รู้ว่าเป็นญาณที่ให้ทั้งคุณและโทษสำหรับผู้ที่ได้ญาณหูทิพย์ตาทิพย์
ด้านคุณคือ รู้ก่อน หาทางวางแผนแก้ไขก่อน
โทษคือ หากสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจ เป็นเรื่องร้ายมากกว่าดี เช่น คนนินทา ก็จะทำให้จิตใจเราขุ่นมัวเศร้าหมอง หงุดหงิดรำคาญได้
แต่โดยปกติแล้ว สำหรับปุถุชนคนทั่วไปนั้น ก็มักที่จะไม่พูดหรือคิดถึงใครในด้านดีด้านเดียวกันอยู่แล้ว แม้การแสดงออกต่อหน้าจะเป็นไปในทางด้านดีเพื่อรักษาสัมพันธภาพนั้นไว้ก็ตาม
วันนี้จึงอยากสอบถามจากผู้ที่รู้จริง มีประสบการณ์ตรงว่า
เราจะมีวิธีพิสูจน์ทราบได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เรารู้มาเห็นมานั้น สามารถเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ จขกท เองก็ยังอยู่ในขั้นศึกษา เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่ ด้วยการ
1. อยู่ในศีล 5 เป็นนิจ
2. มีพรหมวิหาร 4 เป็นนิจ
3. ไม่บริโภคเนื้อสัตว์เป็นนิจ
4. ฝึกสมาธิภาวนาเป็นนิจ ตามสมควรแก่เวลา
5. ฟังธรรมเป็นนิจ
6. บริจาคทานเป็นนิจ
7. มีความขยันทำหน้าที่เป็นนิจ
เพื่อมุ่งหวังการดับไปของกิเลสเป็นสำคัญ
แต่ด้วยเหตุว่า มีการรู้การเห็นที่เข้ามาตลอดเวลา ในสิ่งที่สนใจเป็นหลัก ซึ่งผลทำให้จิตใจกังวลฟุ้งซ่านไปบ้างตามเหตุปัจจัย จึงอยากทราบวิธีผ่อนผันเหตุและปัจจัยที่ทำให้ฟุ้งซ่านไปตามความรู้สึกนึกคิดที่ผ่านเข้า มา
วิธีอย่างไร จะทำให้หมดจด สะอาดบ้างคะ
แล้วจะพิสูจน์ทราบได้หรือไม่คะว่าสิ่งที่ผ่านเข้ามานั้น เป็นความจริงหรือเท็จประการใด
ทั้งนี้ จขกท กำลังฝึกละความยึดมั่นถือมั่นอยู่ค่ะ
ทั้งในการเอาเข้ามาหาตัว (ราคะ โลภะ)
การผลักออก (โทสะ โกรธะ พยาบาท)
การวิ่งวนไปรอบ ๆ (โมหะ อวิชชา)
จึงอยากสนทนาสาระธรรมกับนักปฏิบัติทั้งหลายค่ะ
หากเรามีจุดหมายเดียวกันคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เชิญมาแลกเปลี่ยน สนทนา ปสาทะ กันนะคะ
วิธีพิสูจน์คนหูทิพย์ตาทิพย์ทำได้อย่างไร
ด้านคุณคือ รู้ก่อน หาทางวางแผนแก้ไขก่อน
โทษคือ หากสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยินเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจ เป็นเรื่องร้ายมากกว่าดี เช่น คนนินทา ก็จะทำให้จิตใจเราขุ่นมัวเศร้าหมอง หงุดหงิดรำคาญได้
แต่โดยปกติแล้ว สำหรับปุถุชนคนทั่วไปนั้น ก็มักที่จะไม่พูดหรือคิดถึงใครในด้านดีด้านเดียวกันอยู่แล้ว แม้การแสดงออกต่อหน้าจะเป็นไปในทางด้านดีเพื่อรักษาสัมพันธภาพนั้นไว้ก็ตาม
วันนี้จึงอยากสอบถามจากผู้ที่รู้จริง มีประสบการณ์ตรงว่า
เราจะมีวิธีพิสูจน์ทราบได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เรารู้มาเห็นมานั้น สามารถเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ จขกท เองก็ยังอยู่ในขั้นศึกษา เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่ ด้วยการ
1. อยู่ในศีล 5 เป็นนิจ
2. มีพรหมวิหาร 4 เป็นนิจ
3. ไม่บริโภคเนื้อสัตว์เป็นนิจ
4. ฝึกสมาธิภาวนาเป็นนิจ ตามสมควรแก่เวลา
5. ฟังธรรมเป็นนิจ
6. บริจาคทานเป็นนิจ
7. มีความขยันทำหน้าที่เป็นนิจ
เพื่อมุ่งหวังการดับไปของกิเลสเป็นสำคัญ
แต่ด้วยเหตุว่า มีการรู้การเห็นที่เข้ามาตลอดเวลา ในสิ่งที่สนใจเป็นหลัก ซึ่งผลทำให้จิตใจกังวลฟุ้งซ่านไปบ้างตามเหตุปัจจัย จึงอยากทราบวิธีผ่อนผันเหตุและปัจจัยที่ทำให้ฟุ้งซ่านไปตามความรู้สึกนึกคิดที่ผ่านเข้า มา
วิธีอย่างไร จะทำให้หมดจด สะอาดบ้างคะ
แล้วจะพิสูจน์ทราบได้หรือไม่คะว่าสิ่งที่ผ่านเข้ามานั้น เป็นความจริงหรือเท็จประการใด
ทั้งนี้ จขกท กำลังฝึกละความยึดมั่นถือมั่นอยู่ค่ะ
ทั้งในการเอาเข้ามาหาตัว (ราคะ โลภะ)
การผลักออก (โทสะ โกรธะ พยาบาท)
การวิ่งวนไปรอบ ๆ (โมหะ อวิชชา)
จึงอยากสนทนาสาระธรรมกับนักปฏิบัติทั้งหลายค่ะ
หากเรามีจุดหมายเดียวกันคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เชิญมาแลกเปลี่ยน สนทนา ปสาทะ กันนะคะ