สวัดดีค่ะ เราอายุ22 กำลังตั้งครรภ์ได้ประมาณ6เดือน แต่ต้องมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว...
พ่อเด็กเป็นคนต่างชาติ อายุ40 อยู่ด้วย1ปี ตอนนี้เราเลิกติดต่อกันไปประมาณ2เดือน ในระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็มีทะเลาะกันบ้างดีกันบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักมีบอกรักบอกคิดถึง เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เรายอมมากขนาดนี้ ยอมให้ ยอมให้ดูถูกสารพัด แต่เราก็รับได้ปละไม่เคยโกรธ เราพยามมากที่จะทำหน้ที่แฟนที่ดี เพราะเราอยากแสดงให้เขาเห็นว่าถึงเราจะอายุแค่นี้ แต่เราก็สามารถดูแล take care เขาได้ เราว่าเราพยามมากแล้ว แต่สำหรับเขามันไม่พอ เขาบอกเราเป็นภาระ เราเป็นคนทำให้ชีวิตเขาแย่...แล้วตอนที่เขารู้ว่าเราตั้งครรภ์ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแต่ก็ไม่เลย มันกับแย่ลง อารมณ์เขาเปลี่ยนไป อารมณ์เสียง่ายขึ้น มีเรื่องทะเลาะกันได้ทุกวัน ก่อนจะเลิกกันประมาณ 1เดือน เขาบอกว่าจะไปรับเพื่อนที่พัทยา ไปประมาณ2อาทิตย์ ทั้งๆที่ก่อนไปบอกจะไปแค่2วัน เราเชื่อว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะทะเลาะกันใหญ่โต ตอนนั้นเราก็อยากทำแบบนั้น แต่เราไม่ทำเพราะเราพยามคิดในแง่ดี เขาคงจะคิดถึงเพื่อนไม่ได้เจอกันนานเลยสังสรรกันยาวๆ เพราะถ้ากลับบ้านมาจะได้ทำงานกัน ไม่เคยถามว่าไปดื่มหรอ อยู่กับใคร ตอนนี้เที่ยวที่ไหน เราไม่ถามเลย พยายามทำความเข้าใจ ปล่อยให้เขาสนุกได้เต็มที่ และวันที่เขากลับมาทุกอย่างก็ปกติ เราเอากระเป๋าเดินทางเขาไปเก็บแล้วเราก็เจอ ไวอาก้า อยู่ในกระเป๋าเขาตอนนั้นแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะมาเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง พอไปถามว่ามันคืออะไรของคุณหรอ เขาก็ถามว่าเปิดกระเป๋าฉันทำไม อันนั้นยาเพื่อนฉันคุณไม่ต้องมายุ่งกับของของฉัน วางไว้ฉันจะเก็บเอง เรื่องเก็บกระเป๋าหรืออะไรแบบนี้เราทำเป็นปกติไม่เคยมีปัญหา เราเงียบและก็ได้แต่ขอโทษ เงียบเพราะมันเจ็บ เราทำเปิดปิดหูปิดตาทุกอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยมีเหตุการคล้ายๆกัน แต่ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพราะไม่อยากให้เขารำคาญ แต่กลับไม่ใช่เลยพังหมดทุกอย่างความเชื่อใจและหลายๆอย่าง หลังจากนั้นก็ทะเลาะกันอีก ถึงขั้นเขาไล่เราออกจากบ้านทั้งๆที่เราท้องอยู่และตอนนั้นก็เริ่มดึกแล้ว เราพูดขอร้องอ่อนวอนทุกอย่างเขาไม่ฟัง
จนสุดท้ายเขาบอกให้เราเรียกแท็กซี่และไปสะเราเลยมาอยู่กับพี่สาวเรา ระหว่างนั้นเราก็พยามทักหาเขาทำทุกอย่างที่จะทำได้ และอยู่เขาก็พูดว่า ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะเธอไม่ซื่อสัตย์เด็กในท้องไม่ให้ลูกของฉัน ไม่รู้ว่าทำไมอยู่เขาถึงมีความคิดแบบนี้ได้ เราอยู่กับเขาตลอดเวลาขนาดเพื่อนก็แทบไม่ได้ไปเจอ
เราเลยบอกถ้าไม่เชื่อตอนคลอดจะเอาผลตรวจDNAลูกให้ดู พอพุดแบบนี้เขาเหมือนจะใจเย็นลง และก็หายไปอีกประมาณเดือนกว่าๆ
เขาทักมาและให้ข้อเสนอ2ข้อ 1.จะเช่าบ้านให้อยู่กับลูก2คน 2. เซ็นยกลูกให้เขาและจบกันห้ามติดต่อกันอีก เห็นเขาคิดกับเราแบบนี้เราก็เสียใจมากเสียความรู้สึก ความรู้สึกทุกอย่างที่ให้ไปมันเสียหมดแล้ว เราตัดสินใจบอกไปว่า ถ้าจะทำกับฉันแบบนี้ก็อย่ามาคุยกันอีกเลย ถึงฉันจะเล็กแต่ก็แยกแยะและมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลเด็กคนนี้ นี่เป็นลูกของฉันอยู่ๆจะรอคลอดละให้เอาลูกไปให้ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่รับข้อเสนออะไรทั้งนั้น ถ้ายังมีความคิดแบบนี้อยู่ก็อย่ามาคุยกันอีกจะดีกว่า ละเราก็บล็อกเขาไป ทั้งพี่สาวและคนรอบข้างบอกให้เราฟ้องร้องเรื่องนี้ แต่จริงๆเราไม่อยากทำ เราไม่อยากยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขาอีกแล้ว เราคิดถึงขั้นที่ว่าจะไม่ให้เขาได้เห็นหน้าลูก และไม่อยากให้ลูกรู้ด้วยว่าพ่อเขาเป็นใคร ในเมื่อพ่อเขาเป็นแบบนี้ไม่ต้องให้ลูกรับอะไรเลยจะดีที่สุด....ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดชีวิตนี้แม่ยกให้หนูหมดแล้ว👶อีก3เดือนเราจะได้เจอหน้ากันแล้วนะ..
"นี่เป็นเรื่องที่เราเก็บไว้มานานขอระบายหน่อยคงไม่ว่ากันนะ"
แม่เลี้ยงเดี่ยวในวัย22....
พ่อเด็กเป็นคนต่างชาติ อายุ40 อยู่ด้วย1ปี ตอนนี้เราเลิกติดต่อกันไปประมาณ2เดือน ในระหว่างที่อยู่ด้วยกันก็มีทะเลาะกันบ้างดีกันบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักมีบอกรักบอกคิดถึง เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เรายอมมากขนาดนี้ ยอมให้ ยอมให้ดูถูกสารพัด แต่เราก็รับได้ปละไม่เคยโกรธ เราพยามมากที่จะทำหน้ที่แฟนที่ดี เพราะเราอยากแสดงให้เขาเห็นว่าถึงเราจะอายุแค่นี้ แต่เราก็สามารถดูแล take care เขาได้ เราว่าเราพยามมากแล้ว แต่สำหรับเขามันไม่พอ เขาบอกเราเป็นภาระ เราเป็นคนทำให้ชีวิตเขาแย่...แล้วตอนที่เขารู้ว่าเราตั้งครรภ์ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแต่ก็ไม่เลย มันกับแย่ลง อารมณ์เขาเปลี่ยนไป อารมณ์เสียง่ายขึ้น มีเรื่องทะเลาะกันได้ทุกวัน ก่อนจะเลิกกันประมาณ 1เดือน เขาบอกว่าจะไปรับเพื่อนที่พัทยา ไปประมาณ2อาทิตย์ ทั้งๆที่ก่อนไปบอกจะไปแค่2วัน เราเชื่อว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะทะเลาะกันใหญ่โต ตอนนั้นเราก็อยากทำแบบนั้น แต่เราไม่ทำเพราะเราพยามคิดในแง่ดี เขาคงจะคิดถึงเพื่อนไม่ได้เจอกันนานเลยสังสรรกันยาวๆ เพราะถ้ากลับบ้านมาจะได้ทำงานกัน ไม่เคยถามว่าไปดื่มหรอ อยู่กับใคร ตอนนี้เที่ยวที่ไหน เราไม่ถามเลย พยายามทำความเข้าใจ ปล่อยให้เขาสนุกได้เต็มที่ และวันที่เขากลับมาทุกอย่างก็ปกติ เราเอากระเป๋าเดินทางเขาไปเก็บแล้วเราก็เจอ ไวอาก้า อยู่ในกระเป๋าเขาตอนนั้นแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะมาเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง พอไปถามว่ามันคืออะไรของคุณหรอ เขาก็ถามว่าเปิดกระเป๋าฉันทำไม อันนั้นยาเพื่อนฉันคุณไม่ต้องมายุ่งกับของของฉัน วางไว้ฉันจะเก็บเอง เรื่องเก็บกระเป๋าหรืออะไรแบบนี้เราทำเป็นปกติไม่เคยมีปัญหา เราเงียบและก็ได้แต่ขอโทษ เงียบเพราะมันเจ็บ เราทำเปิดปิดหูปิดตาทุกอย่าง ซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยมีเหตุการคล้ายๆกัน แต่ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพราะไม่อยากให้เขารำคาญ แต่กลับไม่ใช่เลยพังหมดทุกอย่างความเชื่อใจและหลายๆอย่าง หลังจากนั้นก็ทะเลาะกันอีก ถึงขั้นเขาไล่เราออกจากบ้านทั้งๆที่เราท้องอยู่และตอนนั้นก็เริ่มดึกแล้ว เราพูดขอร้องอ่อนวอนทุกอย่างเขาไม่ฟัง
จนสุดท้ายเขาบอกให้เราเรียกแท็กซี่และไปสะเราเลยมาอยู่กับพี่สาวเรา ระหว่างนั้นเราก็พยามทักหาเขาทำทุกอย่างที่จะทำได้ และอยู่เขาก็พูดว่า ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะเธอไม่ซื่อสัตย์เด็กในท้องไม่ให้ลูกของฉัน ไม่รู้ว่าทำไมอยู่เขาถึงมีความคิดแบบนี้ได้ เราอยู่กับเขาตลอดเวลาขนาดเพื่อนก็แทบไม่ได้ไปเจอ
เราเลยบอกถ้าไม่เชื่อตอนคลอดจะเอาผลตรวจDNAลูกให้ดู พอพุดแบบนี้เขาเหมือนจะใจเย็นลง และก็หายไปอีกประมาณเดือนกว่าๆ
เขาทักมาและให้ข้อเสนอ2ข้อ 1.จะเช่าบ้านให้อยู่กับลูก2คน 2. เซ็นยกลูกให้เขาและจบกันห้ามติดต่อกันอีก เห็นเขาคิดกับเราแบบนี้เราก็เสียใจมากเสียความรู้สึก ความรู้สึกทุกอย่างที่ให้ไปมันเสียหมดแล้ว เราตัดสินใจบอกไปว่า ถ้าจะทำกับฉันแบบนี้ก็อย่ามาคุยกันอีกเลย ถึงฉันจะเล็กแต่ก็แยกแยะและมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลเด็กคนนี้ นี่เป็นลูกของฉันอยู่ๆจะรอคลอดละให้เอาลูกไปให้ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่รับข้อเสนออะไรทั้งนั้น ถ้ายังมีความคิดแบบนี้อยู่ก็อย่ามาคุยกันอีกจะดีกว่า ละเราก็บล็อกเขาไป ทั้งพี่สาวและคนรอบข้างบอกให้เราฟ้องร้องเรื่องนี้ แต่จริงๆเราไม่อยากทำ เราไม่อยากยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขาอีกแล้ว เราคิดถึงขั้นที่ว่าจะไม่ให้เขาได้เห็นหน้าลูก และไม่อยากให้ลูกรู้ด้วยว่าพ่อเขาเป็นใคร ในเมื่อพ่อเขาเป็นแบบนี้ไม่ต้องให้ลูกรับอะไรเลยจะดีที่สุด....ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดชีวิตนี้แม่ยกให้หนูหมดแล้ว👶อีก3เดือนเราจะได้เจอหน้ากันแล้วนะ..
"นี่เป็นเรื่องที่เราเก็บไว้มานานขอระบายหน่อยคงไม่ว่ากันนะ"