- ดูจบภาพรวมดี งดงาม และ ประทับใจ โอเคตามที่คาดไว้ตั้งแต่ตอนดูเรื่องย่อหรือดูภาพ Poster ที่มีหน้าลุง koji ปรากฎขึ้นจึงคิดว่าเรื่องนี้ซื้อใจผมได้แน่ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น อารมณ์เหมือนนั่งรถไฟมองดูวิวข้างทางด้วยความเพลินใจก่อนจะมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามานั่งด้วยกันเป็นเพื่อนร่วมทางก่อนที่รถไฟจะค่อย ๆ ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หนทางข้างหน้า กว่าที่เราจะรู้สึกตัวอีกครั้งเราก็ได้มอบใจไปกับคนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาแล้วได้หายไปกลางทางแต่ได้ทิ้งกระดาษที่เขียน Message ให้เราเก็บไว้ดูเมื่อคิดถึงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งช่วงแรกหนังจะมีโทน Comedy ระหว่างลุง koji กับ พ่อของเขาในโหมดลูกหัวดื้อเถียงพ่อหัวแข็งที่เรียกเสียงหัวเราะถึงความกวนหน้ามึนของลุงได้ขำเป็นกับแกล้มนิด ๆ ก่อนพอผ่านเข้าสู่ช่วงที่เคนจิโตเป็นวัยรุ่น เริ่มมีความเป็น Drama ในครอบครัวขึ้น แต่ก็ยังมีการปล่อยมุกตลกจิกกัดจุกจิกจากตัวละครสมทบที่โผล่มาทักทายหน้ากล้องอยู่บ้างแต่ไม่ได้ขำเหมือนช่วงแรก ๆ จนมาถึงช่วงที่ โทชิ น้องสาวคนรอง ป่วยขึ้นมาผมเริ่มสัมผัสถึงพลังงานหม่น ๆ กลิ่นทะ
ๆ ถึงกับให้คาดเดาล่วงหน้าแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่าอาจไม่ใช่อย่างคิดหรอก พอมาถึงช่วงที่เคนจิป่วยขึ้น สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เริ่มกลับมานึกถึงอีกครั้ง
- ตัวหนังจะเล่าแบบเรียบง่ายตามสไตล์หนังญี่ปุ่นที่เรารู้กิตติศพท์กันดี แต่มีความพิเศษหน่อยตรงที่มีการแบ่ง Timeline ออกเป็น 5 ช่วง ได้แก่ ปี 1890 , 1919 , 1928 , 1933 และ 1935 ในแต่ละช่วงก็จะเล่าผ่านมุมตัวตาลุง Koji เป็นหลัก แต่ Point จริง ๆ กลับไปอยู่ที่ตัว เคนจิ ลูกชายคนโตของบ้านที่มีปมต่อต้านขนบเดิมของตระกูลด้วยการอยากเป็นนักเขียนท่ามกลางความขัดแย้งของผู้เป็นพ่อที่อยากให้ลูกชายสืบทอดกิจการต่อจากตน เป็นปม สำคัญที่นำพาหนังไปพบกับเหตุการณ์โน้นนั่นนี่ผ่านยุคสมัยตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ ระบอบการเมือง การเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การเข้ามาของวัฒนธรรมสมัยใหม่และคาบเกี่ยวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวให้ไหลไปตามกระแสช่วงเวลานั้น ๆ
- นักแสดงในเรื่องมีน้อยแต่ดีต่อใจ เพราะไม่ต้องมีตัวละครสมทบมากมายที่ไม่จำเป็นมาวุ่นวายให้เสียขบวนต่อการเสพแกนหลักของเรื่อง อีกอย่างคือหนังเล่าประเด็นใกล้ตัวอย่างครอบครัวเป็น Main หลักด้วยเลยเข้าถึงง่าย ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือได้พลังการแสดงของลุง koji ช่วยแบกเรื่องให้น่าติดตามไปตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเสาหลักของเรื่องที่ขาดไม่ได้ ถ้า Scene ไหนไม่มีลุงรู้สึกดรอปยังไงไม่รู้ อีกคนอย่าง เคนจิ เป็น Keywords หลักที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นตัวผูกปมไว้กับเรื่อง แสดงดี มีช่วงปล่อยของเยอะ แต่ขัดใจตรงทรงผมว่า ผ่านไปกี่ปีผมไม่งอกขึ้นเลยหรือไงวะ ไว้ทรงเกรียนนี้ตลอด ไอ้ตัวน้องชายคนเล็กอีกคนยังดีที่ใส่แว่นไม่งั้นผมจำสับสน 2 คนนี้แน่นอน ส่วนอีกคนที่ไม่ลืมอย่าง โทชิ แสดงดีเช่นกัน เป็นน้องคนกลางห้ามมวยและเป็นกาวใจเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งคู่มีมิติที่ลึกซึ้งขึ้น ที่ตำหนิคือ ตัวละครแม่กับน้องเล็กอีก 2 คนไม่ค่อยมีบทบาทกับพ่อและพี่ ๆ เขาเท่าไหร่ โผล่นับนิ้วได้ ตัวปู่ที่โผล่มาช่วงแรก ๆ มาเป็นตัวสร้างสีสันดีเลยแต่อยู่ ๆ ก็ชิงหายออกไปตอนไหนไม่รู้โดยไม่มีการบอกลาสักคำ บวกกับการตัดไปอีกฉากหนึ่งที่เนียนไปกับบรรยากาศข้างทางทำให้ Details ระหว่างรอยต่อของ Timeline กับสังคมญี่ปุ่นยุคนั้นตกหล่นหายไปจากสารระบบจนเกิดการงงต่อการจูนติดเรื่องเป็นระยะ
- ถ้าสังเกตุคำพูดของตัวละครที่พรรณนาไปก่อนหน้านี้ดี ๆ จะมีนัยยะอะไรบางอย่างบอกใบ้ให้เราคิดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งก็มีเอะใจอยู่แต่ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะกำลัง Enjoy กับเรื่องขณะนั้นอยู่จนมาถึงบทสรุปช่วงท้ายเท่านั้นแหล่ะทำเอาผมเผลอน้ำตาคลอเบ้าไปตามกัน เพราะหนังถ่ายทอดความสัมพันธ์ของพ่อที่มีให้แก่ลูกมากกว่าความรักได้กินใจเหลือเกิน ความที่เป็นลูกชายแถมเป็นคนโตของบ้าน แถมระบบสังคมเอื้อให้ชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้เป็นพ่ออยากให้ลูกชายคนนี้สืบทอดกิจการต่อจากตนเองมากกว่าน้องคนอื่น ด้วยเพราะความหวังดีเกินไปและถูกสังคมบีบบังคับหารู้ไม่ว่ามันทำให้กับลูกกดดันเข้าไปอีก พอลูกไม่ได้อยากจะเป็นในสิ่งที่พ่อกำหนดมันเลยทำให้เราเห็นรอยแผลจากความขัดแย้งทางความคิดและการกระทำปริขึ้นมาเล็ก ๆ ในใจพ่อแต่ก็ยังรักษาเยียวยาได้ด้วยการพูดคุยจนเข้าใจและยอมรับจนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อที่ได้รับการสมานและกำลังโอบอุ้มประคองคนที่เหลือในฐานะพ่อและหัวหน้าครอบครัวกลับถูกชำแหล่ะแล้วแกะออกอีกครั้งจากนั้นค่อย ๆ แตกสลายเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา
- ถึงแม่หนังจะหาทางลงด้วยการสรุปแบบปลายเปิดที่ให้สารอะไรบางอย่างเก็บไปตกผลึกอีกทีแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามันไปทาง Fantasy จนเกิดอิหยังวะขึ้นมาว่าอย่างนี้ก็ได้เหรอ ? แต่ให้อภัยก็ได้เมื่อเทียบกับมวลสารที่ส่งสารแผ่มาถึงเราได้รับรู้อย่างท่วมท้น ระหว่างดูไปผมนึกถึง Perfect Days (2023) ขึ้นมาจริง ๆ เพราะ การกระทำของลุงมีอะไรบางอย่างคล้าย ๆ กัน ถ้าบอกว่าเรื่องนี้เป็นภาคย้อนอดีตชาติของตาลุงผู้มองโลกในแง่ดีผมเชื่อ 100% แล้วหายสงสัยเลยว่าทำไมตาลุง koji ถึงละทิ้งฐานะปลีกตัวออกมาอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ แล้วรับจ๊อบทำความสะอาดห้องน้ำตามสถานที่สาธารณะเงียบ ๆ สบายใจคนเดียวกลางเมือง Tokyo
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
[CR] No.85 Father of the Milky Way Railroad By Japanese Film Festival 2024 : The Japan Foundation, Bangkok
- ดูจบภาพรวมดี งดงาม และ ประทับใจ โอเคตามที่คาดไว้ตั้งแต่ตอนดูเรื่องย่อหรือดูภาพ Poster ที่มีหน้าลุง koji ปรากฎขึ้นจึงคิดว่าเรื่องนี้ซื้อใจผมได้แน่ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น อารมณ์เหมือนนั่งรถไฟมองดูวิวข้างทางด้วยความเพลินใจก่อนจะมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามานั่งด้วยกันเป็นเพื่อนร่วมทางก่อนที่รถไฟจะค่อย ๆ ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หนทางข้างหน้า กว่าที่เราจะรู้สึกตัวอีกครั้งเราก็ได้มอบใจไปกับคนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาแล้วได้หายไปกลางทางแต่ได้ทิ้งกระดาษที่เขียน Message ให้เราเก็บไว้ดูเมื่อคิดถึงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งช่วงแรกหนังจะมีโทน Comedy ระหว่างลุง koji กับ พ่อของเขาในโหมดลูกหัวดื้อเถียงพ่อหัวแข็งที่เรียกเสียงหัวเราะถึงความกวนหน้ามึนของลุงได้ขำเป็นกับแกล้มนิด ๆ ก่อนพอผ่านเข้าสู่ช่วงที่เคนจิโตเป็นวัยรุ่น เริ่มมีความเป็น Drama ในครอบครัวขึ้น แต่ก็ยังมีการปล่อยมุกตลกจิกกัดจุกจิกจากตัวละครสมทบที่โผล่มาทักทายหน้ากล้องอยู่บ้างแต่ไม่ได้ขำเหมือนช่วงแรก ๆ จนมาถึงช่วงที่ โทชิ น้องสาวคนรอง ป่วยขึ้นมาผมเริ่มสัมผัสถึงพลังงานหม่น ๆ กลิ่นทะ ๆ ถึงกับให้คาดเดาล่วงหน้าแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่าอาจไม่ใช่อย่างคิดหรอก พอมาถึงช่วงที่เคนจิป่วยขึ้น สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เริ่มกลับมานึกถึงอีกครั้ง
- ตัวหนังจะเล่าแบบเรียบง่ายตามสไตล์หนังญี่ปุ่นที่เรารู้กิตติศพท์กันดี แต่มีความพิเศษหน่อยตรงที่มีการแบ่ง Timeline ออกเป็น 5 ช่วง ได้แก่ ปี 1890 , 1919 , 1928 , 1933 และ 1935 ในแต่ละช่วงก็จะเล่าผ่านมุมตัวตาลุง Koji เป็นหลัก แต่ Point จริง ๆ กลับไปอยู่ที่ตัว เคนจิ ลูกชายคนโตของบ้านที่มีปมต่อต้านขนบเดิมของตระกูลด้วยการอยากเป็นนักเขียนท่ามกลางความขัดแย้งของผู้เป็นพ่อที่อยากให้ลูกชายสืบทอดกิจการต่อจากตน เป็นปม สำคัญที่นำพาหนังไปพบกับเหตุการณ์โน้นนั่นนี่ผ่านยุคสมัยตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ ระบอบการเมือง การเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การเข้ามาของวัฒนธรรมสมัยใหม่และคาบเกี่ยวช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวให้ไหลไปตามกระแสช่วงเวลานั้น ๆ
- นักแสดงในเรื่องมีน้อยแต่ดีต่อใจ เพราะไม่ต้องมีตัวละครสมทบมากมายที่ไม่จำเป็นมาวุ่นวายให้เสียขบวนต่อการเสพแกนหลักของเรื่อง อีกอย่างคือหนังเล่าประเด็นใกล้ตัวอย่างครอบครัวเป็น Main หลักด้วยเลยเข้าถึงง่าย ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือได้พลังการแสดงของลุง koji ช่วยแบกเรื่องให้น่าติดตามไปตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเสาหลักของเรื่องที่ขาดไม่ได้ ถ้า Scene ไหนไม่มีลุงรู้สึกดรอปยังไงไม่รู้ อีกคนอย่าง เคนจิ เป็น Keywords หลักที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นตัวผูกปมไว้กับเรื่อง แสดงดี มีช่วงปล่อยของเยอะ แต่ขัดใจตรงทรงผมว่า ผ่านไปกี่ปีผมไม่งอกขึ้นเลยหรือไงวะ ไว้ทรงเกรียนนี้ตลอด ไอ้ตัวน้องชายคนเล็กอีกคนยังดีที่ใส่แว่นไม่งั้นผมจำสับสน 2 คนนี้แน่นอน ส่วนอีกคนที่ไม่ลืมอย่าง โทชิ แสดงดีเช่นกัน เป็นน้องคนกลางห้ามมวยและเป็นกาวใจเชื่อมความสัมพันธ์ทั้งคู่มีมิติที่ลึกซึ้งขึ้น ที่ตำหนิคือ ตัวละครแม่กับน้องเล็กอีก 2 คนไม่ค่อยมีบทบาทกับพ่อและพี่ ๆ เขาเท่าไหร่ โผล่นับนิ้วได้ ตัวปู่ที่โผล่มาช่วงแรก ๆ มาเป็นตัวสร้างสีสันดีเลยแต่อยู่ ๆ ก็ชิงหายออกไปตอนไหนไม่รู้โดยไม่มีการบอกลาสักคำ บวกกับการตัดไปอีกฉากหนึ่งที่เนียนไปกับบรรยากาศข้างทางทำให้ Details ระหว่างรอยต่อของ Timeline กับสังคมญี่ปุ่นยุคนั้นตกหล่นหายไปจากสารระบบจนเกิดการงงต่อการจูนติดเรื่องเป็นระยะ
- ถ้าสังเกตุคำพูดของตัวละครที่พรรณนาไปก่อนหน้านี้ดี ๆ จะมีนัยยะอะไรบางอย่างบอกใบ้ให้เราคิดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งก็มีเอะใจอยู่แต่ไม่ได้คิดอะไรต่อเพราะกำลัง Enjoy กับเรื่องขณะนั้นอยู่จนมาถึงบทสรุปช่วงท้ายเท่านั้นแหล่ะทำเอาผมเผลอน้ำตาคลอเบ้าไปตามกัน เพราะหนังถ่ายทอดความสัมพันธ์ของพ่อที่มีให้แก่ลูกมากกว่าความรักได้กินใจเหลือเกิน ความที่เป็นลูกชายแถมเป็นคนโตของบ้าน แถมระบบสังคมเอื้อให้ชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้เป็นพ่ออยากให้ลูกชายคนนี้สืบทอดกิจการต่อจากตนเองมากกว่าน้องคนอื่น ด้วยเพราะความหวังดีเกินไปและถูกสังคมบีบบังคับหารู้ไม่ว่ามันทำให้กับลูกกดดันเข้าไปอีก พอลูกไม่ได้อยากจะเป็นในสิ่งที่พ่อกำหนดมันเลยทำให้เราเห็นรอยแผลจากความขัดแย้งทางความคิดและการกระทำปริขึ้นมาเล็ก ๆ ในใจพ่อแต่ก็ยังรักษาเยียวยาได้ด้วยการพูดคุยจนเข้าใจและยอมรับจนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อที่ได้รับการสมานและกำลังโอบอุ้มประคองคนที่เหลือในฐานะพ่อและหัวหน้าครอบครัวกลับถูกชำแหล่ะแล้วแกะออกอีกครั้งจากนั้นค่อย ๆ แตกสลายเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา
- ถึงแม่หนังจะหาทางลงด้วยการสรุปแบบปลายเปิดที่ให้สารอะไรบางอย่างเก็บไปตกผลึกอีกทีแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามันไปทาง Fantasy จนเกิดอิหยังวะขึ้นมาว่าอย่างนี้ก็ได้เหรอ ? แต่ให้อภัยก็ได้เมื่อเทียบกับมวลสารที่ส่งสารแผ่มาถึงเราได้รับรู้อย่างท่วมท้น ระหว่างดูไปผมนึกถึง Perfect Days (2023) ขึ้นมาจริง ๆ เพราะ การกระทำของลุงมีอะไรบางอย่างคล้าย ๆ กัน ถ้าบอกว่าเรื่องนี้เป็นภาคย้อนอดีตชาติของตาลุงผู้มองโลกในแง่ดีผมเชื่อ 100% แล้วหายสงสัยเลยว่าทำไมตาลุง koji ถึงละทิ้งฐานะปลีกตัวออกมาอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ แล้วรับจ๊อบทำความสะอาดห้องน้ำตามสถานที่สาธารณะเงียบ ๆ สบายใจคนเดียวกลางเมือง Tokyo
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้