“พิธา” เป็นตัวแทนไทยเสนอชื่อ “กัณวีร์ สืบแสง” ที่เจนีวา
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_694140/
“พิธา”เป็นตัวแทนไทย เสนอชื่อ “กัณวีร์ สืบแสง” นั่งกรรมาธิการรณรงค์ส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ของ IPU ที่เจนีวา
ที่เมืองเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส หรือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการประชุมกลุ่มภูมิรัฐศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพรัฐสภา หรือ (Inter Parliamentary Union : IPU) นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาจากประเทศไทย กล่าวเสนอชื่อ นาย
กัณวีร์ สืบแสง ผู้แทนราษฎรจากพรรคเป็นธรรม ดำรงตำแหน่งในกรรมาธิว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
นาย
พิธา กล่าวว่า “
เพื่อนร่วมงานของผม, คุณกัณวีร์ จะนำพลังงาน ความมุ่งมั่นตั้งใจ และประสบการณ์ตรงจากการทำงานร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR โดยเขามีความเชี่ยวชาญทางด้านการปกป้องผู้ลี้ภัย การพลัดถิ่นภายในประเทศ และปัญหาบุคคลไร้รัฐ ตั้งแต่เมียนมา บังคลาเทศ ไปจนถึงเซาท์ซูดาน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย แต่เพื่อประโยชน์ของประชาคมอาเซียน ทวีปเอเชีย และทั่วโลก”
โดยภายหลังการเสนอชื่อ นาย
กัณวีร์ สืบแสง ได้รับเสียงเลือกจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวสำเร็จด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์จากประเทศกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา
หลังจากนั้น นาย
พิธา โพสต์ข้อความแสดงความยินดีในความสำเร็จกับทีมไทยแลนด์ที่สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรรมาธิการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้สำเร็จ
ขณะเดียวกัน นาย
กัณวีร์ คณะสมาชิกรัฐสภาไทยที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ และมีการเสนอชื่อตนเองได้รับเลือกจากที่ประชุม ขอยืนยันว่า จะใช้ความสามารถ ประสบการณ์ และความตั้งใจในการทำงานเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งงานมนุษยธรรมและการพัฒนาระหว่างประเทศ จำเป็นต้องสร้างสันติภาพที่เป็นรากเหง้าของปัญหาด้วย Humanitarian development peace nexus เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายของสหประชาชาติด้วย โดยประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงในเวทีโลก โลกต้องเปลี่ยนแปลง เพราะการผลักดันและความพยายามของไทยด้านมนุษยธรรม
เพจดัง เปิดเอกสาร อ้างทหารใหม่ถูกหักเงินเดือนเหลือ 500 อยู่กองรปภ.ต้องซื้อกระบองเอง
https://www.matichon.co.th/social/news_4488617
เพจดัง แฉไม่หยุด เปิดเอกสารอ้าง ‘บัญชีเงินเดือน’ ทหารใหม่ถูกหักเหี้ยน ได้รับคนละ 500
ภายหลังจากที่ เพจอีซ้อขยี้ข่าว ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของพลทหารในค่ายแห่งหนึ่ง ที่ได้ส่งข้อความขอให้น้องสาวช่วย โดยระบุว่า กดดันอย่างมาก และกลัวจนตัวสั่นไปหมด ต่อมาพลทหารคนดังกล่าวจะกระโดดตึกนอน ส่งผลให้อาการโคม่านั้น
เพจดังกล่าวยังได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของทหารในค่ายแห่งหนึ่ง ที่ทหารเกณฑ์ได้กินข้าวแต่ละมื้อในปริมาณที่เน้นข้าว แต่กับข้าวนิดเดียว บางมื้อยังต้องกินข้าวคลุกน้ำปลาด้วยนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เพจอีซ้อขยี้ข่าว ยังได้เปิดเผยเอกสารทางราชการที่อ้างว่าเป็น นายทหารใหญ่รายหนึ่งส่งให้ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเงินเดือนทหารใหม่ ที่จะได้รับ 6,500 บาท แต่หักไปแล้ว 6,505 บาท และในช่องคงรับเหลือเพียง 519 บาท
เพจดังกล่าวระบุว่า
“เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด…คิดว่าจะได้เงินเดือนหลักพันแต่ความจริงได้เงินเดือนแค่หลักร้อย ! ให้ดูเงินทหารใหม่คงรับจริงในกรมนึง เอกสารทางราชการจากนายทหารใหญ่ท่านนึงส่งมาให้ค่ะ (ข้อมูลราชการบางส่วนซ้อไม่สามารถเปิดหมดได้ค่ะ😌ให้รู้ว่ากูมีเป็น Excelและไม่ได้พูดลอยๆ )”
ทั้งนี้ในแชตที่บุคคลซึ่งเพจอ้างว่าเป็นนายทหารใหญ่ ส่งเอกสารให้ ยังระบุด้วยว่า “
มีเยอะมาก (ค่าที่หัก) ตั้งแต่ที่นอน กับข้าว อยู่กอง รปภ.แต่กระบองไฟฉายทั้งหมดก็อยู่ในการหัก มันไปอยู่ได้ยังไง มันคือของที่หน่วยนั้นต้องใช้อยู่แล้ว” และว่า
“
ทหารใหม่ทุกคนจะได้เงินเดือน หลังจากขึ้นกองร้อยมา แค่ 500 บาท ทุกคน”
https://www.facebook.com/esornews/posts/pfbid02ZKhYT9L9hDpzRaKiEvKZipHE2QVr3DgE9GJo1GtzMXbMem3WvAxY7pdX3GNMEn64l
ดอกเบี้ยไทยลดกี่โมง? เปิดเหตุผลทำไม ‘แบงก์ชาติ’ ไม่รีบลดดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจจะซึม
https://www.matichon.co.th/economy/news_4489174
ดอกเบี้ยไทยลดกี่โมง? เปิดเหตุผลทำไม ‘แบงก์ชาติ’ ไม่รีบลดดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจจะซึม
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม นาย
วิทวัส เลิศบรรณพงษ์ ผู้ช่วยผู้บริหารงานขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าคาดการณ์การพิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.50% ซึ่งมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาลดดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ช้า สาเหตุเป็นเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการผลิตของไทยที่ไม่สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ แม้ในความเป็นจริงตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวแล้ว
นาย
วิทวัส กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ไทยส่งออกไม่ได้ เพราะต่างประเทศไม่ต้องการสินค้าไทย เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ที่ผ่านมาไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปใช้เทคโนโลยีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสู่เทคโนโลยีโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ที่รวดเร็วกว่าและมีความจุเยอะกว่า รวมถึงสินค้านำเข้าจากจีนถูกกว่าและมีเทคโนโลยีใหม่ๆ สะดวกสบาย และมีการออกแบบผลิตภัณฑ์สวยงาม จึงมีการนำเข้ามาแข่งขันกับการผลิตไทย และเมื่อเอสเอ็มอีไทยสู้ไม่ได้ก็ทยอยปิดกิจการ
“
ดังนั้น ธปท.จึงมองว่าไม่ใช่ปัญหาจากดอกเบี้ยที่สูงเกินไป นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำไม่ได้มาจากการบริโภคในประเทศที่อ่อนแอ แต่การที่เงินเฟ้อปรับตัวลงมาจากมาตรการของรัฐบาลด้านพลังงาน ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวลดลง เงินเฟ้อต่ำจึงเป็นภาระแค่ชั่วคราวเท่านั้น” นาย
วิทวัส กล่าว
นาย
วิทวัส กล่าวว่า หากพิจารณาตัวเลขจากสภาพัฒน์ฯ จีดีพีไตรมาส 4/2566 ออกมาที่ 1.7% ทำให้ภาพรวมปี 2566 จีดีพีไทยโตอยู่ที่ 1.9% และไม่ถึง 2% หากดูไส้ในของจีดีพีที่ขยายตัวในไตรมาส 4/2566 ที่ 1.7% ปัจจัยสนบัสนุนมาจากการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 7.4% แต่การบริโภคของรัฐบาลติดลบ 3% การลงทุนรวมติดลบ 4% โดยภาคเอกชนลงทุนเพิ่ม 5% แต่ภาครัฐบาลการลงทุนติดลบ 20% ส่วนภาคการส่งออกเป็นบวก 3.4% และภาคการท่องเที่ยวบวก 14.7%
“
จากภาพนี้เห็นว่ามีเพียง 2 รายการที่ติดลบซึ่งเป็นปัญหาจากภาครัฐบาลทั้งหมด ส่งผลให้ ธปท. มองว่าการบริโภคภาคเอกชนยังดีอยู่ ดังนั้น ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2566 ขยายตัวที่ 1.7% อาจเป็นเพราะการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ทำให้กระบวนการเบิกจ่ายถูกเลื่อนออกไป งบประมาณภาครัฐที่เคยเอามากระตุ้นเศรษฐกิจก็เลยหยุดชะงักและล่าช้า” นาย
วิทวัสกล่าว
นาย
วิทวัส กล่าวว่า สำหรับการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2 ของปี 2567 มีโอกาสที่ กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจไม่ลดดอกเบี้ยลงเลย เพราะ ธปท.รอดูจีดีพีไตรมาส 1/2566 ก่อน ซึ่งขึ้นอยู่ที่มุมมอง ธปท.ว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไร อย่างไรก็ตาม ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วจะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่นั้น ต้องยอมรับว่าดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค เช่น ถ้าอยากกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะลดดอกเบี้ย ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น สมมุติ ธปท.ลดดอกเบี้ยจริงในเร็วๆ นี้ แต่การลดดอกเบี้ยในขณะที่การบริโภคที่ ธปท. บอกว่ายังดีอยู่อาจจะทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันสูงถึง 91%
นอกจากนี้ ถ้าลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย (บอนด์) ลดความน่าสนใจลง สุดท้ายนักลงทุนจะเทขายสินทรัพย์ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง อีกทั้งจะกระทบต่อสินค้านำเข้าที่ทำให้ราคาสูงขึ้น และเรื่องร้ายแรงที่สุดแต่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น คือการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้าน เพราะที่ผ่านมา ไทยขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีแล้วจะไปลดดอกเบี้ยลง เพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนลง และดึงตัวเลขการส่งออกขึ้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีนัก
ในทางกลับกัน ถ้าไทยไม่ลดดอกเบี้ย ปัจจุบันการส่งออก โดยส่วนของเงินบาทก็อ่อนค่าอยู่แล้ว แต่เป็นระดับที่ไม่เสียหาย และไม่เสียเปรียบคู่ค้า โดยช่วงครึ่งหลังปี 2567 ตลาดคาดการณ์ว่าถ้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยจริงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง และเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น หากบาทแข็งขึ้น ธปท.อาจใช้นโยบายการเงินลดดอกเบี้ย ทำให้เงินบาทไม่แข็งค่ามากก็มีความเป็นไปได้ เพื่อช่วยภาคการส่งออกได้อีกทางหนึ่ง
“
ช่วงนี้ถ้าแบงก์ชาติจะลดดอกหรือไม่ลดดอกค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในอัตราระดับที่ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แนะนำให้ผู้ประกอบการทำอัตราแลกเปลี่ยนที่ลูกค้ากับธนาคารตกลงกันในวันนี้เพื่อทำการส่งมอบการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศในอนาคต (Forward rate) เพื่อปิดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับที่สามารถแข่งขันได้” นาย
วิทวัสกล่าว
JJNY : “พิธา”เป็นตัวแทนไทยเสนอชื่อ“กัณวีร์”│เปิดเหตุผล‘แบงก์ชาติ’ไม่รีบลดดอกเบี้ย│เพจดังเปิดเอกสาร│ทั่วโลกร่วมกิจกรรม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_694140/
“พิธา”เป็นตัวแทนไทย เสนอชื่อ “กัณวีร์ สืบแสง” นั่งกรรมาธิการรณรงค์ส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ของ IPU ที่เจนีวา
ที่เมืองเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส หรือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการประชุมกลุ่มภูมิรัฐศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพรัฐสภา หรือ (Inter Parliamentary Union : IPU) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาจากประเทศไทย กล่าวเสนอชื่อ นายกัณวีร์ สืบแสง ผู้แทนราษฎรจากพรรคเป็นธรรม ดำรงตำแหน่งในกรรมาธิว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
นายพิธา กล่าวว่า “เพื่อนร่วมงานของผม, คุณกัณวีร์ จะนำพลังงาน ความมุ่งมั่นตั้งใจ และประสบการณ์ตรงจากการทำงานร่วมกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR โดยเขามีความเชี่ยวชาญทางด้านการปกป้องผู้ลี้ภัย การพลัดถิ่นภายในประเทศ และปัญหาบุคคลไร้รัฐ ตั้งแต่เมียนมา บังคลาเทศ ไปจนถึงเซาท์ซูดาน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประเทศไทย แต่เพื่อประโยชน์ของประชาคมอาเซียน ทวีปเอเชีย และทั่วโลก”
โดยภายหลังการเสนอชื่อ นายกัณวีร์ สืบแสง ได้รับเสียงเลือกจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวสำเร็จด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์จากประเทศกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา
หลังจากนั้น นายพิธา โพสต์ข้อความแสดงความยินดีในความสำเร็จกับทีมไทยแลนด์ที่สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกรรมาธิการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้สำเร็จ
ขณะเดียวกัน นายกัณวีร์ คณะสมาชิกรัฐสภาไทยที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ และมีการเสนอชื่อตนเองได้รับเลือกจากที่ประชุม ขอยืนยันว่า จะใช้ความสามารถ ประสบการณ์ และความตั้งใจในการทำงานเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งงานมนุษยธรรมและการพัฒนาระหว่างประเทศ จำเป็นต้องสร้างสันติภาพที่เป็นรากเหง้าของปัญหาด้วย Humanitarian development peace nexus เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายของสหประชาชาติด้วย โดยประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงในเวทีโลก โลกต้องเปลี่ยนแปลง เพราะการผลักดันและความพยายามของไทยด้านมนุษยธรรม
เพจดัง เปิดเอกสาร อ้างทหารใหม่ถูกหักเงินเดือนเหลือ 500 อยู่กองรปภ.ต้องซื้อกระบองเอง
https://www.matichon.co.th/social/news_4488617
เพจดัง แฉไม่หยุด เปิดเอกสารอ้าง ‘บัญชีเงินเดือน’ ทหารใหม่ถูกหักเหี้ยน ได้รับคนละ 500
ภายหลังจากที่ เพจอีซ้อขยี้ข่าว ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของพลทหารในค่ายแห่งหนึ่ง ที่ได้ส่งข้อความขอให้น้องสาวช่วย โดยระบุว่า กดดันอย่างมาก และกลัวจนตัวสั่นไปหมด ต่อมาพลทหารคนดังกล่าวจะกระโดดตึกนอน ส่งผลให้อาการโคม่านั้น
เพจดังกล่าวยังได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของทหารในค่ายแห่งหนึ่ง ที่ทหารเกณฑ์ได้กินข้าวแต่ละมื้อในปริมาณที่เน้นข้าว แต่กับข้าวนิดเดียว บางมื้อยังต้องกินข้าวคลุกน้ำปลาด้วยนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มีนาคม เพจอีซ้อขยี้ข่าว ยังได้เปิดเผยเอกสารทางราชการที่อ้างว่าเป็น นายทหารใหญ่รายหนึ่งส่งให้ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเงินเดือนทหารใหม่ ที่จะได้รับ 6,500 บาท แต่หักไปแล้ว 6,505 บาท และในช่องคงรับเหลือเพียง 519 บาท
เพจดังกล่าวระบุว่า “เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด…คิดว่าจะได้เงินเดือนหลักพันแต่ความจริงได้เงินเดือนแค่หลักร้อย ! ให้ดูเงินทหารใหม่คงรับจริงในกรมนึง เอกสารทางราชการจากนายทหารใหญ่ท่านนึงส่งมาให้ค่ะ (ข้อมูลราชการบางส่วนซ้อไม่สามารถเปิดหมดได้ค่ะ😌ให้รู้ว่ากูมีเป็น Excelและไม่ได้พูดลอยๆ )”
ทั้งนี้ในแชตที่บุคคลซึ่งเพจอ้างว่าเป็นนายทหารใหญ่ ส่งเอกสารให้ ยังระบุด้วยว่า “มีเยอะมาก (ค่าที่หัก) ตั้งแต่ที่นอน กับข้าว อยู่กอง รปภ.แต่กระบองไฟฉายทั้งหมดก็อยู่ในการหัก มันไปอยู่ได้ยังไง มันคือของที่หน่วยนั้นต้องใช้อยู่แล้ว” และว่า
“ทหารใหม่ทุกคนจะได้เงินเดือน หลังจากขึ้นกองร้อยมา แค่ 500 บาท ทุกคน”
https://www.facebook.com/esornews/posts/pfbid02ZKhYT9L9hDpzRaKiEvKZipHE2QVr3DgE9GJo1GtzMXbMem3WvAxY7pdX3GNMEn64l
ดอกเบี้ยไทยลดกี่โมง? เปิดเหตุผลทำไม ‘แบงก์ชาติ’ ไม่รีบลดดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจจะซึม
https://www.matichon.co.th/economy/news_4489174
ดอกเบี้ยไทยลดกี่โมง? เปิดเหตุผลทำไม ‘แบงก์ชาติ’ ไม่รีบลดดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจจะซึม
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม นายวิทวัส เลิศบรรณพงษ์ ผู้ช่วยผู้บริหารงานขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าคาดการณ์การพิจารณาการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.50% ซึ่งมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาลดดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ช้า สาเหตุเป็นเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการผลิตของไทยที่ไม่สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ แม้ในความเป็นจริงตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวแล้ว
นายวิทวัส กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ไทยส่งออกไม่ได้ เพราะต่างประเทศไม่ต้องการสินค้าไทย เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ที่ผ่านมาไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปใช้เทคโนโลยีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสู่เทคโนโลยีโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ที่รวดเร็วกว่าและมีความจุเยอะกว่า รวมถึงสินค้านำเข้าจากจีนถูกกว่าและมีเทคโนโลยีใหม่ๆ สะดวกสบาย และมีการออกแบบผลิตภัณฑ์สวยงาม จึงมีการนำเข้ามาแข่งขันกับการผลิตไทย และเมื่อเอสเอ็มอีไทยสู้ไม่ได้ก็ทยอยปิดกิจการ
“ดังนั้น ธปท.จึงมองว่าไม่ใช่ปัญหาจากดอกเบี้ยที่สูงเกินไป นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำไม่ได้มาจากการบริโภคในประเทศที่อ่อนแอ แต่การที่เงินเฟ้อปรับตัวลงมาจากมาตรการของรัฐบาลด้านพลังงาน ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวลดลง เงินเฟ้อต่ำจึงเป็นภาระแค่ชั่วคราวเท่านั้น” นายวิทวัส กล่าว
นายวิทวัส กล่าวว่า หากพิจารณาตัวเลขจากสภาพัฒน์ฯ จีดีพีไตรมาส 4/2566 ออกมาที่ 1.7% ทำให้ภาพรวมปี 2566 จีดีพีไทยโตอยู่ที่ 1.9% และไม่ถึง 2% หากดูไส้ในของจีดีพีที่ขยายตัวในไตรมาส 4/2566 ที่ 1.7% ปัจจัยสนบัสนุนมาจากการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 7.4% แต่การบริโภคของรัฐบาลติดลบ 3% การลงทุนรวมติดลบ 4% โดยภาคเอกชนลงทุนเพิ่ม 5% แต่ภาครัฐบาลการลงทุนติดลบ 20% ส่วนภาคการส่งออกเป็นบวก 3.4% และภาคการท่องเที่ยวบวก 14.7%
“จากภาพนี้เห็นว่ามีเพียง 2 รายการที่ติดลบซึ่งเป็นปัญหาจากภาครัฐบาลทั้งหมด ส่งผลให้ ธปท. มองว่าการบริโภคภาคเอกชนยังดีอยู่ ดังนั้น ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2566 ขยายตัวที่ 1.7% อาจเป็นเพราะการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ทำให้กระบวนการเบิกจ่ายถูกเลื่อนออกไป งบประมาณภาครัฐที่เคยเอามากระตุ้นเศรษฐกิจก็เลยหยุดชะงักและล่าช้า” นายวิทวัสกล่าว
นายวิทวัส กล่าวว่า สำหรับการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2 ของปี 2567 มีโอกาสที่ กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจไม่ลดดอกเบี้ยลงเลย เพราะ ธปท.รอดูจีดีพีไตรมาส 1/2566 ก่อน ซึ่งขึ้นอยู่ที่มุมมอง ธปท.ว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไร อย่างไรก็ตาม ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วจะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่นั้น ต้องยอมรับว่าดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค เช่น ถ้าอยากกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะลดดอกเบี้ย ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น สมมุติ ธปท.ลดดอกเบี้ยจริงในเร็วๆ นี้ แต่การลดดอกเบี้ยในขณะที่การบริโภคที่ ธปท. บอกว่ายังดีอยู่อาจจะทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันสูงถึง 91%
นอกจากนี้ ถ้าลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย (บอนด์) ลดความน่าสนใจลง สุดท้ายนักลงทุนจะเทขายสินทรัพย์ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง อีกทั้งจะกระทบต่อสินค้านำเข้าที่ทำให้ราคาสูงขึ้น และเรื่องร้ายแรงที่สุดแต่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น คือการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้าน เพราะที่ผ่านมา ไทยขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีแล้วจะไปลดดอกเบี้ยลง เพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนลง และดึงตัวเลขการส่งออกขึ้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดีนัก
ในทางกลับกัน ถ้าไทยไม่ลดดอกเบี้ย ปัจจุบันการส่งออก โดยส่วนของเงินบาทก็อ่อนค่าอยู่แล้ว แต่เป็นระดับที่ไม่เสียหาย และไม่เสียเปรียบคู่ค้า โดยช่วงครึ่งหลังปี 2567 ตลาดคาดการณ์ว่าถ้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยจริงส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง และเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น หากบาทแข็งขึ้น ธปท.อาจใช้นโยบายการเงินลดดอกเบี้ย ทำให้เงินบาทไม่แข็งค่ามากก็มีความเป็นไปได้ เพื่อช่วยภาคการส่งออกได้อีกทางหนึ่ง
“ช่วงนี้ถ้าแบงก์ชาติจะลดดอกหรือไม่ลดดอกค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในอัตราระดับที่ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แนะนำให้ผู้ประกอบการทำอัตราแลกเปลี่ยนที่ลูกค้ากับธนาคารตกลงกันในวันนี้เพื่อทำการส่งมอบการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศในอนาคต (Forward rate) เพื่อปิดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับที่สามารถแข่งขันได้” นายวิทวัสกล่าว