ส่วนตัวเจ้าของกระทู้เรียนสาย วิทยาศาสตร์มา ซึ่งจะเห็นเยอะมากว่ามีการปล่อยข่าวปลอมออกมา โดยอ้างเอาหลักการทางวิทยาศาสตร์(ซึ่งไม่เป็นความจริง) มาโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยเหตุผลทางด้านการเมือง
ซึ่งที่เห็นชัดๆก็คือ องค์กร NASA ที่ส่งยานไปสำรวจอวกาศ มักจะมีคนปล่อยข่าวปลอมออกมาว่า แท้จริงแล้ว NASA ไม่ได้ไปดวงจันทร์ และภาพที่ NASA ปล่อยออกมานั้นเป็นภาพที่ถ่ายในสตู เพราะในภาพคือท้องฟ้าบนดวงจันทร์ไม่มีดาว ซึ่งตรงนี้ถ้าหากเป็นคนที่มีความรู้จะเข้าใจได้ทันทีว่า กล้องถ่ายรูปถ้าจะถ่ายภาพให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุต่างๆที่ต้องการศึกษาหรือสำรวจได้ จะต้องลดแสงรบกวน ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพทางด้านดาราศาสตร์มันจึบถูกออกแบบมาโดยเฉพาะคือให้เหมาะกับภารกิจนั้นๆ อย่างกล้องที่ NASA ใช้ถ่ายบนพื้นผิวดวงจันทร์ มันจะต้องกรองแสงออกไปให้ได้มากที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นภาพที่ถ่ายได้มันจะเบลอมากๆ และไม่สามารถเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนของสิ่งที่ต้องการศึกษาได้ ดังนั้นอุปกรณ์พวกนี้จึงถูกออกแบบมาให้เปิดหน้ากล้องเพื่อรับแสดงในช่วงเวลาสั้นๆแค่นั้น(กดปุ่มปุ๊บ ชัตเตอร์ของกล้องทำงานปั๊บ ซึ่งจะแตกต่างจากกล้องบางประเภทที่กดปุ่มถ่ายแล้วต้องรอ 10 ถึง 20 วินาที ชัตเตอร์ถึงทำงาน)
ทีนี้ในทางพระพุทธศาสนาบ้างละ แน่นอนว่าแนวคิดบางอย่างของพระพุทธศาสนา กระทบกับความเชื่อบางอย่างของคนบางกลุ่ม ที่เห็นได้ชัดคือในสมัยพุทธกาล ที่มีการกระทบกระทั่งกับศาสนาพราหมณ์ เพราะการเกิดขึ้นของศาสนาพุทธ ทำให้ผู้คนในแคว้นมคธ นับถือศาสนาพราหมณ์น้อยลง จนทำให้พวกพราหมณ์บางกลุ่มเกิดความไม่พอใจ
และแน่นอนว่าในปัจจุบันหลักการและแนวคิดทางพระพุทธศาสนาก็ยังกระทบกับความเชื่ออื่นๆอยู่ โดยเฉพาะความเชื่อในทางไสยศาสตร์ และผมก็เชื่อว่าผู้คนที่มีความเชื่อเหล่านี้จะต้องหาวิธีการที่จะทำให้ความเชื่อของตัวเองอยู่รอด เช่น อาจมีการปล่อยข่าวปลอมบิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์ สร้างความแตกแยกในทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้คนหันไปเชื่อในความเชื่อแบบที่ตนเองเชื่อ
ทุกคนคิดว่าเป็นแบบนี้หรือไม่ แต่ผมมองว่าสิ่งใดที่เป็นความจริง ต่อให้พยายามปกปิดมันแค่ไหน ก็ไม่สามารถปกปิดให้มิดชิดได้ เปรียบเหมือนหลอดไฟ หรือดวงอาทิตย์ ที่ต่อให้เอามันไปซ่อนไว้ที่ไหนก็ตาม มันก็ยังจะมีแสงไฟหรือแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจนได้
เป็นไปได้หรือไม่ว่าพุทธศาสนาในประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับทฤษฎีสมคบคิดเช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์
ซึ่งที่เห็นชัดๆก็คือ องค์กร NASA ที่ส่งยานไปสำรวจอวกาศ มักจะมีคนปล่อยข่าวปลอมออกมาว่า แท้จริงแล้ว NASA ไม่ได้ไปดวงจันทร์ และภาพที่ NASA ปล่อยออกมานั้นเป็นภาพที่ถ่ายในสตู เพราะในภาพคือท้องฟ้าบนดวงจันทร์ไม่มีดาว ซึ่งตรงนี้ถ้าหากเป็นคนที่มีความรู้จะเข้าใจได้ทันทีว่า กล้องถ่ายรูปถ้าจะถ่ายภาพให้สามารถเก็บรายละเอียดวัตถุต่างๆที่ต้องการศึกษาหรือสำรวจได้ จะต้องลดแสงรบกวน ดังนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพทางด้านดาราศาสตร์มันจึบถูกออกแบบมาโดยเฉพาะคือให้เหมาะกับภารกิจนั้นๆ อย่างกล้องที่ NASA ใช้ถ่ายบนพื้นผิวดวงจันทร์ มันจะต้องกรองแสงออกไปให้ได้มากที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นภาพที่ถ่ายได้มันจะเบลอมากๆ และไม่สามารถเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนของสิ่งที่ต้องการศึกษาได้ ดังนั้นอุปกรณ์พวกนี้จึงถูกออกแบบมาให้เปิดหน้ากล้องเพื่อรับแสดงในช่วงเวลาสั้นๆแค่นั้น(กดปุ่มปุ๊บ ชัตเตอร์ของกล้องทำงานปั๊บ ซึ่งจะแตกต่างจากกล้องบางประเภทที่กดปุ่มถ่ายแล้วต้องรอ 10 ถึง 20 วินาที ชัตเตอร์ถึงทำงาน)
ทีนี้ในทางพระพุทธศาสนาบ้างละ แน่นอนว่าแนวคิดบางอย่างของพระพุทธศาสนา กระทบกับความเชื่อบางอย่างของคนบางกลุ่ม ที่เห็นได้ชัดคือในสมัยพุทธกาล ที่มีการกระทบกระทั่งกับศาสนาพราหมณ์ เพราะการเกิดขึ้นของศาสนาพุทธ ทำให้ผู้คนในแคว้นมคธ นับถือศาสนาพราหมณ์น้อยลง จนทำให้พวกพราหมณ์บางกลุ่มเกิดความไม่พอใจ
และแน่นอนว่าในปัจจุบันหลักการและแนวคิดทางพระพุทธศาสนาก็ยังกระทบกับความเชื่ออื่นๆอยู่ โดยเฉพาะความเชื่อในทางไสยศาสตร์ และผมก็เชื่อว่าผู้คนที่มีความเชื่อเหล่านี้จะต้องหาวิธีการที่จะทำให้ความเชื่อของตัวเองอยู่รอด เช่น อาจมีการปล่อยข่าวปลอมบิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์ สร้างความแตกแยกในทางพระพุทธศาสนา เพื่อให้คนหันไปเชื่อในความเชื่อแบบที่ตนเองเชื่อ
ทุกคนคิดว่าเป็นแบบนี้หรือไม่ แต่ผมมองว่าสิ่งใดที่เป็นความจริง ต่อให้พยายามปกปิดมันแค่ไหน ก็ไม่สามารถปกปิดให้มิดชิดได้ เปรียบเหมือนหลอดไฟ หรือดวงอาทิตย์ ที่ต่อให้เอามันไปซ่อนไว้ที่ไหนก็ตาม มันก็ยังจะมีแสงไฟหรือแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจนได้