สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
1. ความดัน ไขมัน เบาหวาน เป็นโรคปกติ อย่าเอามาคิดให้เครียด เป็นแล้วดูแลตัวเองได้ ยกเว้น ปวดหลังหมอนรองกระดูกทับเส้น ถ้าไม่ผ่าแสดงว่าเค้าปวดทนได้
2. ต้องยอมารับความจริง ว่าพ่อแม่ถึงวัยป่วย ต้องหาหมอ ไม่ต้องเครียด
3. ฝึกให้เค้าดูแลตัวเองให้ได้ หาหมอเองให้ได้ แค่ส่งไป รพ ที่เหลือ เค้าควรจัดการเองได้ ไม่ต้องให้เราเฝ้าตลอด
4. เรื่องสวัสดิการ ... มีหรือไม่มี ก็ต้องรอคิวเป็นวันๆ ท้ังนั้น ถึงเป็นข้าราชการหรือประกันสังคม ก็ต้องรอคิวเป็นวันเหมือนกัน ยิ่งเดี๋ยวนี้มีบัตรทอง คนไข้ยิ่งเยอะกว่าเดิม ... รอคิวแบบชิลๆ ไป (ถึงไป รพ เอกชน หรือคลินิก ก็ต้องรอคิว .. ที่ไม่ต้องรอคิวคือ VIP เท่านั้น ดังนั้น เลิกมโน เรื่องหาหมอไม่ต้องรอคิว)
... ทุกคนต้องฝึกการดูแลตัวเอง .. แต่ของคุณท่าทางพ่อแม่จะขี้อ้อน ... ก็จะลำบากหน่อย
2. ต้องยอมารับความจริง ว่าพ่อแม่ถึงวัยป่วย ต้องหาหมอ ไม่ต้องเครียด
3. ฝึกให้เค้าดูแลตัวเองให้ได้ หาหมอเองให้ได้ แค่ส่งไป รพ ที่เหลือ เค้าควรจัดการเองได้ ไม่ต้องให้เราเฝ้าตลอด
4. เรื่องสวัสดิการ ... มีหรือไม่มี ก็ต้องรอคิวเป็นวันๆ ท้ังนั้น ถึงเป็นข้าราชการหรือประกันสังคม ก็ต้องรอคิวเป็นวันเหมือนกัน ยิ่งเดี๋ยวนี้มีบัตรทอง คนไข้ยิ่งเยอะกว่าเดิม ... รอคิวแบบชิลๆ ไป (ถึงไป รพ เอกชน หรือคลินิก ก็ต้องรอคิว .. ที่ไม่ต้องรอคิวคือ VIP เท่านั้น ดังนั้น เลิกมโน เรื่องหาหมอไม่ต้องรอคิว)
... ทุกคนต้องฝึกการดูแลตัวเอง .. แต่ของคุณท่าทางพ่อแม่จะขี้อ้อน ... ก็จะลำบากหน่อย
ความคิดเห็นที่ 109
อยากแนะนำให้เจ้าของกระทู้จ้างคนมาช่วยดูแลค่ะ ถ้าสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายไหว.
เราเข้าใจเจ้าของกระทู้นะ เราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน.
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ช่วงโควิด หนักๆ) พ่อเราตรวจพบว่าเป็นมะเร็งหลอดอาหารระยะสุดท้าย อาการทรุดเร็วมาก ถึงขั้นติดเตียงหลังจากตรวจพบไม่เกิน 2 สัปดาห์. เรามีพี่ชาย 1 คน แต่ภาระเขาก็เยอะ ฉะนั้นเราเลยเป็นคนจัดการทุกอย่างรวมเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย. เริ่มตั้งแต่ให้แม่หยุดทำงานมาเป็นคนดูเเลพ่อ จัดบ้านให้เหมาะกับการดูเเลผู้ป่วย ทำเรื่องขอยืมเตียงผู้ป่วยจากสถานีอนามัยใกล้บ้าน พอไปแจ้งเรื่องที่อนามัย หมออนามัยจะมาดูผู้ป่วย(พ่อ)ที่บ้าน. หมออนามัยออกเอกสารให้ไปทำบัตรคนพิการ(เพราะพ่อติดเตียง จะได้นำเงินมาไว้ซื้อของใช้ แม้เงินจะไม่มากนัก) หมออนามัยช่วยแจ้งเรื่องไปที่รพ.จะมีนักศึกษาพยบ.มาช่วยดูเเลพ่อ(ฟรี) วันจ-ศ วันละ 4 ช.ม. ซึ่งตอนนี้ไม่ทราบว่ายังมีโครงการนี้ไหม. หมออนามัยช่วยเเจ้งเรื่องไปยังอสม. จะมีอสม.มาช่วยดูเเล(นิดๆหน่อย) อสม.ทำเรื่องเบิกอุปกรณ์ทำแผลให้ (พ่อเราให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้อง ต้องทำแผลทุกวัน วันละ 2 รอบ) เตรียมอ๊อกซิเจนให้พร้อมทั้งแบบไฟฟ้าและถังก๊าซ (ราคาสูง แต่จำเป็นต้องมี) ซึ่งทั้งนักศึกษาพยบ.และอสม.ช่วยเบาภาระแม่เราลงไปได้ในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนมีป้ามานอนเป็นเพื่อนแม่ คอยช่วยดูเเลพ่อสลับกับแม่ (ป้าไม่รับเงิน แต่เราจะโอนเงินให้แกเล็กๆน้อยๆ เป็นค่าน้ำมันรถที่ขี่มอเตอร์ไซค์จากบ้านป้ามาบ้านเรา ประมาณ 5กม.และซื้อของให้แกบ้างบางโอกาส) และเราจ้างญาติมาช่วยในวันเสาร์-อาทิตย์ (08.00-18.00) ให้ญาติวันละ 300บ. ส่วนการไปหาหมอ ถ้าเราลางานได้ เราจะเป็นคนพาพ่อไปเอง โดยขับรถจากจังหวัดที่ทำงาน-บ้านเกิด 170กม. แต่ถ้าฉุกเฉิน เราจะให้ญาติพาไป (ให้เงินญาติ ค่าน้ำมันรถ-ค่าเสียเวลา) ส่วนแม่อยากได้สิ่งของอะไรทั้งใช้สำหรับดูเเลพ่อและใช้ในบ้าน เราสั่งผ่านแอพ รวมทั้งมีให้ญาติไปซื้อให้ (เราโอนจ่ายคืนญาติ)...เรื่องไหนเราทำเองได้และมีเวลา เราจะทำเอง. ส่วนเรื่องไหนทำไม่ได้ หรือไม่มีเวลา เราใช้เงินแก้ปัญหา. เรื่องลางานแจ้งหัวหน่งานให้รับทราบ พร้อมบอกให้เพื่อนร่วมงานรับทราบ วันที่ลาจะได้ไม่มีปัญหากับใครใดใดในที่ทำงาน (ปล.เราไม่ได้เงินเดือนเยอะ แต่เราสู้ค่ะ ถ้าสั่งของผ่านแอพ เราจ่ายบัตรเครดิต เงินเดือนออกก็จ่ายคืน เต็มจำนวน ของญาติๆเราโอนจ่ายทันที ที่เขาทำธุระให้เสร็จ สู้กันไปจนพ่อเสียค่ะ) ลองดูนะคะ เราเป็นกำลังใจให้
เราเข้าใจเจ้าของกระทู้นะ เราเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน.
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ช่วงโควิด หนักๆ) พ่อเราตรวจพบว่าเป็นมะเร็งหลอดอาหารระยะสุดท้าย อาการทรุดเร็วมาก ถึงขั้นติดเตียงหลังจากตรวจพบไม่เกิน 2 สัปดาห์. เรามีพี่ชาย 1 คน แต่ภาระเขาก็เยอะ ฉะนั้นเราเลยเป็นคนจัดการทุกอย่างรวมเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย. เริ่มตั้งแต่ให้แม่หยุดทำงานมาเป็นคนดูเเลพ่อ จัดบ้านให้เหมาะกับการดูเเลผู้ป่วย ทำเรื่องขอยืมเตียงผู้ป่วยจากสถานีอนามัยใกล้บ้าน พอไปแจ้งเรื่องที่อนามัย หมออนามัยจะมาดูผู้ป่วย(พ่อ)ที่บ้าน. หมออนามัยออกเอกสารให้ไปทำบัตรคนพิการ(เพราะพ่อติดเตียง จะได้นำเงินมาไว้ซื้อของใช้ แม้เงินจะไม่มากนัก) หมออนามัยช่วยแจ้งเรื่องไปที่รพ.จะมีนักศึกษาพยบ.มาช่วยดูเเลพ่อ(ฟรี) วันจ-ศ วันละ 4 ช.ม. ซึ่งตอนนี้ไม่ทราบว่ายังมีโครงการนี้ไหม. หมออนามัยช่วยเเจ้งเรื่องไปยังอสม. จะมีอสม.มาช่วยดูเเล(นิดๆหน่อย) อสม.ทำเรื่องเบิกอุปกรณ์ทำแผลให้ (พ่อเราให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้อง ต้องทำแผลทุกวัน วันละ 2 รอบ) เตรียมอ๊อกซิเจนให้พร้อมทั้งแบบไฟฟ้าและถังก๊าซ (ราคาสูง แต่จำเป็นต้องมี) ซึ่งทั้งนักศึกษาพยบ.และอสม.ช่วยเบาภาระแม่เราลงไปได้ในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนมีป้ามานอนเป็นเพื่อนแม่ คอยช่วยดูเเลพ่อสลับกับแม่ (ป้าไม่รับเงิน แต่เราจะโอนเงินให้แกเล็กๆน้อยๆ เป็นค่าน้ำมันรถที่ขี่มอเตอร์ไซค์จากบ้านป้ามาบ้านเรา ประมาณ 5กม.และซื้อของให้แกบ้างบางโอกาส) และเราจ้างญาติมาช่วยในวันเสาร์-อาทิตย์ (08.00-18.00) ให้ญาติวันละ 300บ. ส่วนการไปหาหมอ ถ้าเราลางานได้ เราจะเป็นคนพาพ่อไปเอง โดยขับรถจากจังหวัดที่ทำงาน-บ้านเกิด 170กม. แต่ถ้าฉุกเฉิน เราจะให้ญาติพาไป (ให้เงินญาติ ค่าน้ำมันรถ-ค่าเสียเวลา) ส่วนแม่อยากได้สิ่งของอะไรทั้งใช้สำหรับดูเเลพ่อและใช้ในบ้าน เราสั่งผ่านแอพ รวมทั้งมีให้ญาติไปซื้อให้ (เราโอนจ่ายคืนญาติ)...เรื่องไหนเราทำเองได้และมีเวลา เราจะทำเอง. ส่วนเรื่องไหนทำไม่ได้ หรือไม่มีเวลา เราใช้เงินแก้ปัญหา. เรื่องลางานแจ้งหัวหน่งานให้รับทราบ พร้อมบอกให้เพื่อนร่วมงานรับทราบ วันที่ลาจะได้ไม่มีปัญหากับใครใดใดในที่ทำงาน (ปล.เราไม่ได้เงินเดือนเยอะ แต่เราสู้ค่ะ ถ้าสั่งของผ่านแอพ เราจ่ายบัตรเครดิต เงินเดือนออกก็จ่ายคืน เต็มจำนวน ของญาติๆเราโอนจ่ายทันที ที่เขาทำธุระให้เสร็จ สู้กันไปจนพ่อเสียค่ะ) ลองดูนะคะ เราเป็นกำลังใจให้
แสดงความคิดเห็น
เป็นลูกชายคนเดียวอยู่กับพ่อแม่ ต้องทำงานหาเงิน ในขณะเดียวกันพ่อแม่ป่วยบ่อย ตื่นกลางดึก แทบไม่ได้นอนจะจัดการอย่างไรดี
พ่อแม่อายุ 70-75 ปี เริ่มมีอาการป่วยบ่อย สลับกันป่วย
พ่อแม่มีโรคประจำตัวทั้งความดัน ไขมัน เบาหวาน ปวดหลังหมอนรองกระดูกทับเส้น (ยังไม่ยอมผ่าตัด) และอื่นๆอีกมากมาย
ตอนนี้มีปัญหาหนักมาก เพราะผมต้องคอยดูแลพ่อแม่คนเดียว สลับกันป่วยแทบทุกสัปดาห์
กลางวันผมต้องไปทำงานหาเงินช่วง 8:00-17:30 น หลายๆครั้งต้องทำโอทีดึกๆเลิกสองสามทุ่ม
ก็ฝากคนข้างบ้านดูบ้าง เพราะญาติพี่น้องไม่มีใครอยู่ใกล้ แต่ถึงไหว้วานก็คงไม่มีใครมาดูแลอยู่ดี
ผมลางานบ่อยด้วยเหตุผล เดี๋ยวพาพ่อไป รพ. , พาแม่ไปฉีดยา , พาทั้งสองคนไปเจาะเลือดตรวจตามนัด พบหมอ
หลายๆครั้งก็จะเจอปัญหาพ่อแม่ตื่นกลางดึก ด้วยอาการเวียนหัวบ้าง ต้องตื่นมาชงยาให้กิน วัดความดัน
หรือบางครั้งปวดท้องก็ต้องขับรถไปส่ง รพ ห้องฉุกเฉินกลางดึกบ่อยๆ เช่น ช่วงเที่ยงคืนถึงตีสี่ (แล้วแต่ว่าในสัปดาห์นั้นจะถี่ขนาดไหน)
พ่อแม่ไม่มีสวัสดิการใดๆ หลายๆครั้งก็ต้องไปเข้าคิว ตรวจทั้งวัน
ผมเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ และมีผลกระทบกับการทำงาน วูบบ่อย งีบหลับบ่อย จนเริ่มโดนเจ้านายเรียกไปเตือน
การทำงานก็เริ่มแย่ลง ประสิทธิภาพตกต่ำ เริ่มมีอาการสมองตื้อตัน เพราะนอนไม่พอ เนื่องจากต้องเจอเหตุการณ์พ่อแม่ป่วยทุกวัน
บางวันขับรถกลับจากที่ทำงานหรือขับไปทำงานก็มีอาการวูบ หลับในบ่อยๆ เกือบรถชนก็หลายครั้ง
ตอนนี้ผมเริ่มดูแลไม่ไหว ถ้าจะลาออกมาก็ไม่มีเงินจะใช้กันแน่นอน เพราะรายได้หลักมาจากผมคนเดียว
เงินเก็บก็ไม่ได้มีมากที่จะมีเงินใช้จ่ายไปได้อีกสิบๆปี
ตอนแรกก็คิดว่าจะลาออกมาทำงานที่บ้าน แต่ดูทรงแล้วถึงจะลาออกมาเปิดร้านขายของออนไลน์ หรือขายของที่บ้าน ก็จะเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่ดี
เดี๋ยวก็คงต้องปิดร้านพาพ่อแม่ไป รพ. หรือบางครั้งต้องแอดมิตก็ต้องไปนอนเฝ้าที่ รพ. ผมคนเดียวเริ่มแบกพ่อแม่สองคนพร้อมกันไม่ไหว
เครียดทั้งเรื่องรายได้ที่แค่เลี้ยงตัวเองก็แทบไม่พออยู่แล้ว แต่ต้องรับผิดชอบทั้งพ่อและแม่สองคน
ตอนนี้หาทางออกไม่เจอจริงๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี