สรยุทธ ออกโรงเอง ขอ ‘สนธิญา’ ถอนสอบ สุขชาวบ้าน ด้านนักร้องดังตอบรับแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4460911
สรยุทธ ออกโรงเอง ขอ ‘สนธิญา’ ถอนสอบสุขชาวบ้าน นักร้องดังตอบรับแล้ว
จากกรณีที่ นาย
สนธิญา สวัสดี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “
สุขชาวบ้าน” ที่ทำคลิปล้อเลียนถนนพระราม 2 โดยมองว่า เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ จนสร้างความสับสนให้กับผู้คนในสังคม
ล่าสุด ในรายการ
กรรมกรข่าว คุยนอกจอ นาย
สนธิญา ได้เปิดใจในรายการ ให้เหตุผลว่าการที่ไปร้องเรียนนั้น เพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้องในข้อมูล ว่าการพัฒนาถนนพระราม 2 มีการพัฒนาเป็นลำดับ และยินดี ที่จะถอนเรื่องทุกอย่าง
นาย
สนธิญา กล่าวว่า ยินดีที่จะถอนเรื่องทุกอย่าง ถ้าคุยเข้าใจ และเอาความจริงมาพูดว่าถนนพระราม 2 มีการพัฒนาเป็นลำดับ ข้อมูลเข้าใจว่าเป็นความบันเทิง แต่ทำให้กระทบต่อส่วนงานอื่นๆ ก็สมควรจะแก้ไข ตนอยู่มา 38 ปี ใช้ถนนเส้นนี้ทุกวัน เข้ากทม.วันละเที่ยว 2 เที่ยว กรณีอุบัติเหตุน้อยมาก เมื่อเทียบกับการทำงานทั้งหมด แต่เมื่อเป็นข่าวก็ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง กรณีการสร้าง ไม่ได้เข้าข้าง แต่เขาจะสร้างได้วันละ 6-7 ชั่วโมง ถ้าคนเดินทางมา 4 ทุ่มเป็นต้นไป เขาจะให้วิ่งคู่ขนาน ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ถ้าเขาทำงานเต็มที่ ภายใน 1-2 ปีก็เสร็จแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น และ การก่อสร้างครั้งหนึ่ง ก็ห่างกัน 10 ปี
เมื่อนาย
สรยุทธ ถามว่า ทำไมไม่คิดว่าเพราะถนนทำให้คนไปน้อย แต่คิดว่า สุขชาวบ้านทำให้คนไปน้อยหละ นาย
สนธิญา กล่าวตอบว่า ข้อมูล สื่อให้คนเข้าใจผิด และ ซ้ำเติมให้สถานการณ์ไม่น่าอภิรมย์ คนอยากมาสมุทรสาครก็บอกไม่อยากไป เดี๋ยวทางด่วนตกลงมาใส่ ถ้าสร้างภาพว่าเกิดขึ้นจริง แต่ไม่มากมายเป็นประจำ อาจจะเสียเวลาบ้าง คนไม่อยากรถติดก็ไปเพชรเกษมซิ ก็ทำให้เดินทางสะดวกขึ้น พระราม 2 ก็จำเป็นต้องทำ
“
ผมไม่ได้ดำเนินคดี ร้องให้ไต่สวน หากน้องเขาไปศึกษาไปปรับเปลี่ยน ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งความ ผมสนับสนุนให้น้องเขาทำแบบนี้ แต่ขอให้เป็นข้อมูลที่เป็นความเป็นจริง ผิดเพี้ยนไปบ้างไม่เป็นไร แต่ถ้ามากไป ก็ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และคนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ถามว่าอยากไปแจ้งความเขาไหม ผมโดนดำเนินคดีมา 7 คดี เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่อยากให้ใครมามีปัญหาเหมือนผม แต่เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมกับคนในพื้นที่”
นาย
สรยุทธ กล่าวว่า ไปถอนเถอะ เชื่อผม เดี๋ยวเกิดตำรวจไปเอาสิ่งที่คุณ
สนธิญาร้องไปตรวจสอบ
นาย
สนธิญา จึงตอบรับว่า ได้ๆ ร้องให้ไต่สวนแค่นั้นเอง ยินดี ถ้าได้คุยกับน้องเข้าใจ จะดำเนินการทันที และไม่ต้องการให้ใครมีปัญหาไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้เข้าใจเจตนารมณ์ร่วมกัน แต่ให้ลดข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมากๆ ยินดี ไม่มีปัญหา
เมื่อ นาย
สรยุทธ กล่าวว่า เดี๋ยวตำรวจเรียกสอบวุ่นวาย นาย
สนธิญา ก็ตอบว่า บางเรื่องผมแจ้งปอท. 2 ปียังไม่มีขับเคลื่อนเลย จึงทำให้นาย
สรยุทธ กล่าวว่า ใครจะไปรู้ ผมขอ เอาเรื่องออกมาได้ไหม
ซึ่งนาย
สนธิญา ก็ว่า ยินดี ผมทำแค่ไต่สวน ชี้ให้เห็นประเด็น ปรับปรุงแก้ไขเฉยๆ ยินดี
จนสุดท้าย นาย
สรยุทธ กล่าวปิดจบว่า “
ตกลงถอนแล้วนะ ไปจัดการนะ”
‘สมชัย’ วิเคราะห์หมออ๋องบุกทำเนียบ เกมฉีกหน้ารัฐบาลดองกฎหมาย สมควรแล้ว-ไม่ล้ำเส้น
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4460666
รศ.
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วิเคราะห์กรณี
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 บุกทำเนียบรัฐบาล มองว่าไม่ใช่เรื่องที่ล้ำเส้น ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถทวงถามได้
เบื้องหลังคว่ำกฎหมายคุ้มครองแรงงาน จุดต่างการเมืองก้าวไกล-เพื่อไทย
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4460659
The Politics ข่าวบ้านการเมือง ฉายภาพศึกอภิปรายกฏหมายคุ้มครองแรงงาน สภาฯ ไม่เห็นชอบร่างฉบับ
เซีย จำปาทอง พรรคก้าวไกล แต่รับหลักการร่างของ
วรรณวิภา ไม้สน พรรคก้าวไกล สะท้อนจุดต่างทางการเมืองระหว่างก้าวไกลและเพื่อไทย ซัดกันหนักในสภาฯ ต่อสู้ทางความคิด กลยุทธ์ทั้งในและนอกสภา โลกโซเชียลจุดกระแสรัฐบาลคว่ำร่างกฏหมายของก้าวไกลทุกฉบับหรือไม่ มองอีกมุมหรือนี่เป็นเกมการเมือง เอากฎหมายที่ถูกตีตก มาตีฟู โหมประเด็นแตกหักก้าวไกลและเพื่อไทย ดวลกันต่อไปในคูหาเลือกตั้ง
เปิด 3 แนวทางส.อ.ท.ชงรัฐบาล "ตรึงดีเซล 30 บาท"
https://www.thansettakij.com/sustainable/energy/590346
เปิด 3 แนวทางส.อ.ท.ชงรัฐบาล "ตรึงดีเซล 30 บาท" ชี้ควรหามาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นกลุ่มเปราะบางและจะมีผลกระทบ แนะหันมาพิจารณาการพึ่งพาพลังงานภายในประเทศให้มากขึ้น
นาย
อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลควรพิจารณา 3 แนวทาง เพื่อตรึงราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับไม่เกินลิตรละ 30 บาท โดยควรหามาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นกลุ่มเปราะบางและจะมีผลกระทบ เช่น กลุ่มรถขนส่ง รถรับจ้าง ฯลฯ
ทั้งนี้ เพื่อลดภาระการอุดหนุนลงเพราะสุดท้ายการอุดหนุนที่มากเมื่อราคาตลาดโลกลดผู้ที่จะต้องกลับมาใช้หนี้คือประชาชนอยู่ดี ,หันมาพิจารณาการพึ่งพาพลังงานภายในประเทศให้มากขึ้น เพราะราคาพลังงานตลาดโลกนั้นมีความผันผวนสูง และมีค่าเงินบาทที่หากอ่อนค่าก็จะยิ่งจ่ายแพงเพิ่มขึ้นอีก
ควรหันมามองการพึ่งพาภาคการเกษตรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพผลิตได้ทั้งเอทานอล ไบโอดีเซล หรือแม้กระทั่งการวิจัยด้านอื่น เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งหากรัฐส่งเสริมและปรับโครงสร้างการผลิตให้ดีไม่ต้องเสียภาษี ต้นทุนสามารถลดต่ำลงได้อย่างมาก จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน
ส่วนอีกแนวทางให้ลดการพึ่งพิงนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศให้ลดต่ำลง ควรมีแผนระยะกลาง และระยะยาวในการกำหนดยุทธศาสตร์ ซึ่งขณะนี้โลกกำลังก้าวไปสู่พลังงานสะอาดที่ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงควรหาพลังงานทดแทนให้มากขึ้น เช่น ส่งเสริมติดโซลาร์เซลล์ ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ที่จะช่วยลดมลพิษแล้ว ยังจะช่วยลดการใช้ไฟที่เกินความต้องการ และจะไปลดค่าพร้อมจ่าย หรือเอพีที่ประชาชนต้องแบกรับ โดยค่าพร้อมจ่ายเป็นการจ่ายเงินให้โรงไฟฟ้าทุกโรงไฟฟ้าแม้ว่าจะไม่มีการเดินเครื่อง
นาย
อิศเรศ กล่าวอีกว่า ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นการบริหารจัดการนอกเหนือจากการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาอุดหนุน จนล่าสุดวันที่ 3 มี.ค. กองทุนฯ ติดลบแล้วกว่า 93,498 ล้านบาท เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ให้ประชาชนเสพติดของถูก และไม่เห็นด้วยที่จะต้องปรับขึ้นราคาไปสู่ระดับลิตรละ 32 บาท เป็นการซ้าเติมประชาชนที่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาค่าครองชีพที่สูง"
จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิล่าสุดวันที่ 3 มี.ค. 67 ติดลบ 93,498 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 46,742 ล้านบาท บัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือแอลพีจี ติดลบ 46,756 ล้านบาท
โดยเงินกองทุนฯ ยังไหลออกต่อเนื่องจากการอุดหนุนราคาดีเซล วันที่ 5 มี.ค. 67 อยู่ระดับลิตรละ 4 บาท เพราะราคาดีเซลตลาดโลกยังคงราคาทรงตัวระดับสูง ซึ่งจากการประมาณการเบื้องต้นแล้วหากการอุดหนุนเฉลี่ยอยู่ในระดับดังกล่าวคาดว่าฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิจะติดลบระดับ 100,000 ล้านบาทภายในสิ้น มี.ค. 67 หรือต้น เม.ย. 67
"
ขณะนี้เงินไหลออกส่วนใหญ่เป็นการชดเชยราคาดีเซล เพื่อตรึงราคาขายไว้ไม่เกินลิตรละ 30 บาท ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งลิตรละ 4 บาท ทำให้เงินไหลออกวันละ 2,000 ล้านบาท หากอยู่ระดับนี้ จะแตะแสนล้านบาทในสิ้น มี.ค.หากดีเซลตลาดโลกปรับลดจะเลื่อนไปเป็นช่วงเม.ย.นี้"
JJNY : สรยุทธออกโรง│เกมฉีกหน้ารัฐบาลดองกม.│เบื้องหลังคว่ำกฎหมาย│3 แนวทางส.อ.ท.ชงรบ.ตรึงดีเซล│ยูเครนไม่ทิ้งแผนรุกกลับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4460911
สรยุทธ ออกโรงเอง ขอ ‘สนธิญา’ ถอนสอบสุขชาวบ้าน นักร้องดังตอบรับแล้ว
จากกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “สุขชาวบ้าน” ที่ทำคลิปล้อเลียนถนนพระราม 2 โดยมองว่า เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ จนสร้างความสับสนให้กับผู้คนในสังคม
ล่าสุด ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ นายสนธิญา ได้เปิดใจในรายการ ให้เหตุผลว่าการที่ไปร้องเรียนนั้น เพื่อให้ประชาชนเข้าใจอย่างถูกต้องในข้อมูล ว่าการพัฒนาถนนพระราม 2 มีการพัฒนาเป็นลำดับ และยินดี ที่จะถอนเรื่องทุกอย่าง
นายสนธิญา กล่าวว่า ยินดีที่จะถอนเรื่องทุกอย่าง ถ้าคุยเข้าใจ และเอาความจริงมาพูดว่าถนนพระราม 2 มีการพัฒนาเป็นลำดับ ข้อมูลเข้าใจว่าเป็นความบันเทิง แต่ทำให้กระทบต่อส่วนงานอื่นๆ ก็สมควรจะแก้ไข ตนอยู่มา 38 ปี ใช้ถนนเส้นนี้ทุกวัน เข้ากทม.วันละเที่ยว 2 เที่ยว กรณีอุบัติเหตุน้อยมาก เมื่อเทียบกับการทำงานทั้งหมด แต่เมื่อเป็นข่าวก็ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง กรณีการสร้าง ไม่ได้เข้าข้าง แต่เขาจะสร้างได้วันละ 6-7 ชั่วโมง ถ้าคนเดินทางมา 4 ทุ่มเป็นต้นไป เขาจะให้วิ่งคู่ขนาน ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ถ้าเขาทำงานเต็มที่ ภายใน 1-2 ปีก็เสร็จแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น และ การก่อสร้างครั้งหนึ่ง ก็ห่างกัน 10 ปี
เมื่อนายสรยุทธ ถามว่า ทำไมไม่คิดว่าเพราะถนนทำให้คนไปน้อย แต่คิดว่า สุขชาวบ้านทำให้คนไปน้อยหละ นายสนธิญา กล่าวตอบว่า ข้อมูล สื่อให้คนเข้าใจผิด และ ซ้ำเติมให้สถานการณ์ไม่น่าอภิรมย์ คนอยากมาสมุทรสาครก็บอกไม่อยากไป เดี๋ยวทางด่วนตกลงมาใส่ ถ้าสร้างภาพว่าเกิดขึ้นจริง แต่ไม่มากมายเป็นประจำ อาจจะเสียเวลาบ้าง คนไม่อยากรถติดก็ไปเพชรเกษมซิ ก็ทำให้เดินทางสะดวกขึ้น พระราม 2 ก็จำเป็นต้องทำ
“ผมไม่ได้ดำเนินคดี ร้องให้ไต่สวน หากน้องเขาไปศึกษาไปปรับเปลี่ยน ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งความ ผมสนับสนุนให้น้องเขาทำแบบนี้ แต่ขอให้เป็นข้อมูลที่เป็นความเป็นจริง ผิดเพี้ยนไปบ้างไม่เป็นไร แต่ถ้ามากไป ก็ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ และคนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ถามว่าอยากไปแจ้งความเขาไหม ผมโดนดำเนินคดีมา 7 คดี เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่อยากให้ใครมามีปัญหาเหมือนผม แต่เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมกับคนในพื้นที่”
นายสรยุทธ กล่าวว่า ไปถอนเถอะ เชื่อผม เดี๋ยวเกิดตำรวจไปเอาสิ่งที่คุณสนธิญาร้องไปตรวจสอบ
นายสนธิญา จึงตอบรับว่า ได้ๆ ร้องให้ไต่สวนแค่นั้นเอง ยินดี ถ้าได้คุยกับน้องเข้าใจ จะดำเนินการทันที และไม่ต้องการให้ใครมีปัญหาไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้เข้าใจเจตนารมณ์ร่วมกัน แต่ให้ลดข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมากๆ ยินดี ไม่มีปัญหา
เมื่อ นายสรยุทธ กล่าวว่า เดี๋ยวตำรวจเรียกสอบวุ่นวาย นายสนธิญา ก็ตอบว่า บางเรื่องผมแจ้งปอท. 2 ปียังไม่มีขับเคลื่อนเลย จึงทำให้นายสรยุทธ กล่าวว่า ใครจะไปรู้ ผมขอ เอาเรื่องออกมาได้ไหม
ซึ่งนายสนธิญา ก็ว่า ยินดี ผมทำแค่ไต่สวน ชี้ให้เห็นประเด็น ปรับปรุงแก้ไขเฉยๆ ยินดี
จนสุดท้าย นายสรยุทธ กล่าวปิดจบว่า “ตกลงถอนแล้วนะ ไปจัดการนะ”
‘สมชัย’ วิเคราะห์หมออ๋องบุกทำเนียบ เกมฉีกหน้ารัฐบาลดองกฎหมาย สมควรแล้ว-ไม่ล้ำเส้น
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4460666
รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วิเคราะห์กรณี ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 บุกทำเนียบรัฐบาล มองว่าไม่ใช่เรื่องที่ล้ำเส้น ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถทวงถามได้
เบื้องหลังคว่ำกฎหมายคุ้มครองแรงงาน จุดต่างการเมืองก้าวไกล-เพื่อไทย
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4460659
The Politics ข่าวบ้านการเมือง ฉายภาพศึกอภิปรายกฏหมายคุ้มครองแรงงาน สภาฯ ไม่เห็นชอบร่างฉบับ เซีย จำปาทอง พรรคก้าวไกล แต่รับหลักการร่างของ วรรณวิภา ไม้สน พรรคก้าวไกล สะท้อนจุดต่างทางการเมืองระหว่างก้าวไกลและเพื่อไทย ซัดกันหนักในสภาฯ ต่อสู้ทางความคิด กลยุทธ์ทั้งในและนอกสภา โลกโซเชียลจุดกระแสรัฐบาลคว่ำร่างกฏหมายของก้าวไกลทุกฉบับหรือไม่ มองอีกมุมหรือนี่เป็นเกมการเมือง เอากฎหมายที่ถูกตีตก มาตีฟู โหมประเด็นแตกหักก้าวไกลและเพื่อไทย ดวลกันต่อไปในคูหาเลือกตั้ง
เปิด 3 แนวทางส.อ.ท.ชงรัฐบาล "ตรึงดีเซล 30 บาท"
https://www.thansettakij.com/sustainable/energy/590346
เปิด 3 แนวทางส.อ.ท.ชงรัฐบาล "ตรึงดีเซล 30 บาท" ชี้ควรหามาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นกลุ่มเปราะบางและจะมีผลกระทบ แนะหันมาพิจารณาการพึ่งพาพลังงานภายในประเทศให้มากขึ้น
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า รัฐบาลควรพิจารณา 3 แนวทาง เพื่อตรึงราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับไม่เกินลิตรละ 30 บาท โดยควรหามาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นกลุ่มเปราะบางและจะมีผลกระทบ เช่น กลุ่มรถขนส่ง รถรับจ้าง ฯลฯ
ทั้งนี้ เพื่อลดภาระการอุดหนุนลงเพราะสุดท้ายการอุดหนุนที่มากเมื่อราคาตลาดโลกลดผู้ที่จะต้องกลับมาใช้หนี้คือประชาชนอยู่ดี ,หันมาพิจารณาการพึ่งพาพลังงานภายในประเทศให้มากขึ้น เพราะราคาพลังงานตลาดโลกนั้นมีความผันผวนสูง และมีค่าเงินบาทที่หากอ่อนค่าก็จะยิ่งจ่ายแพงเพิ่มขึ้นอีก
ควรหันมามองการพึ่งพาภาคการเกษตรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพผลิตได้ทั้งเอทานอล ไบโอดีเซล หรือแม้กระทั่งการวิจัยด้านอื่น เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งหากรัฐส่งเสริมและปรับโครงสร้างการผลิตให้ดีไม่ต้องเสียภาษี ต้นทุนสามารถลดต่ำลงได้อย่างมาก จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน
ส่วนอีกแนวทางให้ลดการพึ่งพิงนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศให้ลดต่ำลง ควรมีแผนระยะกลาง และระยะยาวในการกำหนดยุทธศาสตร์ ซึ่งขณะนี้โลกกำลังก้าวไปสู่พลังงานสะอาดที่ต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงควรหาพลังงานทดแทนให้มากขึ้น เช่น ส่งเสริมติดโซลาร์เซลล์ ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ที่จะช่วยลดมลพิษแล้ว ยังจะช่วยลดการใช้ไฟที่เกินความต้องการ และจะไปลดค่าพร้อมจ่าย หรือเอพีที่ประชาชนต้องแบกรับ โดยค่าพร้อมจ่ายเป็นการจ่ายเงินให้โรงไฟฟ้าทุกโรงไฟฟ้าแม้ว่าจะไม่มีการเดินเครื่อง
นายอิศเรศ กล่าวอีกว่า ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นการบริหารจัดการนอกเหนือจากการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาอุดหนุน จนล่าสุดวันที่ 3 มี.ค. กองทุนฯ ติดลบแล้วกว่า 93,498 ล้านบาท เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ให้ประชาชนเสพติดของถูก และไม่เห็นด้วยที่จะต้องปรับขึ้นราคาไปสู่ระดับลิตรละ 32 บาท เป็นการซ้าเติมประชาชนที่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาค่าครองชีพที่สูง"
จากการตรวจสอบของ "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิล่าสุดวันที่ 3 มี.ค. 67 ติดลบ 93,498 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 46,742 ล้านบาท บัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือแอลพีจี ติดลบ 46,756 ล้านบาท
โดยเงินกองทุนฯ ยังไหลออกต่อเนื่องจากการอุดหนุนราคาดีเซล วันที่ 5 มี.ค. 67 อยู่ระดับลิตรละ 4 บาท เพราะราคาดีเซลตลาดโลกยังคงราคาทรงตัวระดับสูง ซึ่งจากการประมาณการเบื้องต้นแล้วหากการอุดหนุนเฉลี่ยอยู่ในระดับดังกล่าวคาดว่าฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิจะติดลบระดับ 100,000 ล้านบาทภายในสิ้น มี.ค. 67 หรือต้น เม.ย. 67
"ขณะนี้เงินไหลออกส่วนใหญ่เป็นการชดเชยราคาดีเซล เพื่อตรึงราคาขายไว้ไม่เกินลิตรละ 30 บาท ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งลิตรละ 4 บาท ทำให้เงินไหลออกวันละ 2,000 ล้านบาท หากอยู่ระดับนี้ จะแตะแสนล้านบาทในสิ้น มี.ค.หากดีเซลตลาดโลกปรับลดจะเลื่อนไปเป็นช่วงเม.ย.นี้"