"เบนซ์ " หยุดทบทวน เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะไม่บูมอย่างที่คิด

เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://mgronline.com/motoring/detail/9670000019247

การประกาศปรับแผนการและยืดการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในออกไปอีกของ Mercedes-Benz กลายเป็นอีกเคสที่เกิดขึ้นและถูกมองว่าเป็นการช่วยเพิ่มน้ำหนักในคำกล่าวของ Akio Toyoda ผู้บริหารระดับสูงของ Toyota ที่กล่าวเมื่อเดือนมกราคมว่า รถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ BEV นั่นไม่ใช่เทรนด์หลัก และไม่มีทางที่จะทำยอดขายขึ้นมาเทียบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในได้ และเต็มที่ก็ครองส่วนแบ่งในตลาดได้แค่ 30% เท่านั้น

จริงอยู่ที่ตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้ามีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศทั่วโลก จนทำให้ยอดขายในปีที่แล้วมีมากกว่า 13.6 ล้านคันรวมทั่วโลก หรือเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเปรียบเทียบจากปีที่แล้ว แต่ตลาดหลักก็ยังอยู่ที่ประเทศจีน ขณะที่ประเทศอื่นๆ รถยนต์พลังไฟฟ้ามีการเติบโตขึ้นก็จริง แต่ก็เป็นการเติบโตจากจุดต่ำสุด ซึ่งยังไงอัตราการเติบโตก็สูงอยู่แล้ว

หลังคำกล่าวของ Toyoda มีบริษัทรถยนต์หลายแห่งเริ่มหยุดและคิดถึงสถานการณ์ที่ควรจะต้องรีบตื่นตัวและตื่นตูมเหมือนกับ 2 ปีที่แล้วหรือไม่ และ BMW ก็ได้ออกมาประกาศแผนการอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงของตัวเองออกจากรถยนต์พลังไฟฟ้า ด้วยการหันมาพลังงานทางเลือกอย่างการใช้ไฮโดรเจนในรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV ขณะที่ Mercedes-Benz ถือเป็นรายล่าสุดที่มองว่า ควรอยู่นิ่งๆ ก่อน ไม่ต้องตื้นเต้น แล้วดูตลาดอีกครั้งให้ถ้วนถี่อีกครั้ง
  
ผลสรุปที่ได้คือ พวกเขาขอชะลอแผนการยุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเอาไว้ก่อน จากเดิมที่จะมีขึ้นในปี 2030 และมองหาทางเลือกอื่นๆ เข้ามาช่วยเสริมนอกเหนือจากการมีรถยนต์พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเป็นทางเลือกในตลาด

ทุกฝ่ายตื่นเต้นขายรับรถไฟฟ้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โลกเกิดอาการตื่นตัวและตื่นเต้นกับการขับเคลื่อนและมุ่งหน้าสู่โลกที่ไร้มลพิษด้วยการใช้รถยนต์พลังไฟฟ้า จนกลายเป็นเหมือนอุปทานหมู่ที่บริษัทรถยนต์เกือบทุกรายประกาศนโยบายในการเลิกพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีเก่าที่ไม่มีอนาคตอย่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือ ICE-Internal Combustion Engine และมุ่งหน้าสู่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ากันเป็นแถว

Mercedes-Benz ก็เช่นกัน พวกเขาเคยวางแผนที่จะนำเสนอแต่รถยนต์พลังไฟฟ้าในตลาดยุโรปภายในปี 2030 พร้อมเปิดตัวผลผลิตในตระกูล EQ ออกสู่ตลาดแทบจะในทันที แต่ผ่านไปเพียงแค่ 2 ปี สัจธรรมเพิ่งปรากฏ สิ่งที่เคยคิดว่าคืออนาคตกลับไม่ใช่อย่างที่คิด และก็เหมือนอย่างที่ Toyoda ประเมิน พวกเขาเชื่อว่า ในอีก 6 ปีข้างหน้า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV และรถไฮบริด จะมีสัดส่วนเพียงครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดเท่านั้น โลกยานยนต์ไม่ได้เปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดเหมือนอย่างที่คาด

Ola Kaellenius ซีอีโอของ Mercedes-Benz กล่าวกับ Reuter ว่า Mercedes-Benz ต้องการให้ลูกค้าและนักลงทุนทราบว่าบริษัทพร้อมที่จะดำเนินการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปและอัพเดตเทคโนโลยี ICE ต่อไปในทศวรรษหน้า เพราะมีการประเมินว่า แนวโน้มในการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างที่คาดกันเอาไว้

ความตื่นตัวของรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นเร็วเกินไป เกินกว่าที่ระบบซัพพลายเชนทั้งหมดของโลกยานยนต์จะปรับตัวตามได้ทัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การติดขัดและการเป็นคอขวดของการผลิต ทรัพยกรที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ที่ยังแพงและมีไม่เยอะ เช่นเดียวกับการใช้งาน ซึ่งล้วนเป็นจุดที่ทำให้การขยายตัวของรถยนต์พลังไฟฟ้าไม่เป็นไปตามที่คาดกันเอาไว้ และนั่นทำให้แผนการที่เคยประกาศออกมาทั้งหมด จำเป็นจะต้องนำกลับมาพิจารณาและทบทวนถึงความเป็นไปได้ใหม่

เครื่องยนต์สันดาปภายในยังจำเป็น 
แม้ในท้ายของแถลงการณ์จะมีการระบุถึงโลกอนาคตที่รถยนต์พลังไฟฟ้าจะครองตลาด และเครื่องยนต์สันดาปภายในจะค่อยๆ หายไปก็ตาม แต่เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงเพื่อให้ยอมรับได้นั้น หมายความว่า Mercedes-Benz จะมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ออกมาที่เกี่ยวข้องกับการนำเครื่องยนต์สันดาปภายในมาใช้เพื่อเป็นสะพานเชื่อมจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง

มีการยืนยันว่า นับจากปี 2023 เป็นต้นมา พวกเขากำลังดำเนินการพัฒนาครื่องยนต์ M252 เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวขยายระยะ โดยเปลี่ยนหน้าที่ของเครื่องยนต์ทำงานเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ของ EV และทำงานแยกจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อน เหมือนกับเทคโนโลยี e-Power ของ Nissan เทคโนโลยีนี้จะช่วยปรับปรุงระยะการขับขี่โดยรวม และให้อารมณ์คล้ายกับการขับขี่รถยนต์พลังไฟฟ้า โดยลดการพึ่งพาแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว ให้ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น และขจัดความกังวลเกี่ยวกับระยะทางสำหรับผู้ขับขี่ แต่ข้อแม้คือมันยังต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งค่อนข้างขัดแย้งกับความหมายของรถยนต์พลังไฟฟ้า

โดยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของ Mercedes-Benz จะถูกพัฒนาบนพื้นตัวถังที่เรียกว่า Modular Mercedes Architecture (MMA) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั้งสำหรับรถยนต์พลังไฟฟ้า และรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนประกอบ โดยที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา คือ CLA รุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นรุ่นแรกที่ใช้แพล็ตฟอร์มนี้ เช่นเดียวกับ GLA และ GLB รุ่นใหม่

ในปีที่แล้ว Mercedes-Benz มียอดขายรถยนต์แบบไฮบริดเสียบปล็ก และ BEV อยู่ที่ 402,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 20.7%
ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว ทางออกแห่งการขับเคลื่อนแห่งอนาคตของรถยนต์พลังไฟฟ้าจะยังมีความสำคัญ และเป็นกระแสหลักในการขับเคลื่อนของคนยุคหน้ากันต่อไปหรือไม่ และจะยังมีบริษัทไหนออกมาประกาศปรับแผนการของตัวเองเหมือนอย่างที่ Mercedes-Benz ทำหรือไม่

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่