สภาพัฒน์เผยวัยแรงงานลด 3 ล้านคน เตรียมเข้าสู่วิกฤตขาดแคลน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว พ.ศ. 2565 – 2580 โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคตส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังพบว่า โครงสร้างประชากรวัยแรงงานจะลดลงกว่า 3 ล้านคนในทุก 10 ปี โดยปัจจุบัน ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ที่อยู่ในวัยแรงงานกว่า 40.7 ล้านคน
สวนทางกับความต้องการแรงงานจะยังคงเพิ่มขึ้นหากแนวโน้มการดำเนินอุตสาหกรรมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก โดยจะปรับเพิ่มจาก 37.55 ล้านคน ในปี 2560 เป็น 44.71 ล้านคน ในปี 2580
ทั้งนี้ ทางออกหนึ่งที่หลายประเทศที่ประสบปัญหาเรื่อง โครงสร้างประชากรสูงวัยปรับใช้ คือ การใช้ระบบอัตโนมัติในการ ทดแทนแรงงานซึ่งจะทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนแรงงานมากเหมือนในอดีต โดยคาดว่าการเพิ่มผลิตภาพ 5% จะสามารถลดความต้องการแรงงานลงกว่า 2 ล้านคน
สศช.ระบุข้อมูลว่า ปัจจุบันการปรับตัวไปใช้ระบบอัตโนมัติในประเทศไทยยังมีไม่มากนัก โดยพบว่าผู้ประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์อุตสาหกรรม 4.0 มีจำนวนเพียง 5% ของอุตสาหกรรมไทยทั้งหมด ขณะที่โรงงานถึง 85% ยังต้องปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นแบบระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยความเป็นไปได้จะยังกระจุกตัวอยู่ที่บริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น จึงควรเน้นการส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กให้เข้มข้นยิ่งขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สศช. ยังให้ติดตามสถานการณ์ในเรื่องของด้านแรงงานที่ควรให้ความสำคัญในระยะต่อไป โดยระบุไว้ในรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 4 ปี 2566 โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในระดับ ปวช. และ ปวส. จากสถิติความต้องการแรงงานของกรมการจัดหางาน พบว่า ตำแหน่งงานว่างในไตรมาสสี่ ปี 2566 อยู่ที่ 1.79 แสนตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.2%
ขอบคุณที่มา
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/163526/
ผมอยากให้ทุก บมจ. ในตลาดหุ้นเร่งนำร่องในการปรับขึ้นค่าแรงก่อนจะเกิดวิกฤตขาดแคลนแรงงาน
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานแผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว พ.ศ. 2565 – 2580 โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคตส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังพบว่า โครงสร้างประชากรวัยแรงงานจะลดลงกว่า 3 ล้านคนในทุก 10 ปี โดยปัจจุบัน ณ ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ที่อยู่ในวัยแรงงานกว่า 40.7 ล้านคน
สวนทางกับความต้องการแรงงานจะยังคงเพิ่มขึ้นหากแนวโน้มการดำเนินอุตสาหกรรมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก โดยจะปรับเพิ่มจาก 37.55 ล้านคน ในปี 2560 เป็น 44.71 ล้านคน ในปี 2580
ทั้งนี้ ทางออกหนึ่งที่หลายประเทศที่ประสบปัญหาเรื่อง โครงสร้างประชากรสูงวัยปรับใช้ คือ การใช้ระบบอัตโนมัติในการ ทดแทนแรงงานซึ่งจะทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนแรงงานมากเหมือนในอดีต โดยคาดว่าการเพิ่มผลิตภาพ 5% จะสามารถลดความต้องการแรงงานลงกว่า 2 ล้านคน
สศช.ระบุข้อมูลว่า ปัจจุบันการปรับตัวไปใช้ระบบอัตโนมัติในประเทศไทยยังมีไม่มากนัก โดยพบว่าผู้ประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์อุตสาหกรรม 4.0 มีจำนวนเพียง 5% ของอุตสาหกรรมไทยทั้งหมด ขณะที่โรงงานถึง 85% ยังต้องปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นแบบระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยความเป็นไปได้จะยังกระจุกตัวอยู่ที่บริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น จึงควรเน้นการส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการในกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กให้เข้มข้นยิ่งขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม สศช. ยังให้ติดตามสถานการณ์ในเรื่องของด้านแรงงานที่ควรให้ความสำคัญในระยะต่อไป โดยระบุไว้ในรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 4 ปี 2566 โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะในระดับ ปวช. และ ปวส. จากสถิติความต้องการแรงงานของกรมการจัดหางาน พบว่า ตำแหน่งงานว่างในไตรมาสสี่ ปี 2566 อยู่ที่ 1.79 แสนตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.2%
ขอบคุณที่มา
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/163526/