเล่าลือต่อไปเป็นวงกว้างขึ้น แม้แต่คนที่ยังไม่เคยสัมผัสกับเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ ต่างก็เริ่มกลัวจนไม่กล้าผ่านไปที่นั่นในยามค่ำคืน เรื่องราวของการหายไปในทุ่งนาแห่งนั้นกลายเป็นตำนานที่ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมา และเตือนลูกหลานให้ระวังตัว โดยไม่มีใครกล้าพูดถึงหรือเข้าใกล้ทุ่งนานั้นอีกเลย
ทุ่งนาผีตายายยังคงเป็นที่รกร้างในเวลาค่ำคืน และเสียงคร่ำครวญที่ไม่มีที่มานั้น ยังดังไปทั่วทุ่งนาแห่งนี้
ทุกคนที่ผ่านไปใกล้ ๆ จะรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
ที่ไม่น่าอยู่ที่นั่นแล้ว เพราะเวลาผ่านไปนานแล้ว
แต่ก็ยังแอบรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางสิ่งที่เฝ้าดูอยู่เสมอ...
และแว่วเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมาจากทุ่งร้างแห่งนั้น
บางคืนกลางดึกก็แว่วเสียงร้องไห้
คว่ำครวญ....จากผู้ไร้ตัวตน
**ติดตามฟังเรื่องน่ากลัวที่มากขึ้นได้ทางช่องยูทูป พระเจอผี และช่อง จักรวาลผี**
ทุ่งนาผีตาผียาย
ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาอันกว้างใหญ่ของจังหวัดมุกดาหาร มีเรื่องเล่าขานกันมานานหลายสิบปีเกี่ยวกับทุ่งนาผีตายาย ที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปในยามค่ำคืน หากไม่ได้จำเป็นจริง ๆ แม้แต่ผู้ที่มีความกล้าหาญที่สุดในหมู่บ้าน เช่น ลุงโยง มัคนายกวัดป่า ที่เดินทางผ่านมาหลายสิบปี ก็ยังต้องรีบข้ามทุ่งนาให้เร็วที่สุดเมื่อฟ้ามืดลง ทุ่งนานี้เคยเป็นที่ที่ชาวบ้านใช้ทำการเกษตร แต่ทว่ามันกลับกลายเป็นสถานที่ที่มีเสียงแปลก ๆ เสียงเหมือนคนร้องไห้โหยหวน ราวกับมีใครบางคนที่ยังค้างคาอยู่ในนั้น
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ในคืนหนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิด... "ตายาย" คู่สามีภรรยาแก่ชราที่อาศัยในกระท่อมไม้เล็ก ๆ ข้างทุ่งนา พวกเขามีชีวิตเรียบง่าย ดูแลแปลงนาข้าวเพียงเล็ก ๆ ด้วยมือของตัวเอง และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในท่ามกลางธรรมชาติ
คืนหนึ่งเกิดพายุใหญ่ ฝนตกหนักจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ชาวบ้านต่างพากันหลบอยู่ในบ้านเพราะความกลัวที่จะถูกพายุพัดไป แต่ทว่าพายุครั้งนี้กลับนำพาสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดมา... ทุ่งนาและกระท่อมของตายายถูกน้ำป่าพัดพาไปในพริบตา เสียงน้ำที่ไหลเชี่ยวดังมาจากทุกทิศทาง เสียงกระท่อมพังทลายลงในความมืดมิด หลายวันผ่านไป ชาวบ้านช่วยกันค้นหา แต่กลับไม่พบร่องรอยของตายายเลย เหมือนกับว่าพวกเขาหายไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอย
ไม่มีใครรู้ว่าตายายหายไปไหน บางคนเชื่อว่า พวกเขาอาจจะสูญหายไปพร้อมกับพายุนั้น แต่ก็ไม่มีใครพบศพหรือแม้แต่เศษซากของกระท่อมที่พังทลาย ทุกอย่างดูเหมือนจะหายไปในอากาศ
เวลาผ่านไป ทุ่งนาที่เคยเต็มไปด้วยข้าวกล้าสีเขียวขจี กลับกลายเป็นทุ่งนาที่รกเต็มไปด้วยพงหญ้าทะมึน และมีความมืดครึ้มผิดปกติในตอนกลางคืน ชาวบ้านเริ่มเล่ากันว่า ในคืนเดือนมืด เสียงลมที่พัดผ่านทุ่งนานั้นเหมือนเสียงคนคร่ำครวญ หรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้โหยหวน ชาวบ้านที่กล้าเดินผ่านทุ่งนาในยามค่ำคืนมักจะได้ยินเสียงของผู้หญิงร้องเรียก "ช่วยด้วย...ช่วยด้วย" เสียงที่แหลมและน่าสะพรึงกลัว
คืนหนึ่ง ชาวบ้านที่กล้าหาญคนหนึ่ง ตัดสินใจเข้าไปในทุ่งนาเพื่อตามหาต้นตอของเสียงนั้น เขาตามเสียงร้องเรียกจนถึงกลางทุ่งนา ที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ เขาพยายามจะเห็นสิ่งใดสักอย่าง แต่ทว่าเขากลับเห็นแค่เงาร่างของชายหญิงแก่ที่เดินไปมาในทุ่งนา ทั้งสองคนเดินช้า ๆ และสะท้านเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจากเขา
เมื่อชายคนนั้นเดินเข้าไปใกล้ เขาได้ยินเสียงทั้งสองพูดขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ และสะอื้น "เราไปไหนไม่ได้แล้ว...ช่วยเราด้วย" แล้วทันใดนั้น ร่างของตายายก็หายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับพวกเขาหมดสภาพจากโลกนี้
ชายคนนั้นตกใจจนวิ่งหนีกลับหมู่บ้านด้วยความเร็ว
กระทั่งวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านพบเขานอนหมดสติอยู่ข้างทาง ใบหน้าของเขาซีดขาวและตาก็เหลือบมองไปที่ทุ่งนาด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขากลายเป็นคนวิกลจริต พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดแต่ว่า ตายาย ผีหลอก วิ่งวนๆ
หลังจากนั้น ชาวบ้านไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ทุ่งนาผีตายายอีกเลย เรื่องราวเกี่ยวกับตายายที่ทุ่งนาก็เริ่มเล่าลือต่อไปเป็นวงกว้างขึ้น แม้แต่คนที่ยังไม่เคยสัมผัสกับเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ ต่างก็เริ่มกลัวจนไม่กล้าผ่านไปที่นั่นในยามค่ำคืน เรื่องราวของการหายไปในทุ่งนาแห่งนั้นกลายเป็นตำนานที่ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมา และเตือนลูกหลานให้ระวังตัว โดยไม่มีใครกล้าพูดถึงหรือเข้าใกล้ทุ่งนานั้นอีกเลย
ทุ่งนาผีตายายยังคงเป็นที่รกร้างในเวลาค่ำคืน และเสียงคร่ำครวญที่ไม่มีที่มานั้น ยังดังไปทั่วทุ่งนาแห่งนี้
ทุกคนที่ผ่านไปใกล้ ๆ จะรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
ที่ไม่น่าอยู่ที่นั่นแล้ว เพราะเวลาผ่านไปนานแล้ว
แต่ก็ยังแอบรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางสิ่งที่เฝ้าดูอยู่เสมอ...
และแว่วเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วมาจากทุ่งร้างแห่งนั้น
บางคืนกลางดึกก็แว่วเสียงร้องไห้
คว่ำครวญ....จากผู้ไร้ตัวตน
**ติดตามฟังเรื่องน่ากลัวที่มากขึ้นได้ทางช่องยูทูป พระเจอผี และช่อง จักรวาลผี**