เรื่อง : ก๊วยเตี๋ยวหลังเที่ยงคืน
โดย : ละเว้
(พ.ศ. ๒๕๓๘)
บ้าชะมัด เพิ่งเคลิ้มหลับได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะโดนเขย่า เสียงเพลงจากกลุ่มขี้เมานอกห้องยังดังมาแม้จะกว่าสองยามแล้วก็ตาม
“อะไรกันวะ” ผมงัวเงียถามเสียงขุ่น
“ออกไปหาก๋วยเตี๋ยวกินกัน” มันตอบออกมา
'อะไรนะ' อดแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่ได้
เป็นปกติที่ผมจะไม่สบอารมณ์กับการถูกปลุกในช่วงหลับไม่เต็มอิ่มแบบนี้สักเท่าใดนัก แต่หนนี้มันดูแปลก ๆ แฮะ พยายามทำตัวให้ตื่น เผยอเปลือกตามองหน้าฅนปลุก
“ปลุกขึ้นมากินก๋วยเตี๋ยวนี่นะ” ผมถามทั้งยังงัวเงีย ห้องนอนยังคงมีเพียงแสงสลัวจากภายนอกสาดส่องเข้ามา ไอ้ยอดใช้วิธียิ้มแทนคำตอบ
“ไปหรือเปล่า” มันย้อนถามออกมาอีก
ผมหันมองเพื่อนสองฅนที่ยืนรอหน้าประตูพลางสลัดผ้าห่มทิ้ง ขับไล่ความมึนงงจากการเพิ่งตื่นออกไป เหลือเพียงอาการงงจากการถูกปลุกมากินก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น พวกมันยังคงไม่มีใครตอบคำถามอะไรนอกจากพากันเดินออกจากโรงเบียร์สู่ถนนใหญ่
ตอนนี้ผมมาเป็นเด็กส่งเบียร์อยู่แถวพัทยากับพวกมันที่กำลังทำให้ผมงงกันอยู่นี่แหละ การมาทำงานที่นี่เราต้องพักแออัดรวมกันในห้องแถวแคบ ๆ หลังคาต่ำเตี้ยสูงเลยหัวนิดหน่อย ประตูดูจะไม่มีความจำเป็นนักแม้ยามค่ำคืน
.
และไม่ว่าจะเวลาไหน แม้จะดึกดื่นเพียงใด พัทยาก็ดูว่ามิเคยหลับใหล เราจึงไม่ต้องเดินไกลสักเท่าไรนัก เพราะแม้จะหลังเที่ยงคืนแล้วแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวยังคงหาได้ไม่ยาก เพียงแต่ว่าร้อยวันพันปีไอ้ยอดมันไม่เคยชวนผมออกมากินก๋วยเตี๋ยวเลย อย่างมันมีบ้างก็แวะซื้อก่อนกลับที่พัก ซึ่งก็นาน ๆ ครั้งเพราะพวกมันไม่ค่อยได้ออกไปไหนกันนักหรอก มืดมาก็สุมหัวกันอยู่แต่ในที่พักข้างโรงเบียร์ หรือบริษัทจัดจำหน่ายเบียร์ที่ทำงานของเรานั่นแหละ คงมีแต่ผมที่ชอบออกมาเดินดูแสงสีกลางค่ำกลางคืน หรือเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อยไปฅนเดียวเสียมากกว่า
.
เสียงเพลงจากบาร์เบียร์ห่างออกไปยังแว่วให้ได้ยิน แสงไฟจากหลอดนีออนหลากสีไกลออกไปยังเห็นได้ชัด ฝั่งตรงข้ามถนนคือทิฟฟานี่โชว์ ด้านหนึ่งไม่ห่างนักคือพัทยาพาลาเดียม เรานั่งอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋วยรถเข็นแฟรนไชส์เจ้าหนึ่งในบริเวณนั้น
มันไม่ปกติแน่นอนที่พวกนี้จะพาผมมากินก๋วยเตี๋ยวหลังเที่ยงคืนแบบนี้ ไอ้ยอดคงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวของมันไป ไอ้สองฅนที่มาด้วยกันก็ได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นผมตีหน้าสงสัย มันอะไรของพวกเอ็งกันนักวะ ผมคีบก๋วยเตี๋ยวใส่ปากพลางคิดไปตลอด มาแปลกกันนะพวกเอ็งวันนี้
“อีกชามไหม” มันถาม
อะไรจะใจดีขนาดนี้ ผมคิดพลางส่ายหน้าเพราะทั้งอิ่มและเกรงใจมันนั่นแหละ
“มีเงินไหม” มันเอ่ยขึ้นขณะแม่ค้ามากำลังมาคิดเงิน อะไรอีกล่ะ ผมมองหน้าถาม อย่าบอกนะว่าจะหลอกมายืมเงิน
“ไม่ได้ขอยืมแต่จะให้ยืม” มันรีบอธิบายเมื่อเห็นท่าทางของผม นั่นกลับทำให้ยิ่งงง คืนนี้พวกมันทำให้ผมมีแต่คำถามได้ตลอดสิน่า
“เฮ้ย ไม่เอาหรอก ข้ายังมี เงินเดือนเพิ่งออก...” ผมรีบปฏิเสธเและกลับต้องชะงักแค่นั้นเมื่อคิดได้ วันเงินเดือนออกนี่เอง อดส่ายหัวเมื่อหันมองใบหน้ายิ้มแฉ่งของมันก่อนรับใบแดง ๆ สามสี่ใบมาไม่ได้
“ได้มาเยอะสิเอ็ง” ผมถาม แต่มันยังคงตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม
.
เสียงเพลงผสมเสียงเคาะช้อนเคาะขวดจากพวกขี้เมายังคงดังอยู่ และน่าจะดังถึงรุ่งเช้านั่นแหละ ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัว พยายามจะหลับลงให้ได้อีกครั้ง ในขณะที่ไอ้ยอดกับฅนอื่น ๆ คงยังไม่ยอมนอนกันง่าย ๆ ในคืนเงินเดือนออกแบบนี้ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก ไม่รู้ว่าพวกมันเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันนัก ผมยังคงคิดไปเรื่อยเปื่อยขณะข่มตาหลับ
.
อากาศยามเช้าเย็นสบายเสียจนไม่อยากลุกจากที่นอน แต่หน้าที่การงานทำให้ผมมัวโอ้เอ้ไม่ได้ รีบคว้าขันและสบู่ออกไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นห้องน้ำรวมอยู่ตรงสุดทางเดิน อดนึกถึงไอ้สองสามตัวนั่นไม่ได้ เมื่อคืนมันได้นอนกันหรือเปล่าไม่รู้ น่าจะถ่างตากันจนถึงเช้าเสียมากกว่า เพราะไม่เห็นมีร่องรอยการเข้ามานอนของพวกมันกันแต่อย่างใดเลย
ผมเดินผ่านสองสามฅนที่หลับคาวงเหล้ากลางทาง เดี๋ยวเพื่อน ๆ ของมันคงมาปลุกให้ไปอาบน้ำกันเอง หรือไม่วันนี้พวกมันก็ยอมโดนหักค่าแรง
ผมมองร่างนอนคว่ำหน้าอย่างรู้สึกปลง ฅนเรานี่ก็แปลก ยอมทำงานหนักมาทั้งเดือนเพื่อจะได้เมาหัวราน้ำในวันเงินเดือนออก แต่ก็นั่นแหละ ทางเดินของใครก็ของมัน ผมเองถึงจะไม่กินเหล้าไม่เล่นการพนัน แต่เงินส่วนใหญ่ก็หมดไปกับเรื่องไร้สาระที่ทำให้ผมต้องย่ำเท้าจากพัทยาเหนือไปพัทยาใต้เช่นกัน พวกหนังเพลงหนังสืออะไรนั่นแหละ จะว่าไปมันก็ไร้สาระอยู่เหมือนกัน ไม่เชื่อก็ถามไอ้ยอดหรือไอ้ฅนที่นอนคว่ำหน้าคาวงเหล้านั่นดูก็ได้ มันต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังสือของผมก็ไร้สาระ
.
ตรงหน้าห้องน้ำมีมันอยู่ที่นั่น ไอ้ยอดเดินออกมาจากกลุ่มที่เริ่มแยกย้ายสลายตัว มันหันมองผมด้วยสายตาที่ดูแล้วผิดกับเมื่อคืนนี้มากมาย
“ไง หมดตัวละสิ” ผมถามพลางนึกขัดใจที่เมื่อคืนยังต้องถูกมันปลุกอีกครั้งเพื่อขอเงินคืน
ความชอบของฅนเรามันแตกต่างกันจริง ๆ ในขณะที่กลุ่มหนึ่งเงินแทบทั้งเดือนหมดไปกับเหล้า แต่ของไอ้ยอดจะหนักไปทางไฮโล และมันดูจะหนักกว่าไอ้ขี้เมาพวกนั้นด้วยซ้ำ เพราะพวกนั้นผมยังบอกว่าเงินแทบทั้งเดือน แต่ไอ้ยอดนี่มันจะมีนิสัยที่ว่า ถ้าได้ลงเล่นแล้ววงไม่เลิกหรือไม่หมดตัวเป็นหยุดไม่ได้ นั่นทำให้เงินเดือนทั้งเดือนของมันต้องถูกแจกจ่ายให้กับเพื่อน ๆ ในวงไฮโลจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว ขนาดมันรู้ตัวรีบพาผมไปกินก๋วยเตี๋ยวแถมให้ยืมเป็นการฝากไว้แล้วก็ตาม แต่กว่าจะเช้า กว่าวงไฮโลจะเลิก มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องปลุกผมเพื่อขอเงินคืนเอาไปลงถ้วยเหมือนเดิม
“สรุปว่าเงินเดือนของเอ็งทั้งเดือนนี่ได้แค่ก๋วยเตี๋ยวสี่ชามนั่นแหละนะ แล้วลูกเมียทางบ้านล่ะ”
ผมจบคำถามที่มันคงตอบได้แค่ยิ้มแห้งแบบสำนึกผิด แล้วก็คงลืมตัวในวันเงินเดือนออกอีกครั้ง.
ก๊วยเตี๋ยวหลังเที่ยงคืน
โดย : ละเว้
(พ.ศ. ๒๕๓๘)
บ้าชะมัด เพิ่งเคลิ้มหลับได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะโดนเขย่า เสียงเพลงจากกลุ่มขี้เมานอกห้องยังดังมาแม้จะกว่าสองยามแล้วก็ตาม
“อะไรกันวะ” ผมงัวเงียถามเสียงขุ่น
“ออกไปหาก๋วยเตี๋ยวกินกัน” มันตอบออกมา
'อะไรนะ' อดแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่ได้
เป็นปกติที่ผมจะไม่สบอารมณ์กับการถูกปลุกในช่วงหลับไม่เต็มอิ่มแบบนี้สักเท่าใดนัก แต่หนนี้มันดูแปลก ๆ แฮะ พยายามทำตัวให้ตื่น เผยอเปลือกตามองหน้าฅนปลุก
“ปลุกขึ้นมากินก๋วยเตี๋ยวนี่นะ” ผมถามทั้งยังงัวเงีย ห้องนอนยังคงมีเพียงแสงสลัวจากภายนอกสาดส่องเข้ามา ไอ้ยอดใช้วิธียิ้มแทนคำตอบ
“ไปหรือเปล่า” มันย้อนถามออกมาอีก
ผมหันมองเพื่อนสองฅนที่ยืนรอหน้าประตูพลางสลัดผ้าห่มทิ้ง ขับไล่ความมึนงงจากการเพิ่งตื่นออกไป เหลือเพียงอาการงงจากการถูกปลุกมากินก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น พวกมันยังคงไม่มีใครตอบคำถามอะไรนอกจากพากันเดินออกจากโรงเบียร์สู่ถนนใหญ่
ตอนนี้ผมมาเป็นเด็กส่งเบียร์อยู่แถวพัทยากับพวกมันที่กำลังทำให้ผมงงกันอยู่นี่แหละ การมาทำงานที่นี่เราต้องพักแออัดรวมกันในห้องแถวแคบ ๆ หลังคาต่ำเตี้ยสูงเลยหัวนิดหน่อย ประตูดูจะไม่มีความจำเป็นนักแม้ยามค่ำคืน
.
และไม่ว่าจะเวลาไหน แม้จะดึกดื่นเพียงใด พัทยาก็ดูว่ามิเคยหลับใหล เราจึงไม่ต้องเดินไกลสักเท่าไรนัก เพราะแม้จะหลังเที่ยงคืนแล้วแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวยังคงหาได้ไม่ยาก เพียงแต่ว่าร้อยวันพันปีไอ้ยอดมันไม่เคยชวนผมออกมากินก๋วยเตี๋ยวเลย อย่างมันมีบ้างก็แวะซื้อก่อนกลับที่พัก ซึ่งก็นาน ๆ ครั้งเพราะพวกมันไม่ค่อยได้ออกไปไหนกันนักหรอก มืดมาก็สุมหัวกันอยู่แต่ในที่พักข้างโรงเบียร์ หรือบริษัทจัดจำหน่ายเบียร์ที่ทำงานของเรานั่นแหละ คงมีแต่ผมที่ชอบออกมาเดินดูแสงสีกลางค่ำกลางคืน หรือเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อยไปฅนเดียวเสียมากกว่า
.
เสียงเพลงจากบาร์เบียร์ห่างออกไปยังแว่วให้ได้ยิน แสงไฟจากหลอดนีออนหลากสีไกลออกไปยังเห็นได้ชัด ฝั่งตรงข้ามถนนคือทิฟฟานี่โชว์ ด้านหนึ่งไม่ห่างนักคือพัทยาพาลาเดียม เรานั่งอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋วยรถเข็นแฟรนไชส์เจ้าหนึ่งในบริเวณนั้น
มันไม่ปกติแน่นอนที่พวกนี้จะพาผมมากินก๋วยเตี๋ยวหลังเที่ยงคืนแบบนี้ ไอ้ยอดคงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวของมันไป ไอ้สองฅนที่มาด้วยกันก็ได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นผมตีหน้าสงสัย มันอะไรของพวกเอ็งกันนักวะ ผมคีบก๋วยเตี๋ยวใส่ปากพลางคิดไปตลอด มาแปลกกันนะพวกเอ็งวันนี้
“อีกชามไหม” มันถาม
อะไรจะใจดีขนาดนี้ ผมคิดพลางส่ายหน้าเพราะทั้งอิ่มและเกรงใจมันนั่นแหละ
“มีเงินไหม” มันเอ่ยขึ้นขณะแม่ค้ามากำลังมาคิดเงิน อะไรอีกล่ะ ผมมองหน้าถาม อย่าบอกนะว่าจะหลอกมายืมเงิน
“ไม่ได้ขอยืมแต่จะให้ยืม” มันรีบอธิบายเมื่อเห็นท่าทางของผม นั่นกลับทำให้ยิ่งงง คืนนี้พวกมันทำให้ผมมีแต่คำถามได้ตลอดสิน่า
“เฮ้ย ไม่เอาหรอก ข้ายังมี เงินเดือนเพิ่งออก...” ผมรีบปฏิเสธเและกลับต้องชะงักแค่นั้นเมื่อคิดได้ วันเงินเดือนออกนี่เอง อดส่ายหัวเมื่อหันมองใบหน้ายิ้มแฉ่งของมันก่อนรับใบแดง ๆ สามสี่ใบมาไม่ได้
“ได้มาเยอะสิเอ็ง” ผมถาม แต่มันยังคงตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม
.
เสียงเพลงผสมเสียงเคาะช้อนเคาะขวดจากพวกขี้เมายังคงดังอยู่ และน่าจะดังถึงรุ่งเช้านั่นแหละ ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัว พยายามจะหลับลงให้ได้อีกครั้ง ในขณะที่ไอ้ยอดกับฅนอื่น ๆ คงยังไม่ยอมนอนกันง่าย ๆ ในคืนเงินเดือนออกแบบนี้ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก ไม่รู้ว่าพวกมันเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนกันนัก ผมยังคงคิดไปเรื่อยเปื่อยขณะข่มตาหลับ
.
อากาศยามเช้าเย็นสบายเสียจนไม่อยากลุกจากที่นอน แต่หน้าที่การงานทำให้ผมมัวโอ้เอ้ไม่ได้ รีบคว้าขันและสบู่ออกไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นห้องน้ำรวมอยู่ตรงสุดทางเดิน อดนึกถึงไอ้สองสามตัวนั่นไม่ได้ เมื่อคืนมันได้นอนกันหรือเปล่าไม่รู้ น่าจะถ่างตากันจนถึงเช้าเสียมากกว่า เพราะไม่เห็นมีร่องรอยการเข้ามานอนของพวกมันกันแต่อย่างใดเลย
ผมเดินผ่านสองสามฅนที่หลับคาวงเหล้ากลางทาง เดี๋ยวเพื่อน ๆ ของมันคงมาปลุกให้ไปอาบน้ำกันเอง หรือไม่วันนี้พวกมันก็ยอมโดนหักค่าแรง
ผมมองร่างนอนคว่ำหน้าอย่างรู้สึกปลง ฅนเรานี่ก็แปลก ยอมทำงานหนักมาทั้งเดือนเพื่อจะได้เมาหัวราน้ำในวันเงินเดือนออก แต่ก็นั่นแหละ ทางเดินของใครก็ของมัน ผมเองถึงจะไม่กินเหล้าไม่เล่นการพนัน แต่เงินส่วนใหญ่ก็หมดไปกับเรื่องไร้สาระที่ทำให้ผมต้องย่ำเท้าจากพัทยาเหนือไปพัทยาใต้เช่นกัน พวกหนังเพลงหนังสืออะไรนั่นแหละ จะว่าไปมันก็ไร้สาระอยู่เหมือนกัน ไม่เชื่อก็ถามไอ้ยอดหรือไอ้ฅนที่นอนคว่ำหน้าคาวงเหล้านั่นดูก็ได้ มันต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังสือของผมก็ไร้สาระ
.
ตรงหน้าห้องน้ำมีมันอยู่ที่นั่น ไอ้ยอดเดินออกมาจากกลุ่มที่เริ่มแยกย้ายสลายตัว มันหันมองผมด้วยสายตาที่ดูแล้วผิดกับเมื่อคืนนี้มากมาย
“ไง หมดตัวละสิ” ผมถามพลางนึกขัดใจที่เมื่อคืนยังต้องถูกมันปลุกอีกครั้งเพื่อขอเงินคืน
ความชอบของฅนเรามันแตกต่างกันจริง ๆ ในขณะที่กลุ่มหนึ่งเงินแทบทั้งเดือนหมดไปกับเหล้า แต่ของไอ้ยอดจะหนักไปทางไฮโล และมันดูจะหนักกว่าไอ้ขี้เมาพวกนั้นด้วยซ้ำ เพราะพวกนั้นผมยังบอกว่าเงินแทบทั้งเดือน แต่ไอ้ยอดนี่มันจะมีนิสัยที่ว่า ถ้าได้ลงเล่นแล้ววงไม่เลิกหรือไม่หมดตัวเป็นหยุดไม่ได้ นั่นทำให้เงินเดือนทั้งเดือนของมันต้องถูกแจกจ่ายให้กับเพื่อน ๆ ในวงไฮโลจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว ขนาดมันรู้ตัวรีบพาผมไปกินก๋วยเตี๋ยวแถมให้ยืมเป็นการฝากไว้แล้วก็ตาม แต่กว่าจะเช้า กว่าวงไฮโลจะเลิก มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องปลุกผมเพื่อขอเงินคืนเอาไปลงถ้วยเหมือนเดิม
“สรุปว่าเงินเดือนของเอ็งทั้งเดือนนี่ได้แค่ก๋วยเตี๋ยวสี่ชามนั่นแหละนะ แล้วลูกเมียทางบ้านล่ะ”
ผมจบคำถามที่มันคงตอบได้แค่ยิ้มแห้งแบบสำนึกผิด แล้วก็คงลืมตัวในวันเงินเดือนออกอีกครั้ง.