คลังประเมิน “กาสิโนถูกกฎหมาย” สร้างรายได้ขั้นต่ำ 1.2 หมื่นล้าน

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.thansettakij.com/business/economy/591075#google_vignette

เปิดผลศึกษา “สถานบันเทิงครบวงจร” ที่มีบ่อน “กาสิโนถูกกฎหมาย” รวมอยู่ด้วย ของสศค. - กรมสรรพสามิต 2 หน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลัง ประเมิน ช่วยสร้างงานกระตุ้นท่องเที่ยว สร้างรายได้ 12,265 ล้านบาท

ผลศึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน พบ 2 หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ทั้ง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (สศค.) กรมสรรพสามิต ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ

โดยสศค.ประเมินว่า หากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งจะทำให้มีการเก็บภาษีรายได้ภาษีสรรพสามิต ภาษีการเปิดสถานบริการต่าง ๆ เช่น อาบอบนวด  สนามกอล์ฟ สนามม้า ได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นส่วนส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น

ผลกระทบเชิงบวกคือ สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว สร้างงาน เพิ่มรายได้จากภาษีการพัฒนาเมือง สร้างความนิยมและชื่อเสียง ส่วนผลกระทบเชิงลบ คือ การเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น การโยกย้ายของแรงงานต่างถิ่น และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะกรมสรรพสามิตประเมินการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอจะสร้างรายได้ขั้นต่ำ 10%  เข้าประเทศเพิ่มประมาณ 12,265 ล้านบาท

จากการศึกษาจากข้อมูลของสศค. พบว่า ข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ทั่วโลกมีมูลค่าสถานบันเทิงครบวงจรประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าในปี พ.ศ.2571 จะเติบโตถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายได้ที่เกิดจากสถานบันเทิงครบวงจรในแต่ละประเทศนั้น
ข้อมูลจาก Statista พบว่า ประเทศที่มีรายได้สูงสุด ได้แก่ 

มาเก๊า 32,000 ล้านดอลลาร์ 
ลาสเวกัส 30,000 ล้านดอลลาร์
สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์
เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์
ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์
เวียดนาม 5,000 ล้านดอลลาร์
อินโดนีเซีย 4,000 ล้านดอลลาร์

โดยภูมิภาคที่มีมูลค่าสูงสุดได้แก่ เอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และยุโรป 
สศค. ได้ศึกษาข้อมูลสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วยในประเทศสิงคโปร์พบว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมสถานบันเทิงครบวงจร โดยกำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อให้อุตสาหกรรมสถานบันเทิงครบวงจรเป็นไปอย่างมีระเบียบและปลอดภัย โดยสัดส่วน จีดีพี อยู่ที่ประมาณ 4% สร้างงานให้กับประชาชนในท้องถิ่นประมาณ 20,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 10%  ของรายได้จากภาคบริการของสิงคโปร์ 
ในปี พ.ศ.2565 สิงคโปร์มีนักท่องเที่ยว 15 ล้านคน กว่า 30% ได้ไปเยี่ยมชมสถานบันเทิงแบบครบวงจร มูลค่าการจัดเก็บภาษีอยู่ที่ประมาณ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ในประเทศสหรัฐอเมริกา ผลกระทบทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมสถานบันเทิงครบวงจรประกอบด้วยผลกระทบของห่วงโซ่อุปทาน (ผลกระทบทางอ้อม) และค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้น โดยรวมแล้วสามารถสร้างงานได้กว่า 1.8 ล้านตำแหน่ง สร้างรายได้ 3.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างรายได้ให้แรงงาน 1.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังเก็บภาษีให้รัฐบาลกลางสหรัฐและท้องถิ่นได้รวม 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ 

จากการสำรวจพบว่า ชาวอเมริกัน 9 ใน 10 หรือ 88% มองว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้สำหรับการมีสถานบันเทิงครบวงจร โดยผู้ใหญ่ชาวอเมริกันราว 102 ล้านคน หรือ 4.1% ของจำนวนประชากรที่เข้ากาสิโน ทั้งเพื่อเข้าไปเล่นพนันหรือเพื่อรับความบันเทิงด้านอื่น และประชากรชาวอเมริกัน 71% ของชาวอเมริกันมองว่ากาสิโนหรืออุตสาหกรรมการพนัน สร้างผลบวกให้แก่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ

สำหรับประเทศญี่ปุ่น การก่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจรในโอซากะ เตรียมเปิดทำการในปี พ.ศ.2571 ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 492,000 ตารางเมตร โดยคาดการณ์ว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 520,000 แสนล้านเยน รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ  

โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางรวมกันกว่า 1 ล้านล้านเยนต่อปี และสร้างอาชีพให้กับประชาชนกว่า 1.5 หมื่นตำแหน่ง 
ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติแผนก่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจร 3 แห่ง คือ เมืองโอซากะ คาดว่าจะสร้างเสร็จ ในปี พ.ศ.2571 ส่วนเมืองนางาซากิ จะสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2573 และเมืองฟุกุโอกะ จะสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2574

ส่วนผลกระทบและแนวทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรในด้านเศรษฐกิจนั้น ผลกระทบเชิงบวกคือ สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว สร้างงาน เพิ่มรายได้จากภาษีการพัฒนาเมือง สร้างความนิยมและชื่อเสียง ส่วนผลกระทบเชิงลบ คือ การเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น การโยกย้ายของแรงงานต่างถิ่น และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ส่วนผลกระทบด้านการท่องเที่ยวถ้าหากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เหมือนอย่างเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา หรือประเทศญี่ปุ่นที่มีแผนจะเปิดในปี พ.ศ.2571 ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาเหมือนเดิม โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งจะทำให้มีการเก็บภาษีรายได้ภาษีสรรพสามิต ภาษีการเปิดสถานบริการต่าง ๆ เช่น อาบอบนวด สนามกอล์ฟ สนามม้า ได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นส่วนส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น

จากการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยอ้างอิงกรณีการเปิดกาสิโนในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้น พบว่าก่อนปี พ.ศ.2552 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายในการเยี่ยมชมสถานที่และความบันเทิงต่อคนประมาณ 51 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 1,340 บาท

แต่เมื่อมีการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 ปีแรก 841 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 22,300 บาท หรือ อาจอนุมานได้จากนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 22,300 บาทต่อคน เมื่อคำนวณรวมกับค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวปี พ.ศ. 2566 ที่อยู่ที่ 42,750 บาท/คน/ทริป ทำให้คาดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะมีการใช้จ่ายประมาณ 65,050 บาท/คน/ทริป

ด้านกรมสรรพสามิต ให้ข้อมูลการศึกษาของกรมสรรพสามิต โดยยกตัวอย่างกรณีในปี พ.ศ. 2565 จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประมาณ 11 ล้านคน และจากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติและกรมการปกครอง พบว่ามีคนไทยที่มีอายุระหว่าง 18-75 ปี และไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 37 ล้านคน ดังนั้น จะได้ตัวเลขประชากรของผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระหว่างปีนั้นประมาณ 48 ล้านคน 

ในการคำนวณจำนวนลูกค้าของกิจการกาสิโนกรณีขั้นต่ำและกรณีขั้นสูงที่เป็นไปได้จะอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานระหว่าง 10-26% ของจำนวนประชากรของผู้ที่อยู่ในประเทศไทย 

เบื้องต้นโดยสมมุติฐาน 10% นั้น อ้างอิงจากสถิติของมาเก๊า พบว่า 10% ของลูกค้ากาสิโนทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ 90% ที่เหลือเป็นลูกค้าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และสมมติฐาน 26% นั้น อ้างอิงจากเว็บไซต์คาสิโนที่ให้ข้อมูลว่า จากการสำรวจจำนวนนักพนันทั่วโลก พบว่าประชากรโลก 26% เล่นการพนันดังนั้น การคาดการณ์จำนวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำ จะอยู่ที่ 10% ของจำนวนผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ.2565 

โดยคิดเป็นลูกค้ากาสิโนทั้งสิ้น 4.8 ล้านคน โดยประกอบด้วยลูกค้าชาวต่างชาติทั้งสิ้น 1.1 ล้านคน และลูกค้าชาวไทย 3.7 ล้านคน หากประมาณการรายได้ของกิจการกาสิโนเฉพาะรูปแบบ Onsite โดยตั้งสมมุติฐานจากจำนวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำ 10% ดังกล่าว และอ้างอิงสถิติรายได้ของกาสิโนจากประเทศกัมพูชา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยขั้นต่ำต่อหัวประมาณ 73 ดอลลาร์สหรัฐ (เหตุที่ใช้ข้อมูลสถิติของกาสิโนในกัมพูชา เนื่องจากมีการรายงานว่า 95% ของลูกค้ากาสิโนในกัมพูชาเป็นชาวไทย) 

ดังนั้น จะสามารถประมาณการรายได้รวมทั้งสิ้น 12,265 ล้านบาท  แบ่งเป็น ชาวต่างชาติ 2,810.5 ล้านบาท และ ชาวไทย 9,453.5 ล้านบาท 

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่