ข้าวฟ่าง🌾🌾
ข้าวฟ่างมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sorghum bicolor (L.) Moench เป็นพืชตระกูลหญ้าเช่นเดียวกับข้าวโพด เติบโตได้ง่าย ลำต้นตั้งตรงเป็นข้อ ใบออกสลับกัน ปลายใบแหลม ส่วนดอกเป็นช่อยาวที่ปลายยอด มีผลทรงกลมเล็กๆอยู่ในช่อดอกและมีเปลือกแข็งหุ้มอีกชั้น เมื่อแก่จะมีเนื้อแข็งสีขาวขุ่นโผล่ออกมาจากเปลือก
ข้าวฟ่างมีหลายชนิดมีทั้งที่เป็นอาหารคน ทำน้ำตาล หรือหมักเบียร์ บางชนิดนำมาเลี้ยงสัตว์
เมล็ดข้าวฟ่างแห้ง 100 กรัม จะมี
น้ำ 8-16 กรัม
โปรตีน 8-15 กรัม
ไขมัน 2-6 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 70-80 กรัม
เส้นใย 1-3 กรัม
🩵ประโยชน์
เมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยระบบการย่อยอาหาร เช่น ลำไส้ กระเพาะอาหารทำงานได้ดี ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการของโรคอหิวาตกโรค และโรคบิด
🌾มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ข้าวฟ่างทุกชนิดมีโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
🌾ควบคุมโรคเบาหวาน
ข้าวฟ่างมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำและมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ทำให้ร่างกายควบคุมน้ำตาลได้ดีขึ้น
ข้าวฟ่างสามง่าม (Finger millet) มีธาตุแมกนีเซียมสูง ช่วยให้ตัวรับอินซูลินทำงานได้มีประสิทธิผลมากขึ้นและลดภาวะดื้ออินซูลินได้
🌾ดีต่อหัวใจ
ข้าวฟ่างเป็นแหล่งของแมกนีเซียมช่วยลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงตีบแข็งเพราะมีไขมันสะสม
เป็นแหล่งของโพแทสเซียมซึ่งดีต่อการทำงานของหัวใจ
🌾ทำให้กระดูกแข็งแรง
แคลเซียมในข้าวฟ่าง มีปริมาณใกล้เคียงกับที่พบในนม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ร่างกายไม่สามารถผลิตแคลเซียมได้จึงเราควรได้รับแร่ธาตุชนิดนี้จากอาหาร
แมกนีเซียมช่วยรักษากระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย
🌾ช่วยย่อยอาหาร
ข้าวฟ่างมีแป้งที่ทนต่อการย่อย มีไฟเบอร์ทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และละลายน้ำไม่ได้ข้าวฟ่างจึงสามารถควบคุมกระบวนการย่อยอาหารและป้องกันไม่ให้อาหารในทางเดินอาหารเคลื่อนเร็ว หรือช้าเกินไป และเป็นธัญพืชที่ปลอดกลูเตนจึงช่วยลดปัญหาการแพ้กลูเตนได้
🌾ป้องกันนิ่วในไต
ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำในข้าวฟ่างช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต โดยสามารถเร่งการส่งอาหารที่ยังไม่ย่อยไปสู่ลำไส้และลดการหลั่งของกรดน้ำดีที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในไต
🌾ช่วยควบคุมน้ำหนัก
เป็นธัญพืชเต็มเมล็ดที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ทำให้ไม่กินจุกจิก
ข้อควรระวังในการกินข้าวฟ่าง
🍁ห้ามผู้หญิงที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์กินในปริมาณมากและต่อเนื่องเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายกับทารกในครรภ์
🍁ถ้าเมล็ดที่มีเชื้อราจำพวก Rhizopus nigricans จะมีสาร alfatoxin ซึ่งเป็นสารพิษ จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ร่างกายเสียน้ำมาก กระหายน้ำ ปัสสาวะมาก และเป็นตะคริว
🍁ต้นอ่อน ยอดอ่อน และใบอ่อน อายุต่ำกว่า 80 วัน จะมีสารพิษ(cyanogenetic glycosides) หากสัตว์กินเข้าไปอาจเป็นอันตรายถึงตายได้
ข้าวฟ่าง🌾🌾
ข้าวฟ่างมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sorghum bicolor (L.) Moench เป็นพืชตระกูลหญ้าเช่นเดียวกับข้าวโพด เติบโตได้ง่าย ลำต้นตั้งตรงเป็นข้อ ใบออกสลับกัน ปลายใบแหลม ส่วนดอกเป็นช่อยาวที่ปลายยอด มีผลทรงกลมเล็กๆอยู่ในช่อดอกและมีเปลือกแข็งหุ้มอีกชั้น เมื่อแก่จะมีเนื้อแข็งสีขาวขุ่นโผล่ออกมาจากเปลือก
ข้าวฟ่างมีหลายชนิดมีทั้งที่เป็นอาหารคน ทำน้ำตาล หรือหมักเบียร์ บางชนิดนำมาเลี้ยงสัตว์
เมล็ดข้าวฟ่างแห้ง 100 กรัม จะมี
น้ำ 8-16 กรัม
โปรตีน 8-15 กรัม
ไขมัน 2-6 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 70-80 กรัม
เส้นใย 1-3 กรัม
🩵ประโยชน์
เมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยระบบการย่อยอาหาร เช่น ลำไส้ กระเพาะอาหารทำงานได้ดี ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการของโรคอหิวาตกโรค และโรคบิด
🌾มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ข้าวฟ่างทุกชนิดมีโพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
🌾ควบคุมโรคเบาหวาน
ข้าวฟ่างมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำและมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ทำให้ร่างกายควบคุมน้ำตาลได้ดีขึ้น
ข้าวฟ่างสามง่าม (Finger millet) มีธาตุแมกนีเซียมสูง ช่วยให้ตัวรับอินซูลินทำงานได้มีประสิทธิผลมากขึ้นและลดภาวะดื้ออินซูลินได้
🌾ดีต่อหัวใจ
ข้าวฟ่างเป็นแหล่งของแมกนีเซียมช่วยลดความดันโลหิตและลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากภาวะหลอดเลือดแดงตีบแข็งเพราะมีไขมันสะสม
เป็นแหล่งของโพแทสเซียมซึ่งดีต่อการทำงานของหัวใจ
🌾ทำให้กระดูกแข็งแรง
แคลเซียมในข้าวฟ่าง มีปริมาณใกล้เคียงกับที่พบในนม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ร่างกายไม่สามารถผลิตแคลเซียมได้จึงเราควรได้รับแร่ธาตุชนิดนี้จากอาหาร
แมกนีเซียมช่วยรักษากระดูกให้แข็งแรงอีกด้วย
🌾ช่วยย่อยอาหาร
ข้าวฟ่างมีแป้งที่ทนต่อการย่อย มีไฟเบอร์ทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้และละลายน้ำไม่ได้ข้าวฟ่างจึงสามารถควบคุมกระบวนการย่อยอาหารและป้องกันไม่ให้อาหารในทางเดินอาหารเคลื่อนเร็ว หรือช้าเกินไป และเป็นธัญพืชที่ปลอดกลูเตนจึงช่วยลดปัญหาการแพ้กลูเตนได้
🌾ป้องกันนิ่วในไต
ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำในข้าวฟ่างช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต โดยสามารถเร่งการส่งอาหารที่ยังไม่ย่อยไปสู่ลำไส้และลดการหลั่งของกรดน้ำดีที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดนิ่วในไต
🌾ช่วยควบคุมน้ำหนัก
เป็นธัญพืชเต็มเมล็ดที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ทำให้ไม่กินจุกจิก
ข้อควรระวังในการกินข้าวฟ่าง
🍁ห้ามผู้หญิงที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์กินในปริมาณมากและต่อเนื่องเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายกับทารกในครรภ์
🍁ถ้าเมล็ดที่มีเชื้อราจำพวก Rhizopus nigricans จะมีสาร alfatoxin ซึ่งเป็นสารพิษ จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ร่างกายเสียน้ำมาก กระหายน้ำ ปัสสาวะมาก และเป็นตะคริว
🍁ต้นอ่อน ยอดอ่อน และใบอ่อน อายุต่ำกว่า 80 วัน จะมีสารพิษ(cyanogenetic glycosides) หากสัตว์กินเข้าไปอาจเป็นอันตรายถึงตายได้