สวัสดีค่ะ พอดี จขกท. เพิ่งจะยื่นลาออกกับบริษัทที่ทำอยู่ไป และกำลังรอให้ครบ 30 วัน เพื่อเคลียร์งานค้าง และส่งงานต่อให้คนอื่นในแผนกค่ะ

คราวนี้มันมีปัญหาตรงที่มันไม่มีคนมาทำงานแทน คราวนี้พอ บ เห็นว่าเรากำลังจะไปก็ยัดงานมาให้รัว ๆ เหมือนจะเอาให้คุ้มค่าจ้าง แล้วอ้างว่าหาคนมาแทนเราไม่ได้ (ซึ่งเราเข้าใจว่ามันไม่มีคนทำแทนจริงๆ) ทำให้เราไม่มีวันหยุดเลย (บ จ่ายโอให้ปกติค่ะ)

ตอนแรกเราก็ตั้งใจจะสู้ อยากจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุดให้มันจบ ๆ ไป จะได้จบกับที่นี่ดี ๆ แต่มีปัญหาก็คืออาทิตย์ที่แล้วเราป่วย ไข้ขึ้น เลยลาป่วยไปวันนึง อาการดีขึ้นนิดหน่อยแต่ยังมีไข้อยู่ แต่วันต่อมา บ กลับ "ขอความร่วมมือ" ให้เราไปคุมงานต่างจังหวัดตั้งแต่ 8 โมง - เที่ยงคืน เพราะไม่มีคน ถ้าขาดเราไปงานจะไม่สำเร็จ ซึ่งเราก็ฝืนไป กลับมาได้นอนตีสาม ส่งผลให้วันต่อมาเราไข้ขึ้น แต่ก็ขอความร่วมมือให้เรามาทำอีกครึ่งวันช่วงบ่าย และขอความร่วมมือให้เราขับรถไปพบลูกค้าที่ต่างจังหวัดอีกประมาณ 2-3 ครั้ง และขอให้เรามาทำงานตลอด เสาร์-อาทิตย์ ที่เหลือด้วย (จ่ายโอให้) ทั้งที่เราป่วยอยู่ ทุกคนเห็นหมดว่าเราเคยฟุบหน้าคอม และไอตลอดวันที่มาทำงาน

เราว่าเราไม่ไหวกับการให้งานแบบนี้แล้วค่ะ ไม่อยากทำงานให้ครบ 30 วันตามที่แจ้งแล้ว แล้วก็ไม่อยากออกต่างจังหวัดอีกแล้วด้วย (เพราะป่วย ไม่หายสักทีเพราะไม่มีเวลาพัก เคยวูบตอนขับรถไปครั้งนึงด้วย)

เราเลยตั้งใจว่าหลังจากนี้จะอยู่ออฟฟิศและเคลียร์งานค้างอย่างเดียว บ.ขอความร่วมมือหรือสั่งอะไรเพิ่มอะไรมาก็ไม่สนใจแล้ว ส่วนลูกค้าก็จะโทร./ส่งเมลไปแจ้งให้หมดว่าลาออกแล้ว ไปเจอไม่ได้แล้ว

และแน่นอนว่าเพราะว่าเราไม่อยากมาทำแล้ว หลังเคลียร์งานที่ค้างไว้ตั้งแต่ก่อนแจ้งออกเสร็จ คงจะลาป่วย (ที่ไม่ใช่ป่วยการเมือง ป่วยจริงๆ ) + ลาพักร้อนไปให้จนกว่าจะครบวันที่กำหนดออกเลย

สงสัยว่า เราทำแบบนี้ได้ใช่ไหม แบบปฏิเสธงานที่เขาให้ทั้งหมดและไม่ขับรถไปต่างจังหวัดน่ะค่ะ เค้าจะอ้างว่าเราทำให้เค้าเสียหายได้ไหม?

และในแง่มารยาท คิดว่าเราสมควรทำขนาดนี้ไหมคะ

ขอบคุณทุกคนที่มาแสดงความเห็นนะคะ