ปาริชาต หรือปาริฉัตร ต้นไม้สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในพระไตรปิฎกบอกไว้ว่า
เมื่อต้นปาริชาติในดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว เทวดาชั้นดาวดึงส์ต่างพากันดีใจ เอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะ ๕ เดือนทิพย์ ณ ใต้ต้นปาริชาต ซึ่งเมื่อบานเต็มที่แล้ว แผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ ในบริเวณรอบๆ และจะส่งกลิ่นไปได้ ๑๐๐ โยชน์ตามลม
ต้นไม้ในพุทธประวัติ :
ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าได้ให้ พุทธทำนาย พยากรณ์ ไว้ในอดีตกาล ไว้ว่า
พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนว่า “...สมัยใด อริยสาวกคิดจะออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์มีใบเหลือง สมัยใด อริยสาวกปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลัดใบใหม่
สมัยใด อริยสาวกสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌานมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลิดอกออกใบ สมัยใด อริยสาวกบรรลุ ทุติยฌานมีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกเป็นใบ
สมัยใดอริยสาวกมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกตูม สมัยใด อริยสาวกบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เริ่มแย้ม
สมัยใด อริยสาวกทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่ สมัยนั้น ภุมมเทวดาย่อมประกาศให้ได้ยินว่า ท่านรูปนี้มีชื่ออย่างนี้ เป็นสัทธิวิหาริกของท่านชื่อนี้ ออกจากบ้านหรือนิคมชื่อโน้น บวชเป็นบรรพชิต กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง...”
และในพระไตรปิฎกอีกเช่นกัน ที่ได้บอกไว้ว่าพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้น ทรงบาตรและจีวรครบ เหมือนต้นปาริฉัตตกะ คือ ต้นทองหลาง มีใบหนา มีร่มเงาชิด
ปัจจุบันก็เป็นดั่ง พุทธทำนาย ซึ่งหลายๆท่าน ออกมาบวช เขาร่มกาสาวพัสตร์ ที่เห็นในสื่อโซเชียล ซึ่งผู้เขียนเฉพาะข้อดี ของการสร้างความดี ผู้ประพฤติ ปฏิบัติใน ศีล
และเหตุผลนี้เอง ปัจุบันยุคพระศรีอาริย์ ยุคที่มนุษย์ต้องสานต่อ พุทธศาสนาให้ดำรงสืบไป ซึ่งไว้ในการสร้างความดี มีเหตุมีผลในตัวมันเอง ละกิเลสอยู่อย่างสันโดษ ปรับตามยุคดิจิทัล แล้วท่านจะพบความสุข
ปัจจุบัน ต้นปาริชาติ ปลูกไว้ที่หน้าบ้าน ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ้งเป็นจุดหน้าบ้านของ ผู้เขียนเอง ก่อนหน้านั้น นางไม่ยอมขึ้นโต เพราะพ่อเราตัดกิ่งนางเอาไว้ แต่พอมาปลูกไว้ที่หน้าบ้านเรา ลงกระถางขนาดใหญ่ ต้นนี้โตขึ้นแต่ละปีเลย หลังคาก็เกือบ 4เมตรได้ ออกดอกเว้นปี เริ่มปี 2019 ที่ให้ดอกมา แต่ก็ยังไม่ชัดเจนในความเป็นมาของต้น
6ปี ผ่านมานี้ ทำอะไรหลายอย่างก็ไม่รู้เหตุผล ของงานเขียน ทุกวันนี้เข้าใจ ในเนื้องานที่จะเขียน คล้ายนั้ง ทามแมชชีน กันเลย ผู้คนนี้ก็ลุ้นตามไปกันคะ
ต่อเรื่องราว ตำนานต้นปาริชาติ นี้บอกได้เลย อลังการ พื้นโลก สะเทือนแผ่นดิน จนถึงจักรวาล เลยที่เดียว
ไม่ต้องบอกว่า การได้สัมผัสกลิ่นดอกปาริชาต จะระลึกชาติได้นั้น ตอบเลยว่า ใช่เลย แต่ในบริบท ขอแต่ละคน สร้างกรรมอะไรมาไม่เหมือนกัน ลองคิดดู ระลึกชาติได้ คุณอยากลองบ้างไหม ถ้านึกเห็นในสิ่งที่ตัวเองสร้างมาจาก อดีตชาติ คงเป็นไปไม่ได้อีกนั้นล่ะ ที่ทุกคนจะระลึกชาติไม่ได้ทุกคน เสมอไป
ทุกอย่างมีขอบเขต ❗
ซึ่งการระลึกชาติ ในยุคปัจจุบัน คือ การตื่นรู้ ตื่นในจิตวิญญาณของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันสามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งมีหลายกลุ่ม นำบริบทนี้มาใช้
อดีตกาล ต้นปาริชาต ก็มีตำนานหลายยุคมาก ระหว่าง สองฝ่าย ฝากติดตามกันต่อนะคะ
✨ ต้นปาริชาติ หนึ่งในต้นไม้ พุทธพยากรณ์ ของ "พระพุทธเจ้า " ในศาสนาพุทธ ปัจจุบันปี 2567 ได้เกิดขึ้นแล้ว✨
ปาริชาต หรือปาริฉัตร ต้นไม้สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในพระไตรปิฎกบอกไว้ว่า
เมื่อต้นปาริชาติในดาวดึงส์บานเต็มที่แล้ว เทวดาชั้นดาวดึงส์ต่างพากันดีใจ เอิบอิ่มพรั่งพร้อมด้วยกามคุณ ๕ บำรุงบำเรออยู่ตลอดระยะ ๕ เดือนทิพย์ ณ ใต้ต้นปาริชาต ซึ่งเมื่อบานเต็มที่แล้ว แผ่รัศมีไปได้ ๕๐ โยชน์ ในบริเวณรอบๆ และจะส่งกลิ่นไปได้ ๑๐๐ โยชน์ตามลม
ต้นไม้ในพุทธประวัติ :
ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าได้ให้ พุทธทำนาย พยากรณ์ ไว้ในอดีตกาล ไว้ว่า
พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนว่า “...สมัยใด อริยสาวกคิดจะออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์มีใบเหลือง สมัยใด อริยสาวกปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกบวชเป็นบรรพชิต สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลัดใบใหม่
สมัยใด อริยสาวกสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌานมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ผลิดอกออกใบ สมัยใด อริยสาวกบรรลุ ทุติยฌานมีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกเป็นใบ
สมัยใดอริยสาวกมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุข สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เป็นดอกตูม สมัยใด อริยสาวกบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขา เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์เริ่มแย้ม
สมัยใด อริยสาวกทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ สมัยนั้น อริยสาวกเปรียบเหมือนปาริฉัตตกพฤกษ์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์บานเต็มที่ สมัยนั้น ภุมมเทวดาย่อมประกาศให้ได้ยินว่า ท่านรูปนี้มีชื่ออย่างนี้ เป็นสัทธิวิหาริกของท่านชื่อนี้ ออกจากบ้านหรือนิคมชื่อโน้น บวชเป็นบรรพชิต กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง...”
และในพระไตรปิฎกอีกเช่นกัน ที่ได้บอกไว้ว่าพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้น ทรงบาตรและจีวรครบ เหมือนต้นปาริฉัตตกะ คือ ต้นทองหลาง มีใบหนา มีร่มเงาชิด
ปัจจุบันก็เป็นดั่ง พุทธทำนาย ซึ่งหลายๆท่าน ออกมาบวช เขาร่มกาสาวพัสตร์ ที่เห็นในสื่อโซเชียล ซึ่งผู้เขียนเฉพาะข้อดี ของการสร้างความดี ผู้ประพฤติ ปฏิบัติใน ศีล
และเหตุผลนี้เอง ปัจุบันยุคพระศรีอาริย์ ยุคที่มนุษย์ต้องสานต่อ พุทธศาสนาให้ดำรงสืบไป ซึ่งไว้ในการสร้างความดี มีเหตุมีผลในตัวมันเอง ละกิเลสอยู่อย่างสันโดษ ปรับตามยุคดิจิทัล แล้วท่านจะพบความสุข
ปัจจุบัน ต้นปาริชาติ ปลูกไว้ที่หน้าบ้าน ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ้งเป็นจุดหน้าบ้านของ ผู้เขียนเอง ก่อนหน้านั้น นางไม่ยอมขึ้นโต เพราะพ่อเราตัดกิ่งนางเอาไว้ แต่พอมาปลูกไว้ที่หน้าบ้านเรา ลงกระถางขนาดใหญ่ ต้นนี้โตขึ้นแต่ละปีเลย หลังคาก็เกือบ 4เมตรได้ ออกดอกเว้นปี เริ่มปี 2019 ที่ให้ดอกมา แต่ก็ยังไม่ชัดเจนในความเป็นมาของต้น
6ปี ผ่านมานี้ ทำอะไรหลายอย่างก็ไม่รู้เหตุผล ของงานเขียน ทุกวันนี้เข้าใจ ในเนื้องานที่จะเขียน คล้ายนั้ง ทามแมชชีน กันเลย ผู้คนนี้ก็ลุ้นตามไปกันคะ
ต่อเรื่องราว ตำนานต้นปาริชาติ นี้บอกได้เลย อลังการ พื้นโลก สะเทือนแผ่นดิน จนถึงจักรวาล เลยที่เดียว
ไม่ต้องบอกว่า การได้สัมผัสกลิ่นดอกปาริชาต จะระลึกชาติได้นั้น ตอบเลยว่า ใช่เลย แต่ในบริบท ขอแต่ละคน สร้างกรรมอะไรมาไม่เหมือนกัน ลองคิดดู ระลึกชาติได้ คุณอยากลองบ้างไหม ถ้านึกเห็นในสิ่งที่ตัวเองสร้างมาจาก อดีตชาติ คงเป็นไปไม่ได้อีกนั้นล่ะ ที่ทุกคนจะระลึกชาติไม่ได้ทุกคน เสมอไป
ทุกอย่างมีขอบเขต ❗
ซึ่งการระลึกชาติ ในยุคปัจจุบัน คือ การตื่นรู้ ตื่นในจิตวิญญาณของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันสามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งมีหลายกลุ่ม นำบริบทนี้มาใช้
อดีตกาล ต้นปาริชาต ก็มีตำนานหลายยุคมาก ระหว่าง สองฝ่าย ฝากติดตามกันต่อนะคะ