‘โรม’ ตอกกลับเด็กพท.มือไม่พายเอาเท้าราน้ำที่ซัด ‘พิธา’ ไร้มารยาทแนะ กระทุ้งรัฐบาลจริงจังแก้ปัญหา ไม่ใช่มือใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4477754
‘โรม’ ตอกกลับ เด็กพท. มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ หลังซัด ‘พิธา’ ไร้มารยาทลงพื้นที่เชียงใหม่ แนะ กระทุ้งรัฐบาลจริงจังแก้ปัญหา ไม่ใช่มือใหม่แล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มี ส.ส.ฝั่งรัฐบาลวิพากษ์วิจารณ์ การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เพื่อตรวจปัญหาไฟป่า เป็นการกระทำที่ไร้มารยาททางการเมือง ว่า นาย
พิธาจะไปที่ไหนก็เป็นสิทธิ์ของนาย
พิธา จะไปลงพื้นที่เชียงใหม่เพื่อช่วยดับไฟ ก็เป็นเจตนาที่ดี ต้องยอมรับว่า ภาคเหนือรวมถึงจ.เชียงใหม่ มีปัญหาเรื่องฝุ่นควันเยอะ ทำให้อากาศแย่ ส่งผลกระทบถึงการท่องเที่ยว และการที่นาย
พิธามีความตั้งใจที่ดีในการที่จะแก้ไขปัญหา ตนมองว่าไม่ใช่ปัญหา
“
CNN ออกข่าวว่ามลพิษทางอากาศที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว คำถามคือไม่กระทบการท่องเที่ยวหรือ การที่คุณ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำไปบอกว่าคุณพิธาไร้มารยาท ขอโทษนะ อย่าพูดแบบนี้ดีกว่า เข้าใจว่าส.ส.ที่พูดแบบนี้เป็นฝั่งรัฐบาล แทนที่จะว่าคุณพิธา ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ทางที่ดีกว่าคุณช่วยกระทุ้งรัฐบาลให้เอาจริงเอาจังเรื่องนี้ได้แล้ว รัฐบาลไม่ใช่มือใหม่อีกแล้ว คุณเป็นมาตั้งกี่เดือนแล้ว ใช้โอกาสเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่า ถ้าท่านยังรู้สึกว่าเชียงใหม่มีคุณค่าในสายตาท่านท่านพูดมาโดยตลอดว่าเชียงใหม่เป็นเมืองหลวงฐานที่มั่นสำคัญของท่าน ก็ช่วยดูแล อย่างน้อยสภาพอากาศก็ให้มันดีหน่อย” นาย
รังสิมันต์กล่าว
โรม สะเทือนใจ 2 ฝรั่งย่ำยีศักดิ์ศรี ตร. ตอกย้ำความยุติธรรมไทยไร้ความหมาย จี้ รบ.เคร่งครัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4477840
‘โรม’ รับสะเทือนใจ ปมชายต่างชาติยื้อแย่งปืนจากตำรวจ บอกในฐานะคนภูเก็ตอยากได้ นทท.คุณภาพ ชี้เป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีตำรวจ เชื่อชาวต่างชาติมองกระบวนการยุติธรรมไทยซื้อได้ จี้ รบ.บังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวตำรวจ สภ.ฉลอง ถูกนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ยืดปืน ทำให้เกิดปืนลั่นว่า ตนเห็นใจตำรวจนายดังกล่าวมาก เพราะถือเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีของตำรวจไทย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าคนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยไม่ได้รู้สึกว่ากฎหมายไทยเป็นเรื่องที่น่ายำเกรง คิดว่าคงสะสมมาจากช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะประเทศไทยกระบวนการยุติธรรมถูกซื้อได้ อาจมีเรื่องการเก็บส่วย กรณีไม่ใส่หมวกกันน็อก ขับรถไม่ถูกต้อง ก็ต้องยอมรับว่ามีการเรื่องแบบนี้อยู่ เลยทำให้กระบวนการยุติธรรมในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เขาไม่ได้รู้สึกว่ามีความหมายอะไร ทุกอย่างเป็นเรื่องเงิน เรื่องการเคลียร์
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ดังนั้น คิดว่าเราต้องหยุดพฤติกรรมนี้ได้แล้ว อยากให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาบรรดามาเฟียต่างชาติ แก้ปัญหาเรื่องการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยต่างชาติอย่างเคร่งครัด ตรงไปตรงมา ไม่ใช่กับชาวต่างชาติเท่านั้น แต่เป็นคนไทยด้วย ไม่เช่นนั้นภาพแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป จริงๆ มีสัญญาณก่อนหน้านี้ ของพวกทุนสีเทาทั้งหลายที่เข้ามาก่อนหน้านี้ด้วย
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นคนภูเก็ตด้วยรู้สึกอย่างไร นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า โอ้โฮ ผมเห็นภาพแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก ผมสมมุติว่าตัวเองเป็นตำรวจคนนั้น ถ้าโดนแบบนั้นมันน่าอับอาย ดังนั้น มันเป็นสิ่งที่ย่ำยีกระบวนการยุติธรรม ย่ำยีประเทศไทย
“
ถ้าพูดในฐานะคนภูเก็ตเราอยากได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เราอยากได้นักท่องเที่ยวที่ไม่ก่อปัญหา พร้อมจะเคารพในความเป็นประเทศไทย รวมไปถึงระบบกฎหมายไทย แต่ในกรณีนี้กลับตรงกันข้าม พอได้ยินมาสักพักแล้ว มีชาวต่างชาติที่ก่อความวุ่นวาย มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจำนวนมาก เขาทำแบบนี้เพราะเขารู้สึกว่าประเทศไทยยังไงก็ได้ ดังนั้น เราต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย” นาย
รังสิมันต์กล่าว
โรม ถามสังคมคิดยังไง อาการป่วยทักษิณ หลังลงพื้นที่ดูแข็งแรงดี แนะแจงข้อเท็จจริง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4477901
‘โรม’ ถาม สังคมยอมรับ หากถูกโกหกอาการป่วย ‘ทักษิณ’ ได้หรือไม่ หลังลงพื้นที่ดูแข็งแรง เหน็บคึกคักกว่า ‘เศรษฐา’ อีก จี้เจ้าตัวแจงให้ชัด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 มีนาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสการวัดความนิยมระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า ไม่แน่ใจว่าสังคมมองกรณีของ นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างไร แต่ส่วนตัวตนถูกสอนมาจากมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาว่า การโกหกเป็นเรื่องไม่สมควรทำ ถ้าในทางพุทธก็ต้องบอกว่าผิดศีล และเชื่อว่าทุกศาสนาก็กำหนดในลักษณะนี้ด้วย จึงไม่แน่ใจว่าสังคมไทยจะยอมรับได้แค่ไหน เมื่อเห็นนาย
ทักษิณบางวันก็มีเฝือกดามคอ บางวันก็ไม่มี บางวันก็ถอดเฝือกคอออกให้เห็น สรุปแล้วนาย
ทักษิณเป็นบุคคลที่ป่วยร้ายแรงหรือไม่ หรือป่วยมากกว่านักโทษคดีการเมืองคนอื่นหรือไม่ ต้องยอมรับว่าเราไม่เห็นเอกสารทางการแพทย์ที่จะออกมายืนยันได้ เราจึงสงสัย
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ส่วนการชี้แจงของหน่วยงานราชการเกี่ยวกับอาการป่วยของนาย
ทักษิณ ก็ไม่สามารถทำให้สังคมสิ้นข้อสงสัยได้ พร้อมยกตัวอย่างที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงอาการของนาย
ทักษิณ ว่าเป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย เช่นเดียวกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มาระบุว่านาย
ทักษิณต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายนาย
ทักษิณก็ดูแข็งแรงดีในการลงพื้นที่ สามารถนั่งยองคุยกับประชาชนที่มารอรับได้
“
ดังนั้น สังคมไทยต้องถามตัวเอง ไม่ใช่ถามนายทักษิณ ว่าเราจะยอมรับได้แค่ไหนที่จะเห็นนักการเมืองพูดมุสา” นาย
รังสิมันต์กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนเรียกร้องให้นำเอกสารทางการแพทย์มายืนยันอาการป่วย ไม่ต้องไปอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ขอให้นายทักษิณมายืนยันด้วยตัวเอง และอย่ามาบอกว่านายทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว เพราะการลงพื้นที่เชียงใหม่ในครั้งนี้คึกคักกว่า นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เสียอีก จึงต้องยอมรับว่านายทักษิณมีความไม่ธรรมดาอยู่แล้ว สังคมไทยก็ต้องตอบตัวเองว่าจะยอมรับได้แค่ไหนเกี่ยวกับการโกหก
สแกน‘เศรษฐกิจไทย 2567’ บิ๊กธุรกิจประสานเสียง ฟื้นช้า ติดบ่วงหนี้ท่วม กำลังซื้อว้าวุ่น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4476961
ผู้เขียน ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ท่ามกลางการถกเถียงกันสนั่นว่าที่สุดแล้ว “เศรษฐกิจไทยปี 2567” ที่นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักมองว่าเป็น “ซอมบี้” จะมีแนวโน้มฟื้นตัว หรือแค่ประคองตัว หรือเติบโตอย่างต่อเนื่องกันแน่ หลังจากสิ้นปี 2566 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เปิดตัวเลขเศรษฐกิจปี 2566 เติบโตเพียง 1.9% และคาดการณ์ทั้งปี 2567 จะเติบโตที่ 2.2-3.2%โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 2.7%
⦁ ซีอีโอ LPN เปิด 5 ปัจจัยศก.ส่อฟื้นตัว
มีเสียงสะท้อนจากซีอีโอหลากธุรกิจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังจะผ่านโค้งแรกของปี 2567 โดย อภิชาติ เกษมกุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากผ่าน 2 เดือนแรกของปี 2567 เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีและมั่นใจว่าในช่วง 9 เดือนหลังของปีนี้จะมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเติบโตไม่น้อยกว่า 2.5-3% โดยมีสัญญาณที่ดีในหลายประเด็นที่น่าสนใจ
สัญญาณแรกคือ กำลังซื้อภายในประเทศเริ่มมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทั้งจากการบริโภคภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมวันที่ 1 มกราคม ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 มีทั้งสิ้น 6,387,598 คน สร้างรายได้สะสม 310,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2566 จากรายได้สะสมที่กว่า 3 แสนล้านบาท ทำให้เกิดการใช้จ่ายทวีคูณที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3 เท่าตัวที่เรียกว่ากระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจในประเทศได้ดีพอสมควร
สัญญาณถัดมาคือ เห็นสัญญาณดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะลดลงช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่5.25-5.5% และส่งสัญญาณที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถ้าสามารถที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่เป้าหมายได้ที่ไม่เกิน 2% โดยมีการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์อเมริกันว่า เฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 21-22 มีนาคม และวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2567 ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นที่คงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งสัญญาณที่จะยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นับเป็นการสร้างสมดุลให้กับอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจโลก
สัญญาณที่สามคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ซบเซามา 2-3 ปี จากการเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนในปี 2566-2567 โดยปี 2566 เศรษฐกิจจีนเติบโตที่ 5.2% และธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตไม่น้อยกว่า 5% ในปี 2567 แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเผชิญกับภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาฯ ทำให้บริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่หลายแห่งในจีนเข้าสู่ภาวะล้มละลาย โดยที่รัฐบาลจีนประกาศนโยบายชัดเจนจะไม่อุ้มภาคอสังหาฯก็ตาม แต่จากนโยบายการบริหารเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของรัฐบาลจีนผนวกกับการบริหารจัดการประเทศภายใต้ระบบสั่งการตามระบอบสังคมนิยม ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2567
สัญญาณที่สี่คือ ปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน และกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล แม้ยังไม่มีข้อยุติ แต่ความกังวลต่อผลกระทบกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลายไม่รุนแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมา
และสัญญาณสุดท้ายคือ การลงทุนจากภาครัฐ ที่มั่นใจว่าเมื่อสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างงบประมาณปี 2567 การลงทุนของภาครัฐจะกลับมาในช่วงปลายไตรมาส 2 ของปี 2567 ซึ่งการลงทุนของภาครัฐจะทำให้เกิดการใช้จ่ายและสร้างอัตราการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยทวีคูณในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
⦁ ท่องเที่ยว-งบรัฐเครื่องยนต์สำคัญ
“
สองเครื่องยนต์สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน 9 เดือนหลังของปี 2567 คือภาคการท่องเที่ยว จากสัญญาณการฟื้นตัวมีความชัดเจนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 และยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ที่ 2 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย”
อภิชาติกล่าว
พร้อมประเมินว่าเมื่อเศรษฐกิจดี ภาคอสังหาฯก็มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น โดยเชื่อว่าภาคธุรกิจอสังหาฯจะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ถึงแม้ยังมีความกังวลหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเกิน 90% ต่อจีดีพี และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยก็ตาม โดยเชื่อว่าสถาบันการเงินเองก็มีความต้องการที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อ ในขณะที่สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมีหลักประกันที่มีมูลค่าไม่เสื่อมถอย ถือเป็นหลักประกันที่ดี
JJNY : ‘โรม’ตอกกลับเด็กพท.│โรมสะเทือนใจ ฝรั่งย่ำยีศักดิ์ศรีตร.│โรมถามสังคมคิดยังไง ทักษิณ│บิ๊กธุรกิจประสานเสียงฟื้นช้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4477754
‘โรม’ ตอกกลับ เด็กพท. มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ หลังซัด ‘พิธา’ ไร้มารยาทลงพื้นที่เชียงใหม่ แนะ กระทุ้งรัฐบาลจริงจังแก้ปัญหา ไม่ใช่มือใหม่แล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 มี.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มี ส.ส.ฝั่งรัฐบาลวิพากษ์วิจารณ์ การลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เพื่อตรวจปัญหาไฟป่า เป็นการกระทำที่ไร้มารยาททางการเมือง ว่า นายพิธาจะไปที่ไหนก็เป็นสิทธิ์ของนายพิธา จะไปลงพื้นที่เชียงใหม่เพื่อช่วยดับไฟ ก็เป็นเจตนาที่ดี ต้องยอมรับว่า ภาคเหนือรวมถึงจ.เชียงใหม่ มีปัญหาเรื่องฝุ่นควันเยอะ ทำให้อากาศแย่ ส่งผลกระทบถึงการท่องเที่ยว และการที่นายพิธามีความตั้งใจที่ดีในการที่จะแก้ไขปัญหา ตนมองว่าไม่ใช่ปัญหา
“CNN ออกข่าวว่ามลพิษทางอากาศที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว คำถามคือไม่กระทบการท่องเที่ยวหรือ การที่คุณ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำไปบอกว่าคุณพิธาไร้มารยาท ขอโทษนะ อย่าพูดแบบนี้ดีกว่า เข้าใจว่าส.ส.ที่พูดแบบนี้เป็นฝั่งรัฐบาล แทนที่จะว่าคุณพิธา ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ทางที่ดีกว่าคุณช่วยกระทุ้งรัฐบาลให้เอาจริงเอาจังเรื่องนี้ได้แล้ว รัฐบาลไม่ใช่มือใหม่อีกแล้ว คุณเป็นมาตั้งกี่เดือนแล้ว ใช้โอกาสเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่า ถ้าท่านยังรู้สึกว่าเชียงใหม่มีคุณค่าในสายตาท่านท่านพูดมาโดยตลอดว่าเชียงใหม่เป็นเมืองหลวงฐานที่มั่นสำคัญของท่าน ก็ช่วยดูแล อย่างน้อยสภาพอากาศก็ให้มันดีหน่อย” นายรังสิมันต์กล่าว
โรม สะเทือนใจ 2 ฝรั่งย่ำยีศักดิ์ศรี ตร. ตอกย้ำความยุติธรรมไทยไร้ความหมาย จี้ รบ.เคร่งครัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4477840
‘โรม’ รับสะเทือนใจ ปมชายต่างชาติยื้อแย่งปืนจากตำรวจ บอกในฐานะคนภูเก็ตอยากได้ นทท.คุณภาพ ชี้เป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีตำรวจ เชื่อชาวต่างชาติมองกระบวนการยุติธรรมไทยซื้อได้ จี้ รบ.บังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวตำรวจ สภ.ฉลอง ถูกนักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ยืดปืน ทำให้เกิดปืนลั่นว่า ตนเห็นใจตำรวจนายดังกล่าวมาก เพราะถือเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีของตำรวจไทย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าคนต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยไม่ได้รู้สึกว่ากฎหมายไทยเป็นเรื่องที่น่ายำเกรง คิดว่าคงสะสมมาจากช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะประเทศไทยกระบวนการยุติธรรมถูกซื้อได้ อาจมีเรื่องการเก็บส่วย กรณีไม่ใส่หมวกกันน็อก ขับรถไม่ถูกต้อง ก็ต้องยอมรับว่ามีการเรื่องแบบนี้อยู่ เลยทำให้กระบวนการยุติธรรมในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เขาไม่ได้รู้สึกว่ามีความหมายอะไร ทุกอย่างเป็นเรื่องเงิน เรื่องการเคลียร์
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ดังนั้น คิดว่าเราต้องหยุดพฤติกรรมนี้ได้แล้ว อยากให้รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาบรรดามาเฟียต่างชาติ แก้ปัญหาเรื่องการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยต่างชาติอย่างเคร่งครัด ตรงไปตรงมา ไม่ใช่กับชาวต่างชาติเท่านั้น แต่เป็นคนไทยด้วย ไม่เช่นนั้นภาพแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป จริงๆ มีสัญญาณก่อนหน้านี้ ของพวกทุนสีเทาทั้งหลายที่เข้ามาก่อนหน้านี้ด้วย
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นคนภูเก็ตด้วยรู้สึกอย่างไร นายรังสิมันต์กล่าวว่า โอ้โฮ ผมเห็นภาพแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก ผมสมมุติว่าตัวเองเป็นตำรวจคนนั้น ถ้าโดนแบบนั้นมันน่าอับอาย ดังนั้น มันเป็นสิ่งที่ย่ำยีกระบวนการยุติธรรม ย่ำยีประเทศไทย
“ถ้าพูดในฐานะคนภูเก็ตเราอยากได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เราอยากได้นักท่องเที่ยวที่ไม่ก่อปัญหา พร้อมจะเคารพในความเป็นประเทศไทย รวมไปถึงระบบกฎหมายไทย แต่ในกรณีนี้กลับตรงกันข้าม พอได้ยินมาสักพักแล้ว มีชาวต่างชาติที่ก่อความวุ่นวาย มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจำนวนมาก เขาทำแบบนี้เพราะเขารู้สึกว่าประเทศไทยยังไงก็ได้ ดังนั้น เราต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย” นายรังสิมันต์กล่าว
โรม ถามสังคมคิดยังไง อาการป่วยทักษิณ หลังลงพื้นที่ดูแข็งแรงดี แนะแจงข้อเท็จจริง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4477901
‘โรม’ ถาม สังคมยอมรับ หากถูกโกหกอาการป่วย ‘ทักษิณ’ ได้หรือไม่ หลังลงพื้นที่ดูแข็งแรง เหน็บคึกคักกว่า ‘เศรษฐา’ อีก จี้เจ้าตัวแจงให้ชัด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 มีนาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสการวัดความนิยมระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า ไม่แน่ใจว่าสังคมมองกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างไร แต่ส่วนตัวตนถูกสอนมาจากมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาว่า การโกหกเป็นเรื่องไม่สมควรทำ ถ้าในทางพุทธก็ต้องบอกว่าผิดศีล และเชื่อว่าทุกศาสนาก็กำหนดในลักษณะนี้ด้วย จึงไม่แน่ใจว่าสังคมไทยจะยอมรับได้แค่ไหน เมื่อเห็นนายทักษิณบางวันก็มีเฝือกดามคอ บางวันก็ไม่มี บางวันก็ถอดเฝือกคอออกให้เห็น สรุปแล้วนายทักษิณเป็นบุคคลที่ป่วยร้ายแรงหรือไม่ หรือป่วยมากกว่านักโทษคดีการเมืองคนอื่นหรือไม่ ต้องยอมรับว่าเราไม่เห็นเอกสารทางการแพทย์ที่จะออกมายืนยันได้ เราจึงสงสัย
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ส่วนการชี้แจงของหน่วยงานราชการเกี่ยวกับอาการป่วยของนายทักษิณ ก็ไม่สามารถทำให้สังคมสิ้นข้อสงสัยได้ พร้อมยกตัวอย่างที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงอาการของนายทักษิณ ว่าเป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย เช่นเดียวกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มาระบุว่านายทักษิณต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายนายทักษิณก็ดูแข็งแรงดีในการลงพื้นที่ สามารถนั่งยองคุยกับประชาชนที่มารอรับได้
“ดังนั้น สังคมไทยต้องถามตัวเอง ไม่ใช่ถามนายทักษิณ ว่าเราจะยอมรับได้แค่ไหนที่จะเห็นนักการเมืองพูดมุสา” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนเรียกร้องให้นำเอกสารทางการแพทย์มายืนยันอาการป่วย ไม่ต้องไปอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ขอให้นายทักษิณมายืนยันด้วยตัวเอง และอย่ามาบอกว่านายทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว เพราะการลงพื้นที่เชียงใหม่ในครั้งนี้คึกคักกว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เสียอีก จึงต้องยอมรับว่านายทักษิณมีความไม่ธรรมดาอยู่แล้ว สังคมไทยก็ต้องตอบตัวเองว่าจะยอมรับได้แค่ไหนเกี่ยวกับการโกหก
สแกน‘เศรษฐกิจไทย 2567’ บิ๊กธุรกิจประสานเสียง ฟื้นช้า ติดบ่วงหนี้ท่วม กำลังซื้อว้าวุ่น
https://www.matichon.co.th/economy/news_4476961
ผู้เขียน ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ท่ามกลางการถกเถียงกันสนั่นว่าที่สุดแล้ว “เศรษฐกิจไทยปี 2567” ที่นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักมองว่าเป็น “ซอมบี้” จะมีแนวโน้มฟื้นตัว หรือแค่ประคองตัว หรือเติบโตอย่างต่อเนื่องกันแน่ หลังจากสิ้นปี 2566 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เปิดตัวเลขเศรษฐกิจปี 2566 เติบโตเพียง 1.9% และคาดการณ์ทั้งปี 2567 จะเติบโตที่ 2.2-3.2%โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 2.7%
⦁ ซีอีโอ LPN เปิด 5 ปัจจัยศก.ส่อฟื้นตัว
มีเสียงสะท้อนจากซีอีโอหลากธุรกิจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังจะผ่านโค้งแรกของปี 2567 โดย อภิชาติ เกษมกุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล. พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากผ่าน 2 เดือนแรกของปี 2567 เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีและมั่นใจว่าในช่วง 9 เดือนหลังของปีนี้จะมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเติบโตไม่น้อยกว่า 2.5-3% โดยมีสัญญาณที่ดีในหลายประเด็นที่น่าสนใจ
สัญญาณแรกคือ กำลังซื้อภายในประเทศเริ่มมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทั้งจากการบริโภคภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมวันที่ 1 มกราคม ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 มีทั้งสิ้น 6,387,598 คน สร้างรายได้สะสม 310,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2566 จากรายได้สะสมที่กว่า 3 แสนล้านบาท ทำให้เกิดการใช้จ่ายทวีคูณที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 3 เท่าตัวที่เรียกว่ากระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจในประเทศได้ดีพอสมควร
สัญญาณถัดมาคือ เห็นสัญญาณดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะลดลงช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่5.25-5.5% และส่งสัญญาณที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถ้าสามารถที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่เป้าหมายได้ที่ไม่เกิน 2% โดยมีการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์อเมริกันว่า เฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 21-22 มีนาคม และวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2567 ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นที่คงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งสัญญาณที่จะยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นับเป็นการสร้างสมดุลให้กับอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจโลก
สัญญาณที่สามคือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ซบเซามา 2-3 ปี จากการเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนในปี 2566-2567 โดยปี 2566 เศรษฐกิจจีนเติบโตที่ 5.2% และธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตไม่น้อยกว่า 5% ในปี 2567 แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเผชิญกับภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาฯ ทำให้บริษัทอสังหาฯยักษ์ใหญ่หลายแห่งในจีนเข้าสู่ภาวะล้มละลาย โดยที่รัฐบาลจีนประกาศนโยบายชัดเจนจะไม่อุ้มภาคอสังหาฯก็ตาม แต่จากนโยบายการบริหารเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของรัฐบาลจีนผนวกกับการบริหารจัดการประเทศภายใต้ระบบสั่งการตามระบอบสังคมนิยม ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะยังเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2567
สัญญาณที่สี่คือ ปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน และกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล แม้ยังไม่มีข้อยุติ แต่ความกังวลต่อผลกระทบกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลายไม่รุนแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมา
และสัญญาณสุดท้ายคือ การลงทุนจากภาครัฐ ที่มั่นใจว่าเมื่อสภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างงบประมาณปี 2567 การลงทุนของภาครัฐจะกลับมาในช่วงปลายไตรมาส 2 ของปี 2567 ซึ่งการลงทุนของภาครัฐจะทำให้เกิดการใช้จ่ายและสร้างอัตราการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยทวีคูณในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
⦁ ท่องเที่ยว-งบรัฐเครื่องยนต์สำคัญ
“สองเครื่องยนต์สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน 9 เดือนหลังของปี 2567 คือภาคการท่องเที่ยว จากสัญญาณการฟื้นตัวมีความชัดเจนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 และยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ที่ 2 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” อภิชาติกล่าว
พร้อมประเมินว่าเมื่อเศรษฐกิจดี ภาคอสังหาฯก็มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น โดยเชื่อว่าภาคธุรกิจอสังหาฯจะได้รับอานิสงส์ที่ดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ถึงแม้ยังมีความกังวลหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเกิน 90% ต่อจีดีพี และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยก็ตาม โดยเชื่อว่าสถาบันการเงินเองก็มีความต้องการที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อ ในขณะที่สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมีหลักประกันที่มีมูลค่าไม่เสื่อมถอย ถือเป็นหลักประกันที่ดี