ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วย ต่อจากนี้ขอให้ได้ทางออกในการแก้ปัญหาที่ดี ทำในสิ่งที่ถูก
*****
ทนายผู้ต้องหาคดีครอบครองปรปักษ์ โทษเจ้าของบ้านตัวจริงใช้สื่อกดดัน ทำลูกความเครียดจนคิดสั้น
ทนายความของครอบครัวผู้บุกรุกบ้าน "อากู๋" โทษเจ้าของใช้สื่อเป็นเครื่องมือกดดันทำลูกความตนเองเครียดจนต้องจบชีวิต
จากกรณี 1 ใน 5 ผู้ต้องหา คดีครอบครองปรปักษ์บ้านอากู๋ ย่านรามอินทรา 58 ฆ่าตัวตายเสียชีวิตในบ้านพักตัวเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบ เพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (26 ก.พ.) มีรายงานว่า เพจ อมรินทร์ทีวี ซึ่งไลฟ์สดสัมภาษณ์ ทนายความเพื่อนบ้านที่ยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ โดยทนายความกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ลูกความมีความเครียด จิตตก และมีโรคประจำตัวร้ายแรงอยู่แล้ว ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อเป็นเครื่องมือและบ่นอยากจะหาทางออก เขาก็อยากจะไกล่เกลี่ยกับฝ่ายตรงข้าม แต่ฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อเป็นตัวนำ ใช้เสรีภาพอย่างขาดความรับผิดชอบ ตนคิดว่าน่าจะมากดดัน ตนก็ได้ให้ข้อแนะนำ และได้พูดคุยกันเป็นระยะๆ ขณะนี้ตนอยู่เชียงใหม่ จะรีบกลับให้เร็วที่สุด
หลังจากนี้ต้องคุยกับญาติว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ตนเห็นใจที่เขาจิตตก ไม่สบายใจมาก ส่วนคดีนั้นมีโทษร้ายแรง จนทำให้เครียดจนจบชีวิตตัวเองหรือไม่นั้น มองว่า พยานหลักฐานและข้อกฎหมายนั้น สู้ได้ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง แต่ตอนนี้ภาวะจิตใจเขาเครียด และรับไม่ได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าในวันนั้นเขาไม่ตัดสินใจฟ้องครอบครองปรปักษ์ จะเกิดเรื่องวันนี้หรือไม่ ทนายกล่าวว่า
“จริงๆ แล้วเขาโดนดำเนินคดีอาญาก่อน เขาก็เครียดมาระยะหนึ่ง แต่ว่าวิธีการแก้ไขปัญหาของทนายฝ่ายตรงข้าม เอาสื่อเป็นตัวนำ ซึ่งเขาก็อยากจะแก้ไขปัญหาให้พี่สาวเขาเหมือนกัน โดยเขาออกหน้าไปรับผิดชอบโดยไม่ปรึกษาทุกคน เพราะไม่อยากมีปัญหาเรื่องคดี”
เขาเคยพูดว่า ถ้าคดีแพ้ก็แพ้ไป ถ้าชนะเขาจะคืนบ้านให้ไปฟรีๆ เขาไม่อยากได้ แต่ตอนนี้เขาถูกกดดันเรื่องคดีอาญา เขาจึงต้องปกป้องสิทธิของตน ผมว่าตอนนี้การใช้สื่อกดดัน ต้องใช้เสรีภาพบนความรับผิดชอบก็เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสสังคมอาจจะมีการโทษทนาย ซึ่งทนายกล่าวว่า เขามีคดีอาญาอยู่แล้ว และเขาก็มีสิทธิอยู่แล้ว ถ้าเกิดไม่มีคดีอาญาวันนั้น และมาคุยกัน เขาก็อาจจะไกล่เกลี่ยสำเร็จไปแล้ว และคนครอบครองไม่ใช่คนที่ตาย แต่เป็นพี่สาวของเขา ส่วนการครอบครองปรปักษ์นั้นเป็นความเห็นทั่วไปของทนาย ไม่ใช่การยุยงส่งเสริม
ที่มา:
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017301
ทนายผู้ต้องหาคดีครอบครองปรปักษ์ โทษเจ้าของบ้านตัวจริงใช้สื่อกดดัน ทำลูกความเครียดจนคิดสั้น
*****
ทนายผู้ต้องหาคดีครอบครองปรปักษ์ โทษเจ้าของบ้านตัวจริงใช้สื่อกดดัน ทำลูกความเครียดจนคิดสั้น
ทนายความของครอบครัวผู้บุกรุกบ้าน "อากู๋" โทษเจ้าของใช้สื่อเป็นเครื่องมือกดดันทำลูกความตนเองเครียดจนต้องจบชีวิต
จากกรณี 1 ใน 5 ผู้ต้องหา คดีครอบครองปรปักษ์บ้านอากู๋ ย่านรามอินทรา 58 ฆ่าตัวตายเสียชีวิตในบ้านพักตัวเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบ เพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (26 ก.พ.) มีรายงานว่า เพจ อมรินทร์ทีวี ซึ่งไลฟ์สดสัมภาษณ์ ทนายความเพื่อนบ้านที่ยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ โดยทนายความกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ลูกความมีความเครียด จิตตก และมีโรคประจำตัวร้ายแรงอยู่แล้ว ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อเป็นเครื่องมือและบ่นอยากจะหาทางออก เขาก็อยากจะไกล่เกลี่ยกับฝ่ายตรงข้าม แต่ฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อเป็นตัวนำ ใช้เสรีภาพอย่างขาดความรับผิดชอบ ตนคิดว่าน่าจะมากดดัน ตนก็ได้ให้ข้อแนะนำ และได้พูดคุยกันเป็นระยะๆ ขณะนี้ตนอยู่เชียงใหม่ จะรีบกลับให้เร็วที่สุด
หลังจากนี้ต้องคุยกับญาติว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ตนเห็นใจที่เขาจิตตก ไม่สบายใจมาก ส่วนคดีนั้นมีโทษร้ายแรง จนทำให้เครียดจนจบชีวิตตัวเองหรือไม่นั้น มองว่า พยานหลักฐานและข้อกฎหมายนั้น สู้ได้ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง แต่ตอนนี้ภาวะจิตใจเขาเครียด และรับไม่ได้
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าในวันนั้นเขาไม่ตัดสินใจฟ้องครอบครองปรปักษ์ จะเกิดเรื่องวันนี้หรือไม่ ทนายกล่าวว่า
“จริงๆ แล้วเขาโดนดำเนินคดีอาญาก่อน เขาก็เครียดมาระยะหนึ่ง แต่ว่าวิธีการแก้ไขปัญหาของทนายฝ่ายตรงข้าม เอาสื่อเป็นตัวนำ ซึ่งเขาก็อยากจะแก้ไขปัญหาให้พี่สาวเขาเหมือนกัน โดยเขาออกหน้าไปรับผิดชอบโดยไม่ปรึกษาทุกคน เพราะไม่อยากมีปัญหาเรื่องคดี”
เขาเคยพูดว่า ถ้าคดีแพ้ก็แพ้ไป ถ้าชนะเขาจะคืนบ้านให้ไปฟรีๆ เขาไม่อยากได้ แต่ตอนนี้เขาถูกกดดันเรื่องคดีอาญา เขาจึงต้องปกป้องสิทธิของตน ผมว่าตอนนี้การใช้สื่อกดดัน ต้องใช้เสรีภาพบนความรับผิดชอบก็เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสสังคมอาจจะมีการโทษทนาย ซึ่งทนายกล่าวว่า เขามีคดีอาญาอยู่แล้ว และเขาก็มีสิทธิอยู่แล้ว ถ้าเกิดไม่มีคดีอาญาวันนั้น และมาคุยกัน เขาก็อาจจะไกล่เกลี่ยสำเร็จไปแล้ว และคนครอบครองไม่ใช่คนที่ตาย แต่เป็นพี่สาวของเขา ส่วนการครอบครองปรปักษ์นั้นเป็นความเห็นทั่วไปของทนาย ไม่ใช่การยุยงส่งเสริม
ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017301