ทลายคอนเสิร์ตชาวเมียนมา จัดใหญ่ย่านบางเสาธง คาดระดมทุนต้าน ‘มิน อ่อง หล่าย’
https://ch3plus.com/news/social/ch3onlinenews/387736
ตำรวจบางเสาธง บุกทลายคอนเสิร์ตชาวเมียนมารวมกลุ่มใส่เสื้อเชิงสัญลักษณ์ โดยไม่มีการขออนุญาต ค้านเป็นการระดมทุนต้านรัฐบาล มิน อ่อง หล่าย
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 18 ก.พ.2567 ผู้สื่อข่าวของเราพร้อมตำรวจ สภ.บางเสาธง ลงพื้นที่ซอยไทยประกัน ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังจากได้รับแจ้งว่ามีการจัดคอนเสิร์ตระดมทุนกลับเมียนมา โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงแจ้งนาย
ศรายุทธ ไชยกอง นายอำเภอบางเสาธง และ พ.ต.อ.
โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง ซึ่งทั้งคู่มีคำสั่งให้ยกเลิกการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพื่อป้องกันปราบปราม เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง และความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า กลุ่มจัดงานเป็นกลุ่มชื่อ GenerationZ ที่มีผู้ติดตามทางเพจกว่าครึ่งแสน คาดว่าเป็นชุมชนของชนกลุ่มน้อยในเมียนมา ในเพจมีเนื้อหาระดมกำลัง มีอาวุธสงคราม คาดว่าอาจเป็นกองกำลังต่อต้าน พลเอก
มิน อ่อง หล่าย
โดยในบริเวณจัดงาน มีการเก็บค่าผ่านประตู คนละ 299 บาท และมีการตะโกนชื่อ
มิน อ่อง หล่าย เสียงดังกึกก้อง จนตำรวจ สภ.บางเสาธง ต้องเข้าควบคุมและป้องปราม ว่าที่นี้ประเทศไทย ให้ทุกคนรีบสลายตัวให้หมด ทั้งนี้อาจจะเรียกแกนนำรวมถึงเจ้าของสนามบอล มาสอบสวนเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ ไม่รู้ว่ากลุ่มแบบนี้ยังแฝงตัวอยู่ในเมืองไทยหลายจุดหรือไม่ และมีการจัดกิจกรรมแบบนี้มากน้อยขนาดไหน จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยเข้มงวดกวดขันมากกว่านี้ เพราะหวั่นว่าอาจเกิดความวุ่นวาย และกระทบต่อความมั่นคงได้ โดยในวันนี้ฝ่ายปกครอง รวมถึง ตำรวจ สภ.บางเสาธง ได้เข้าระงับเหตุทันก่อนคอนเสิร์ตจะเล่น ทำให้ไม่เกิดความวุ่นวายขึ้น
‘พีมูฟ’ ยื่นคำขาดรัฐบาล ตั้ง คณะอนุกรรมการอำนวยความยุติธรรม แก้ปมที่ดิน-โฉนดชุมน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4431988
‘พีมูฟ’ ร่อน แถลงการณ์ ยื่นคำขาดรัฐบาล ตั้ง กก.อำนวยความยุติธรรม-ถกกก.คทช.แก้ปมที่ดิน,โฉนดชุมชน-ลงนามร่างพ.ร.บ.กลุ่มชาติพันธุ์ฯ ลั่น อยู่ยาวๆ
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตัวแทนกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ ) ที่ปักหลักบริเวณทำเนียบรัฐบาลมา 15 วัน โดยเคลื่อนไหวทำกิจกรรรมต่อเนื่อง ได้อ่านแถลงการณ์ถึงรัฐบาล โดยเรียกร้องให้นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หยุดลอยแพปัญหาประชาชน และเดินหน้าโฉนดชุมชน ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเดิมจากหลายรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ยังไม่ดำเนินการ
ทางกลุ่มพีมูฟไม่สามารถนิ่งเฉยในพื้นที่ เนื่องจากจะถูกดำเนินคดี ไล่รื้อ ถูกแย่งยึดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ถูกจำกัดสิทธิในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งมาตรการด้านกฎหมายและนโยบายของรัฐ ไม่เอื้อต่อการคุ้มครองสิทธิประชาชน คนต่อสู้เรียกร้องจะถูกมองเป็นปฏิปักษ์ของรัฐ
กลุ่มพีมูฟ ขอเรียกร้องถึงรัฐบาล ดังนี้
1. เร่งรัดให้นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยความเป็นธรรมให้กับประชาชน โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2566
2. ขอให้เร่งประชุมแก้ไขปัญหาตามกลไกการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล ที่มีคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ ที่มาจากตัวแทนกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง,คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และตัวแทนพีมูฟ
3. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือยืนยันความชัดเจนเกี่ยวกับแผนและขั้นตอนการดำเนินแนวทางการจัดการที่ดินและทรัพยากร ธรรมชาติ ในรูปแบบโฉนดชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ จัดทำร่างมาตรการการดำเนินการและคุ้มครองพื้นที่โฉนดชุมชน 200 ชุมชน โดยเปิดประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนโดยเร็วที่สุด และประสานงานสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ให้จัดทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ที่มีชุมชนยื่นขอโฉนดทั้ง 200 ชุมชน เพื่อเดินหน้าโครงการจัดที่ดินตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.)และจัดประชุมภายในวันที่ 20 ก.พ.นี้ โดยมีวาระให้ชุมชนเข้าถึงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในที่ดินทุกประเภท และเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง เพื่อแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ดินแปลงรวมหรือโฉนดชุมชน ภายใต้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562
4. ให้นายกฯ ลงนามรับรองร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองเพื่อนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พีมูฟ ระบุว่า หากยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม จะไม่เดินทางกลับบ้านจะปักหลักเรียกร้องให้แก้ปัญหา เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลที่อ้างตัวว่ามาจากการเลือกตั้ง เพิกเฉยต่อเสียงของคนทุกข์ยาก ไม่ได้เห็นหัวประชาชนไม่มีศักยภาพเพียงพอในการแก้ปัญหาตามสัญญาและดำเนินตามแนวนโยบายตามที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา
หวั่นค่าบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าหนัก หากจีดีพีไทย Q4/66 ออกมาแย่กว่าคาด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4431819
หวั่นค่าบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าหนัก หากจีดีพีไทย Q4/66 ออกมาแย่กว่าคาด
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นาย
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.03 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.60-36.25 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.80-36.10 บาท/ดอลลาร์
นาย
พูน กล่าวว่า โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 35.95-36.17 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.15 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI สหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ทว่าเงินดอลลาร์ก็กลับมาย่อตัวลงบ้าง ตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด กอปรกับผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD ออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง
“สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 4 ครั้งในปีนี้ ในสัปดาห์นี้ ควรจับตา รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมรอลุ้น รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปี 2023”นายพูนกล่าว
นาย
พูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าเริ่มแผ่วลง เปิดโอกาสเงินบาทแกว่งตัว sideways หรือแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่าที่ชัดเจน และยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่า หากรายงานข้อมูล GDP ไทยออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจว่า ธปท. อาจลดดอกเบี้ยได้ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกัน ควรจับตาทิศทางเงินหยวนของจีน (CNY) ราคาทองคำ รวมถึง ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินบาทได้พอสมควรในช่วงนี้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ธีม US Exceptionalism ที่เริ่มแผ่วลง จะทำให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้างหรือแกว่งตัว sideways ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนบ้าง หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot ล่าสุด
“
ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward” นาย
พูนกล่าว
ทั้งนี้ ประเมินเศรษฐกิจไทยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 อาจขยายตัวเพียง 2.5%y/y ทำให้ทั้งปี 2023 เศรษฐกิจจะโตราว +2.1%y/y ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ต่างได้ประเมินไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่กดดันการเติบโตเศรษฐกิจไทยอาจมาจากการหดตัวต่อเนื่องของสินค้าคงคลัง (Inventories) รวมถึงการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ชะลอลงชัดเจน ตามการจัดตั้งรัฐบาลและพิจารณางบประมาณที่ล่าช้า อนึ่ง หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้แย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้มาก ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งคาดหวังว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 2 ครั้ง ในปีนี้
JJNY : ทลายคอนเสิร์ตคาดต้าน‘มินอ่องหล่าย’│‘พีมูฟ’ยื่นคำขาดรบ.แก้ปมที่ดิน│หวั่นค่าบาทเสี่ยงผันผวน│จวกรัสเซียคุกผู้ประท้วง
https://ch3plus.com/news/social/ch3onlinenews/387736
ตำรวจบางเสาธง บุกทลายคอนเสิร์ตชาวเมียนมารวมกลุ่มใส่เสื้อเชิงสัญลักษณ์ โดยไม่มีการขออนุญาต ค้านเป็นการระดมทุนต้านรัฐบาล มิน อ่อง หล่าย
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 18 ก.พ.2567 ผู้สื่อข่าวของเราพร้อมตำรวจ สภ.บางเสาธง ลงพื้นที่ซอยไทยประกัน ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังจากได้รับแจ้งว่ามีการจัดคอนเสิร์ตระดมทุนกลับเมียนมา โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงแจ้งนายศรายุทธ ไชยกอง นายอำเภอบางเสาธง และ พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง ซึ่งทั้งคู่มีคำสั่งให้ยกเลิกการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพื่อป้องกันปราบปราม เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง และความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า กลุ่มจัดงานเป็นกลุ่มชื่อ GenerationZ ที่มีผู้ติดตามทางเพจกว่าครึ่งแสน คาดว่าเป็นชุมชนของชนกลุ่มน้อยในเมียนมา ในเพจมีเนื้อหาระดมกำลัง มีอาวุธสงคราม คาดว่าอาจเป็นกองกำลังต่อต้าน พลเอก มิน อ่อง หล่าย
โดยในบริเวณจัดงาน มีการเก็บค่าผ่านประตู คนละ 299 บาท และมีการตะโกนชื่อ มิน อ่อง หล่าย เสียงดังกึกก้อง จนตำรวจ สภ.บางเสาธง ต้องเข้าควบคุมและป้องปราม ว่าที่นี้ประเทศไทย ให้ทุกคนรีบสลายตัวให้หมด ทั้งนี้อาจจะเรียกแกนนำรวมถึงเจ้าของสนามบอล มาสอบสวนเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ ไม่รู้ว่ากลุ่มแบบนี้ยังแฝงตัวอยู่ในเมืองไทยหลายจุดหรือไม่ และมีการจัดกิจกรรมแบบนี้มากน้อยขนาดไหน จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยเข้มงวดกวดขันมากกว่านี้ เพราะหวั่นว่าอาจเกิดความวุ่นวาย และกระทบต่อความมั่นคงได้ โดยในวันนี้ฝ่ายปกครอง รวมถึง ตำรวจ สภ.บางเสาธง ได้เข้าระงับเหตุทันก่อนคอนเสิร์ตจะเล่น ทำให้ไม่เกิดความวุ่นวายขึ้น
‘พีมูฟ’ ยื่นคำขาดรัฐบาล ตั้ง คณะอนุกรรมการอำนวยความยุติธรรม แก้ปมที่ดิน-โฉนดชุมน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4431988
‘พีมูฟ’ ร่อน แถลงการณ์ ยื่นคำขาดรัฐบาล ตั้ง กก.อำนวยความยุติธรรม-ถกกก.คทช.แก้ปมที่ดิน,โฉนดชุมชน-ลงนามร่างพ.ร.บ.กลุ่มชาติพันธุ์ฯ ลั่น อยู่ยาวๆ
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตัวแทนกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ ) ที่ปักหลักบริเวณทำเนียบรัฐบาลมา 15 วัน โดยเคลื่อนไหวทำกิจกรรรมต่อเนื่อง ได้อ่านแถลงการณ์ถึงรัฐบาล โดยเรียกร้องให้นาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หยุดลอยแพปัญหาประชาชน และเดินหน้าโฉนดชุมชน ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเดิมจากหลายรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ยังไม่ดำเนินการ
ทางกลุ่มพีมูฟไม่สามารถนิ่งเฉยในพื้นที่ เนื่องจากจะถูกดำเนินคดี ไล่รื้อ ถูกแย่งยึดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ถูกจำกัดสิทธิในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งมาตรการด้านกฎหมายและนโยบายของรัฐ ไม่เอื้อต่อการคุ้มครองสิทธิประชาชน คนต่อสู้เรียกร้องจะถูกมองเป็นปฏิปักษ์ของรัฐ
กลุ่มพีมูฟ ขอเรียกร้องถึงรัฐบาล ดังนี้
1. เร่งรัดให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยความเป็นธรรมให้กับประชาชน โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2566
2. ขอให้เร่งประชุมแก้ไขปัญหาตามกลไกการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล ที่มีคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ดินทั้งระบบ ที่มาจากตัวแทนกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง,คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และตัวแทนพีมูฟ
3. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือยืนยันความชัดเจนเกี่ยวกับแผนและขั้นตอนการดำเนินแนวทางการจัดการที่ดินและทรัพยากร ธรรมชาติ ในรูปแบบโฉนดชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ จัดทำร่างมาตรการการดำเนินการและคุ้มครองพื้นที่โฉนดชุมชน 200 ชุมชน โดยเปิดประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนโดยเร็วที่สุด และประสานงานสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ให้จัดทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ที่มีชุมชนยื่นขอโฉนดทั้ง 200 ชุมชน เพื่อเดินหน้าโครงการจัดที่ดินตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.)และจัดประชุมภายในวันที่ 20 ก.พ.นี้ โดยมีวาระให้ชุมชนเข้าถึงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในที่ดินทุกประเภท และเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง เพื่อแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ดินแปลงรวมหรือโฉนดชุมชน ภายใต้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562
4. ให้นายกฯ ลงนามรับรองร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองเพื่อนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พีมูฟ ระบุว่า หากยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม จะไม่เดินทางกลับบ้านจะปักหลักเรียกร้องให้แก้ปัญหา เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลที่อ้างตัวว่ามาจากการเลือกตั้ง เพิกเฉยต่อเสียงของคนทุกข์ยาก ไม่ได้เห็นหัวประชาชนไม่มีศักยภาพเพียงพอในการแก้ปัญหาตามสัญญาและดำเนินตามแนวนโยบายตามที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา
หวั่นค่าบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าหนัก หากจีดีพีไทย Q4/66 ออกมาแย่กว่าคาด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4431819
หวั่นค่าบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าหนัก หากจีดีพีไทย Q4/66 ออกมาแย่กว่าคาด
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.03 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.60-36.25 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.80-36.10 บาท/ดอลลาร์
นายพูน กล่าวว่า โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 35.95-36.17 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.15 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI สหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ทว่าเงินดอลลาร์ก็กลับมาย่อตัวลงบ้าง ตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด กอปรกับผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD ออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง
“สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 4 ครั้งในปีนี้ ในสัปดาห์นี้ ควรจับตา รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมรอลุ้น รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปี 2023”นายพูนกล่าว
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าเริ่มแผ่วลง เปิดโอกาสเงินบาทแกว่งตัว sideways หรือแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่าที่ชัดเจน และยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่า หากรายงานข้อมูล GDP ไทยออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจว่า ธปท. อาจลดดอกเบี้ยได้ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกัน ควรจับตาทิศทางเงินหยวนของจีน (CNY) ราคาทองคำ รวมถึง ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินบาทได้พอสมควรในช่วงนี้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ธีม US Exceptionalism ที่เริ่มแผ่วลง จะทำให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้างหรือแกว่งตัว sideways ทั้งนี้ เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนบ้าง หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot ล่าสุด
“ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward” นายพูนกล่าว
ทั้งนี้ ประเมินเศรษฐกิจไทยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 อาจขยายตัวเพียง 2.5%y/y ทำให้ทั้งปี 2023 เศรษฐกิจจะโตราว +2.1%y/y ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ต่างได้ประเมินไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่กดดันการเติบโตเศรษฐกิจไทยอาจมาจากการหดตัวต่อเนื่องของสินค้าคงคลัง (Inventories) รวมถึงการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ชะลอลงชัดเจน ตามการจัดตั้งรัฐบาลและพิจารณางบประมาณที่ล่าช้า อนึ่ง หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้แย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้มาก ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งคาดหวังว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะทยอยลดดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 2 ครั้ง ในปีนี้