“โรม” ยัน 'ก้าวไกล' ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ทะลุวัง บีบแตรใส่ขบวนเสด็จ แจงที่เป็นนายประกัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8093021
“โรม” ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ทะลุวัง บีบแตรใส่ขบวนเสด็จ แจงที่เป็นนายประกัน แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำ แนะหยุดสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกล เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง กลุ่มทะลุวังที่บีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ ว่า ความคิดที่บอกว่ากลุ่มต่างๆมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เรื่องใหม่เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
หลายครั้งที่พรรคก้าวไกลถูกปรักปรำในลักษณะนี้ อะไรคือหลักฐานว่าเราอยู่เบื้องหลัง และในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตทางการเมือง ในอดีตเราหลายคนเราอาจจะไปประกันตัว อาจจะไปเป็นนายประกันให้ แต่การทำในลักษณะนั้นต้องแยกออกจากการที่เขาขับเคลื่อน
ซึ่งเหตุผลที่เราไปเป็นนายประกันให้คือสามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงให้สิทธิ์เขาในการต่อสู้คดี ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปประกันตัวจะเห็นด้วยกับการกระทำ ไม่เช่นนั้นการประกันตัวที่เกิดขึ้นเต็มไปหมดในเรื่องต่างๆ เท่ากับคนที่ไปประกันตัวจะต้องไปเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หากคิดอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นการคิดที่ผิด
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า การเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆกับพรรคก้าวไกลมีเหตุผลคืออาจเป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวัง และต้องการสร้างความชอบธรรมหรือการดิสเครดิต กลุ่มทะลุวัง และต้องการทำลายพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ควรจะไปมองแบบนั้น
“
ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ไปอยู่เบื้องหลังใครและใครก็ไม่มาอยู่เบื้องหลังเรา พรรคก้าวไกลคือพรรคก้าวไกล ที่ทำหน้าที่โดยมีจุดยืน ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน เราเชื่อในศักยภาพในการแสดงออก ส่วนเมื่อเขาแสดงออกไปแล้ว จะมีคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะแสดงความคิดเห็นได้
แต่จุดยืนของพรรคก้าวไกลคือเราไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ในการแสดงออกแบบนั้นคือการสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว เรามีบทเรียนมาแล้ว และไม่ได้ทำให้สังคมไทยดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การกระทำของ น.ส.
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ
ตะวัน กลุ่มทะลุวัง สร้างเสียงวิจารณ์อยู่แล้ว ซึ่งสรุปยากว่าท้ายที่สุด สังคมจะเห็นไปในทิศทางไหนต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ว่ามีสังคมไม่เห็นด้วยกับการที่ น.ส.
ทานตะวัน แสดงออกและอาจจะมีคนเห็นด้วย
แน่นอนในเรื่องของการอารักขาบุคคลสำคัญ ต้องมีมาตรการ ทั้งหมดก็นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ แต่จุดยืนสำคัญที่พรรคก้าวไกลแสดงคือไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ส่วนที่มีการมุ่งเป้าไปที่ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น
“
สิ่งที่เราพยายามทำคือให้สติทุกคน ในการที่เราไปเป็นนายประกัน หรือการเคยเป็นนายประกันในอดีต เท่ากับเราอยู่เบื้องหลังเลยหรือ คุณเชื่อขนาดนั้นจริงๆหรือ สุดท้ายคนที่แสดงออกทางการเมืองในทุกรูปแบบ เขาก็เป็นตัวของเขา เขาก็มีจุดยืนของเขา เราเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องแยกเป็นกรณีไป ซึ่งถึงที่สุด เขาก็มีสิทธิ์ต่อสู้คดีในศาล
สุดท้ายกลไกกฎหมาย ก็ต้องว่ากันไปตามแต่ที่มันควรจะเป็น ซึ่งต้องได้สัดส่วนที่ควรจะเป็นด้วย สังคมของเราอยู่กันแบบนั้น อย่าไปสร้างสังคมแห่งความ หวาดกลัว อย่าให้เราต้องสร้างปีศาจตนใหม่ สร้างผีตนใหม่ขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์เดือนตุลาเคยสร้างบทเรียนให้เราแล้ว อย่าทำซ้ำอีกเลย มันไม่คุ้มกัน” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราควรใช้เวทีของสภาฯ ใช้พื้นที่ทางการเมืองในการคลี่คลายหาทางออก และเข้าใจว่า นาย
อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ พยายามจะพูดเรื่องนี้
ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สภาฯ จะพิจารณาพูดคุยหาทางออก และการที่ปล่อยให้ไปคุยกันตามท้องถนนถ้านำไปสู่การสร้างพื้นที่ที่อันตรายก็ไม่คุ้ม ทางหนึ่งที่ตนคิดว่าเป็นทางออกคือกฎหมายนิรโทษกรรม
เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่าควรนำเรื่องเกี่ยวกับผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ออกจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราเคยหาเสียงเอาไว้ เมื่อเราได้รับการเลือกตั้งมาก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ซึ่งเราไม่ได้มีนโยบายแก้มาตรา 112 เท่านั้น
สว. อาจมีความคิดว่าเราไม่ควรทำแบบนั้น แต่ในจุดยืนของเราต้องกลับมาตั้งต้นว่าวันนี้ปัญหาของประเทศชาติคืออะไร เราต้องยอมรับว่ามีคนถูกดำเนินคดีในเรื่องมาตรา 112 จะมีหนทางแก้ไขอย่างไร
“
ออฟชั่นเรามีอะไรบ้าง เอาเขาเข้าไปขัง ปล่อยพวกเขา นิรโทษกรรมให้พวกเขาหรืออะไร ถ้าเอากันแบบสุดโต่งเลยคือการเอาไปขัง ต้องถามว่าช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างไร ถึงที่สุดคนเหล่านี้ก็มีญาติพี่น้องและเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กลุ่มนิสิตนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่เท่านั้น
มิตรประเทศที่เขามองมายังประเทศไทยรู้สึกไม่สบายใจ กับการดำเนินคดีที่มีความรุนแรง และไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สิทธิเสรีภาพ มีการตั้งคำถามในเชิงภาคธุรกิจ ความมั่นใจว่าหากมีการดำเนินคดีในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับคดีอื่นได้หรือไม่สิ่งเหล่านี้เป็นความมั่นใจทั้งหมดที่สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศได้
ถ้าเราตั้งโจทย์ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ควรเริ่มต้นเปิดประตูให้กว้าง ถ้าเราบอกว่าการนิรโทษกรรมไม่รวมมาตรา 112 ถ้าเริ่มจากตรงนี้ จะแก้ปัญหาการเมืองได้จริงหรือไม่ ไม่มีประโยชน์ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ การนิรโทษกรรมก็ไม่มีประโยชน์
สน.พระราชวัง จับนักข่าวประชาไท-สื่ออิสระ ต้นสังกัดคาดเหตุทำข่าวพ่นกำแพงวัดพระแก้ว
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4421174
ตร.จับนักข่าวประชาไท-สื่ออิสระ ไป สน.พระราชวัง ต้นสังกัดคาดเหตุทำข่าวพ่นกำแพงวัดพระแก้ว
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุยชน รายงานข่าวด่วนว่า เวลา 15.00 น. ศูนย์ทนายฯได้รับแจ้งว่ามี นักข่าวประชาไทถูกจับกุมที่บ้านพัก ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 22 พ.ค.2566 โดยตำรวจจาก สน.พระราชวัง เข้าแสดงหมายจับพร้อมควบคุมตัว เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการจับกุม ขณะนี้ประสานทนายความเข้าติดตามให้ความช่วยเหลือแล้ว
ศูนย์ทนายฯระบุอีกว่า เวลา 15.08 น. ทนายความแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้ และกำลังติดตามไปที่ สน.พระราชวัง เพื่อให้การช่วยเหลือด้านคดีเพิ่มเติม
เวลา 15.16 น. ศูนย์ทนายฯได้รับแจ้งเพิ่มเติมว่า มีนักข่าวอิสระถูกจับกุมเพิ่มอีก 1 คน บริเวณวัดสุทธิวราราม โดยตำรวจแจ้งว่าจะนำตัวนักข่าวดังกล่าวไปที่ สน.พระราชวัง
ขณะที่
สำนักข่าวประชาไท ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้จับกุมนักข่าวประชาไท ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ
สำหรับหมายจับครั้งนี้ “
ประชาไท” คาดว่าสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ผู้ถูกจับกุม พร้อมผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอื่นได้ติดตามรายงานข่าวเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2566 เวลาประมาณ 17.40 น. กรณี “
บังเอิญ” (สงวนนามสกุล) ศิลปิน อายุ 25 ปี พ่นข้อความทำเป็นสัญลักษณ์ไม่เอา 112 และเครื่องหมายสัญลักษณ์บนกำแพงวัดพระแก้ว ด้านตรงข้ามสนามหลวง
“
ประชาไท” ยืนยันว่า การออกหมายจับครั้งนี้ผู้ถูกจับกุมไม่เคยได้รับหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหามาก่อน
เปิดพฤติการณ์ ‘ไฮโซหนุ่ม’ ลูกนักการเมือง ไล่ไทม์ไลน์คดีฉุดเซเลบหญิง พยายามขืนใจ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4421591
เปิดพฤติการณ์ ‘ไฮโซหนุ่ม’ ลูกนักการเมือง ไล่ไทม์ไลน์คดีฉุดเซเลบหญิง พยายามขืนใจ
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่สน.ประเวศ บก.น.4 น.ส.
เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายอายุ 25 ปี เข้าแจ้งความ นาย
บี (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ลูกชายนักการเมืองดัง ข้อกล่าวหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่น , กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย”
โดยพฤติการณ์คือ น.ส.
เอ ผู้เสียหายบังเอิญพบ นาย
บี ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในซอยทองหล่อ จากนั้น นาย
บีได้ชักชวนไปนั่งที่โต๊ะร่วมกัน ชักชวนบังคับให้ดื่มสุรา และได้แย่งเอาโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไป หลังจากนั้นได้บอกว่าจะพาผู้เสียหายไปส่งหาแฟนที่ร้านแห่งหนึ่งให้นั่งรถไปด้วยกัน หากไม่ไปด้วยจะไม่คืนโทรศัพท์ให้ ผู้เสียหายจึงยินยอมนั่งรถไปด้วย
แต่ นาย
บี กลับพาไปที่บ้านที่เกิดเหตุโดยบอกว่าจะแวะมาเอาของก่อน ในระหว่างถึงบ้านที่เกิดเหตุในเขตประเวศ กรุงเทพฯ ปรากฏว่าผู้เสียหายอาเจียน นาย
บีได้ให้ผู้เสียหายเข้าไปในบ้านเพื่อล้างหน้า จากนั้นนาย
บี ได้กระทำอนาจารผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม
เมื่อผู้เสียหายพยายามหลบหนี ผู้ต้องหาได้ใช้กำลังหน่วงเหนี่ยวฉุดกระชากไม่ให้ผู้เสียหายกลับบ้าน และนาย
บีได้ใช้กำลังฉุดกระชากผู้เสียหายจะพาเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ จนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ
เมื่อสามารถออกมาจากสถานที่ดังกล่าวแล้ว ผู้เสียหายจึงพยายามวิ่งหนี ทันใดนั้นมีพลเมืองดีขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ผู้เสียหายจึงขออาศัยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวอออกจากบริเวณเกิดเหตุ จากพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้ให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำ ผู้เสียหาย และพยานแล้ว 2 ปาก จากนั้นในวันที่ 16 ก.พ. นี้นัดหมายสอบปากคำพยานเด็กที่เห็นเหตุการณ์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ขณะนี้กำลังรวบรวมภาพกล้องวงจรปิด และหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณสถานที่เกิดเหตุ
ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งฉุดคอนโดต่ำ 3 ล.กระอัก ส่วนรง.-อาคารสำนักงานยังดี รับเทรนด์อีวี-ESG
https://www.matichon.co.th/economy/news_4421077
ไนท์แฟรงค์ ชี้ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งฉุดคอนโดต่ำ 3 ล.กระอัก ส่วนรง.-อาคารสำนักงานยังดี รับเทรนด์อีวี-ESG
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นาย
ณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงการจัดงาน “
Knight Frank Foresight 2024 Pivoting Towards Opportunities” ร่วมค้นหาโอกาสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวว่า แนวโน้มในปี 2567 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยเสี่ยงที่ถาโถมเข้ามามากมายทั้งในและนอกประเทศ โดยจะมีการเจาะลึกโอกาสและความท้าทาย 4 เซ็คเตอร์ ที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม โรงแรม อาคารสำนักงาน ในยุคที่ดีมานด์ภาพรวมนิ่ง ปัจจัยฉุดรั้งการเติบโต ทั้งนี้พบว่า คอนโดมิเนียม ต่ำกว่า 3 ล้านยังน่าห่วง Reject rate กระทบกำลังซื้อชะลอตัว คาดเรียลดีมานด์ตัวช่วยหลักดันวอลุ่มแนวราบขายได้ประมาณ 4,000 ยูนิต กลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัวจากแรงหนุนตลาดรถ EV ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ จับตาตลาดอาคารสำนักงานซัพพลายล้น แต่อาคารสีเขียวมีแนวโน้มดี รับเทรนด์ ESG มาแรง
JJNY : 5in1 “โรม”ยันไม่ได้อยู่เบื้องหลัง│จับนักข่าว│เปิดพฤติการณ์ ‘ไฮโซหนุ่ม’│ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง│อนามัยโลกวอนหยุดยิง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8093021
“โรม” ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ทะลุวัง บีบแตรใส่ขบวนเสด็จ แจงที่เป็นนายประกัน แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำ แนะหยุดสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกล เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง กลุ่มทะลุวังที่บีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ ว่า ความคิดที่บอกว่ากลุ่มต่างๆมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เรื่องใหม่เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
หลายครั้งที่พรรคก้าวไกลถูกปรักปรำในลักษณะนี้ อะไรคือหลักฐานว่าเราอยู่เบื้องหลัง และในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เราอยู่ท่ามกลางวิกฤตทางการเมือง ในอดีตเราหลายคนเราอาจจะไปประกันตัว อาจจะไปเป็นนายประกันให้ แต่การทำในลักษณะนั้นต้องแยกออกจากการที่เขาขับเคลื่อน
ซึ่งเหตุผลที่เราไปเป็นนายประกันให้คือสามารถทำได้ตามกฎหมาย รวมถึงให้สิทธิ์เขาในการต่อสู้คดี ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปประกันตัวจะเห็นด้วยกับการกระทำ ไม่เช่นนั้นการประกันตัวที่เกิดขึ้นเต็มไปหมดในเรื่องต่างๆ เท่ากับคนที่ไปประกันตัวจะต้องไปเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หากคิดอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นการคิดที่ผิด
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆกับพรรคก้าวไกลมีเหตุผลคืออาจเป็นกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวัง และต้องการสร้างความชอบธรรมหรือการดิสเครดิต กลุ่มทะลุวัง และต้องการทำลายพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ควรจะไปมองแบบนั้น
“ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ไปอยู่เบื้องหลังใครและใครก็ไม่มาอยู่เบื้องหลังเรา พรรคก้าวไกลคือพรรคก้าวไกล ที่ทำหน้าที่โดยมีจุดยืน ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน เราเชื่อในศักยภาพในการแสดงออก ส่วนเมื่อเขาแสดงออกไปแล้ว จะมีคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะแสดงความคิดเห็นได้
แต่จุดยืนของพรรคก้าวไกลคือเราไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ในการแสดงออกแบบนั้นคือการสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว เรามีบทเรียนมาแล้ว และไม่ได้ทำให้สังคมไทยดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การกระทำของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน กลุ่มทะลุวัง สร้างเสียงวิจารณ์อยู่แล้ว ซึ่งสรุปยากว่าท้ายที่สุด สังคมจะเห็นไปในทิศทางไหนต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ว่ามีสังคมไม่เห็นด้วยกับการที่ น.ส.ทานตะวัน แสดงออกและอาจจะมีคนเห็นด้วย
แน่นอนในเรื่องของการอารักขาบุคคลสำคัญ ต้องมีมาตรการ ทั้งหมดก็นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ แต่จุดยืนสำคัญที่พรรคก้าวไกลแสดงคือไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ส่วนที่มีการมุ่งเป้าไปที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น
“สิ่งที่เราพยายามทำคือให้สติทุกคน ในการที่เราไปเป็นนายประกัน หรือการเคยเป็นนายประกันในอดีต เท่ากับเราอยู่เบื้องหลังเลยหรือ คุณเชื่อขนาดนั้นจริงๆหรือ สุดท้ายคนที่แสดงออกทางการเมืองในทุกรูปแบบ เขาก็เป็นตัวของเขา เขาก็มีจุดยืนของเขา เราเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องแยกเป็นกรณีไป ซึ่งถึงที่สุด เขาก็มีสิทธิ์ต่อสู้คดีในศาล
สุดท้ายกลไกกฎหมาย ก็ต้องว่ากันไปตามแต่ที่มันควรจะเป็น ซึ่งต้องได้สัดส่วนที่ควรจะเป็นด้วย สังคมของเราอยู่กันแบบนั้น อย่าไปสร้างสังคมแห่งความ หวาดกลัว อย่าให้เราต้องสร้างปีศาจตนใหม่ สร้างผีตนใหม่ขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์เดือนตุลาเคยสร้างบทเรียนให้เราแล้ว อย่าทำซ้ำอีกเลย มันไม่คุ้มกัน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราควรใช้เวทีของสภาฯ ใช้พื้นที่ทางการเมืองในการคลี่คลายหาทางออก และเข้าใจว่า นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ พยายามจะพูดเรื่องนี้
ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สภาฯ จะพิจารณาพูดคุยหาทางออก และการที่ปล่อยให้ไปคุยกันตามท้องถนนถ้านำไปสู่การสร้างพื้นที่ที่อันตรายก็ไม่คุ้ม ทางหนึ่งที่ตนคิดว่าเป็นทางออกคือกฎหมายนิรโทษกรรม
เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่าควรนำเรื่องเกี่ยวกับผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ออกจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราเคยหาเสียงเอาไว้ เมื่อเราได้รับการเลือกตั้งมาก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ซึ่งเราไม่ได้มีนโยบายแก้มาตรา 112 เท่านั้น
สว. อาจมีความคิดว่าเราไม่ควรทำแบบนั้น แต่ในจุดยืนของเราต้องกลับมาตั้งต้นว่าวันนี้ปัญหาของประเทศชาติคืออะไร เราต้องยอมรับว่ามีคนถูกดำเนินคดีในเรื่องมาตรา 112 จะมีหนทางแก้ไขอย่างไร
“ออฟชั่นเรามีอะไรบ้าง เอาเขาเข้าไปขัง ปล่อยพวกเขา นิรโทษกรรมให้พวกเขาหรืออะไร ถ้าเอากันแบบสุดโต่งเลยคือการเอาไปขัง ต้องถามว่าช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างไร ถึงที่สุดคนเหล่านี้ก็มีญาติพี่น้องและเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กลุ่มนิสิตนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่เท่านั้น
มิตรประเทศที่เขามองมายังประเทศไทยรู้สึกไม่สบายใจ กับการดำเนินคดีที่มีความรุนแรง และไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สิทธิเสรีภาพ มีการตั้งคำถามในเชิงภาคธุรกิจ ความมั่นใจว่าหากมีการดำเนินคดีในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับคดีอื่นได้หรือไม่สิ่งเหล่านี้เป็นความมั่นใจทั้งหมดที่สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศได้
ถ้าเราตั้งโจทย์ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ควรเริ่มต้นเปิดประตูให้กว้าง ถ้าเราบอกว่าการนิรโทษกรรมไม่รวมมาตรา 112 ถ้าเริ่มจากตรงนี้ จะแก้ปัญหาการเมืองได้จริงหรือไม่ ไม่มีประโยชน์ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ การนิรโทษกรรมก็ไม่มีประโยชน์
สน.พระราชวัง จับนักข่าวประชาไท-สื่ออิสระ ต้นสังกัดคาดเหตุทำข่าวพ่นกำแพงวัดพระแก้ว
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4421174
ตร.จับนักข่าวประชาไท-สื่ออิสระ ไป สน.พระราชวัง ต้นสังกัดคาดเหตุทำข่าวพ่นกำแพงวัดพระแก้ว
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุยชน รายงานข่าวด่วนว่า เวลา 15.00 น. ศูนย์ทนายฯได้รับแจ้งว่ามี นักข่าวประชาไทถูกจับกุมที่บ้านพัก ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 22 พ.ค.2566 โดยตำรวจจาก สน.พระราชวัง เข้าแสดงหมายจับพร้อมควบคุมตัว เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการจับกุม ขณะนี้ประสานทนายความเข้าติดตามให้ความช่วยเหลือแล้ว
ศูนย์ทนายฯระบุอีกว่า เวลา 15.08 น. ทนายความแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้ และกำลังติดตามไปที่ สน.พระราชวัง เพื่อให้การช่วยเหลือด้านคดีเพิ่มเติม
เวลา 15.16 น. ศูนย์ทนายฯได้รับแจ้งเพิ่มเติมว่า มีนักข่าวอิสระถูกจับกุมเพิ่มอีก 1 คน บริเวณวัดสุทธิวราราม โดยตำรวจแจ้งว่าจะนำตัวนักข่าวดังกล่าวไปที่ สน.พระราชวัง
ขณะที่ สำนักข่าวประชาไท ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้จับกุมนักข่าวประชาไท ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ
สำหรับหมายจับครั้งนี้ “ประชาไท” คาดว่าสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ผู้ถูกจับกุม พร้อมผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอื่นได้ติดตามรายงานข่าวเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2566 เวลาประมาณ 17.40 น. กรณี “บังเอิญ” (สงวนนามสกุล) ศิลปิน อายุ 25 ปี พ่นข้อความทำเป็นสัญลักษณ์ไม่เอา 112 และเครื่องหมายสัญลักษณ์บนกำแพงวัดพระแก้ว ด้านตรงข้ามสนามหลวง
“ประชาไท” ยืนยันว่า การออกหมายจับครั้งนี้ผู้ถูกจับกุมไม่เคยได้รับหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหามาก่อน
เปิดพฤติการณ์ ‘ไฮโซหนุ่ม’ ลูกนักการเมือง ไล่ไทม์ไลน์คดีฉุดเซเลบหญิง พยายามขืนใจ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4421591
เปิดพฤติการณ์ ‘ไฮโซหนุ่ม’ ลูกนักการเมือง ไล่ไทม์ไลน์คดีฉุดเซเลบหญิง พยายามขืนใจ
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่สน.ประเวศ บก.น.4 น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายอายุ 25 ปี เข้าแจ้งความ นายบี (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ลูกชายนักการเมืองดัง ข้อกล่าวหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่น , กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย”
โดยพฤติการณ์คือ น.ส.เอ ผู้เสียหายบังเอิญพบ นายบี ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในซอยทองหล่อ จากนั้น นายบีได้ชักชวนไปนั่งที่โต๊ะร่วมกัน ชักชวนบังคับให้ดื่มสุรา และได้แย่งเอาโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไป หลังจากนั้นได้บอกว่าจะพาผู้เสียหายไปส่งหาแฟนที่ร้านแห่งหนึ่งให้นั่งรถไปด้วยกัน หากไม่ไปด้วยจะไม่คืนโทรศัพท์ให้ ผู้เสียหายจึงยินยอมนั่งรถไปด้วย
แต่ นายบี กลับพาไปที่บ้านที่เกิดเหตุโดยบอกว่าจะแวะมาเอาของก่อน ในระหว่างถึงบ้านที่เกิดเหตุในเขตประเวศ กรุงเทพฯ ปรากฏว่าผู้เสียหายอาเจียน นายบีได้ให้ผู้เสียหายเข้าไปในบ้านเพื่อล้างหน้า จากนั้นนายบี ได้กระทำอนาจารผู้เสียหายโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม
เมื่อผู้เสียหายพยายามหลบหนี ผู้ต้องหาได้ใช้กำลังหน่วงเหนี่ยวฉุดกระชากไม่ให้ผู้เสียหายกลับบ้าน และนายบีได้ใช้กำลังฉุดกระชากผู้เสียหายจะพาเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ จนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ
เมื่อสามารถออกมาจากสถานที่ดังกล่าวแล้ว ผู้เสียหายจึงพยายามวิ่งหนี ทันใดนั้นมีพลเมืองดีขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ผู้เสียหายจึงขออาศัยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวอออกจากบริเวณเกิดเหตุ จากพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้ให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำ ผู้เสียหาย และพยานแล้ว 2 ปาก จากนั้นในวันที่ 16 ก.พ. นี้นัดหมายสอบปากคำพยานเด็กที่เห็นเหตุการณ์ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ขณะนี้กำลังรวบรวมภาพกล้องวงจรปิด และหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณสถานที่เกิดเหตุ
ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งฉุดคอนโดต่ำ 3 ล.กระอัก ส่วนรง.-อาคารสำนักงานยังดี รับเทรนด์อีวี-ESG
https://www.matichon.co.th/economy/news_4421077
ไนท์แฟรงค์ ชี้ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่งฉุดคอนโดต่ำ 3 ล.กระอัก ส่วนรง.-อาคารสำนักงานยังดี รับเทรนด์อีวี-ESG
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงการจัดงาน “Knight Frank Foresight 2024 Pivoting Towards Opportunities” ร่วมค้นหาโอกาสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวว่า แนวโน้มในปี 2567 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยเสี่ยงที่ถาโถมเข้ามามากมายทั้งในและนอกประเทศ โดยจะมีการเจาะลึกโอกาสและความท้าทาย 4 เซ็คเตอร์ ที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม โรงแรม อาคารสำนักงาน ในยุคที่ดีมานด์ภาพรวมนิ่ง ปัจจัยฉุดรั้งการเติบโต ทั้งนี้พบว่า คอนโดมิเนียม ต่ำกว่า 3 ล้านยังน่าห่วง Reject rate กระทบกำลังซื้อชะลอตัว คาดเรียลดีมานด์ตัวช่วยหลักดันวอลุ่มแนวราบขายได้ประมาณ 4,000 ยูนิต กลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัวจากแรงหนุนตลาดรถ EV ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ จับตาตลาดอาคารสำนักงานซัพพลายล้น แต่อาคารสีเขียวมีแนวโน้มดี รับเทรนด์ ESG มาแรง