สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ เปิดยูสมาเพื่อถามปัญหาโดยเฉพาะ คือปัญหาของเราจะมองว่าใหญ่ก็ไม่ใช่ แต่เล็กก็ไม่เชิง มันเกี่ยวกับแม่เราค่ะ คือต้องเกริ่นก่อนว่า ตอนนี้เราเพิ่งเรียนจบ อยู่ในระหว่างรอสมัครงานประจำ (งานที่เราจะสมัครมีช่วงกำหนดรับค่ะ ไม่สามารถยื่นใบสมัครเลยได้) ตอนนี้เราเลยรับหน้าที่เป็นติวเตอร์ไปพลางๆ คือช่วยหารายได้เข้าบ้านนั่นแหละ
ตัดภาพมาที่ในบ้านของเรา เราอยู่กัน 3 คนค่ะ มียายเรา แม่ แล้วก็เรา ยายเราแกขึ้นเลขเจ็ดแล้วค่ะ ทำงานหนักไม่ไหว เต็มที่มากสุดคือรับงานแม่บ้าน กับรับออร์เดอร์น้ำพริกทำส่งคนในตลาด ก็คือหาเงินพอได้นะคะ แต่ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำดี
ส่วนอีกคนคือแม่เรา ซึ่งเมื่อตอนเรายังเรียนอยู่ แม่เคยทำงานบริษัทเอกชนในกทม.ค่ะ (แม่เราแต่งงานใหม่อยู่กับแฟนเขาที่โน่น) แต่พอเจอโควิด+แม่เราทนคนที่ทำงานไม่ได้ เพราะมันเป็นธุรกิจครอบครัว แม่เราเลยตัดสินใจออกจากงานมาช่วยยายขายของที่บ้านตอนเรากำลังจะขึ้นปี 4 ซึ่งปีสุดท้ายนี้ยายเราเป็นคนช่วยส่งค่าหอพักค่าใช้ส่วนตัวช่วยเราค่ะ ทำให้เงินเก็บยายหรอลงไปเยอะมากจนเหลือน้อยเต็มทีแล้ว (ก่อนหน้านี้ที่แม่ทำงานแม่จะเป็นคนพยายามช่วยส่ง)
ประเด็นของเรื่องมันเริ่มต้นที่แม่กับยายเราเลิกขายของค่ะ (คือเปิดเป็นร้านอาหารในโรงงาน แล้วมันขายไม่ดี เพราะในโรงงานมีการย้ายพนักงานไปสาขาอื่นเยอะ จนลูกค้าแทบไม่เหลือ) ยายเลยเริ่มมาทำน้ำพริกขาย ส่วนแม่เราเริ่มหยิบงานออนไลน์เต็มตัว (ตอนนี้เราเรียนจบแล้วนะคะ) คือสิ่งที่เราแอบคิดไม่ตกคือ แม่เป็นคนมีอีโก้รุนแรง คือมีความมั่นใจในสิ่งที่ทำสูงมาก แม่เราเป็นคนสนิทของเจ้าของแบรนด์ค่ะ รู้จักกันมานาน(ถึงขั้นเรียกกันแม่ๆ ลูกๆ) โดยธุรกิจออนไลน์ที่ว่าเป็นการขายสกินแคร์ คสอ. อะไรพวกนี้ค่ะ แม่เราเชื่อว่าเขาเป็นมือขวาเจ้าของแบรนด์ ถ้าไลฟ์สดขาย ทุ่มเทมากๆ ยังไงแม่ก็รวย แล้วทุกคนจะสบายกันหมด
แต่มุมมองของทั้งยายเรา และพวกญาติโกทั้งหลายเขาไม่ได้มองแบบนั้นค่ะ ยายเรามองว่าสิ่งที่แม่ทำอยู่มันเหมือนวาดวิมานในอากาศ เพราะขายออนไลน์พวกนี้จะมีการทำดรีมบอร์ด วาดฝันถึงความสำเร็จ ใส่พลังเชิงบวก โอมเทพสามตามาดลใจ รวยๆๆ แปะๆ สักวันชั้นจะเป็นเศรษฐี ตัวเราเองเราไม่ได้ว่าอะไรแม่เรานะคะ แบบว่าอยากทำก็ทำ ไม่เดือดร้อนใครก็ทำ แต่ยายเราชอบมาบ่นกับเราลับหลังค่ะ ว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำ เพราะแบรนด์ก็เพิ่งก่อตั้ง ขายมาปีครึ่งปีแล้ว มันยังไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน แม่ชอบพูดกรอกหูยายว่า ของแบบนี้มัน "ต้องสร้างตัวตน" ซึ่งมัน "ใช้เวลา" การที่ยายพูดแบบนี้ลับหลังเขา เป็นการกดดันเขาทางอ้อม ทำไมไม่คิดถึงตอนเขามีเงินเดือนปล้วส่งให้ใช้บ้าง ซึ่งเราแอบอึดอัดค่ะ เพราะใจนึงก็นึกถึงความสุขของแม่ แต่อีกใจก็นึกถึงคำว่าวิมานในอากาศของยาย ว่ามันทำได้จริงหรอ แล้วถ้าจริงต้องใช้เวลาอีกเท่าไร
คือหลายครั้งที่เราเองเคยแอบคล้อยตามยาย อยากให้แม่เอาธุรกิจแบบนี้ไปทำเป็นงานเสริม แล้วกลับมาหางานประจำทำก่อนไหม ประเด็นตรงนี้มันเกี่ยวกับพวกญาติๆ ค่ะ คือพวกญาติเราจะแอบมีความดูถูกแม่เราลึกๆ ว่ามีลูกเร็ว (แม่เราจบแค่ปวช.) ใจแตก เก่งแต่งพูด พูดดีแต่ทีเหลว หนักๆ เขาคือพูดแบบนี้ให้เราฟัง ซึ่งเราก็ไม่ค่อยสบายใจเพราะเขากำลังว่าแม่เราอยู่ พอพูดถึงเรื่องประเด็นออนไลน์ขึ้นมา ญาติเราก็จะช่วยกันพูดประมาณว่า ถ้าแม่เราไม่กลับไปหางานประจำทำ สุดท้ายมันก็ต้องเป็นเรานี่แหละ ที่เลี้ยงคนทั้งบ้าน ภาระจะมาตกหนักที่เรา ที่ว่าตกหนัก เพราะเรายังไม่มีบ้านค่ะ บ้านที่เราอยู่ปัจจุบันเป็นบ้านพักข้าราชการ ซึ่งได้สิทธิ์อยู่จากตาที่เป็นลูกจ้างของรัฐ แต่ตาเสียไปนานมากแล้ว ดังนั้นเรากับแม่เลยตกลงกันว่า จะช่วยกันทำงานซื้อบ้านให้ยายอยู่ แต่แน่นอนค่ะ พวกญาติๆ กลับคิดว่าสุดท้ายคนต้องซื้อบ้านผ่อนบ้านคงไม่พ้นเราคนเดียว เพราะให้รอความสำเร็จของแม่ ยายเราคงตายก่อน
อย่างวันนี้คือแม่เราวีนทั้งยายทั้งเราบ้านแตกเลยค่ะ เพราะยายเรากันไปหลุดปากพูดว่า เหมือนเราเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน แม่ก็อย่าไปรบกวนเงินเรามาก เพราะเราจ่ายค่าแก๊ส ค่าน้ำไฟ ค่าแชร์(ของยาย) ให้ไปแล้ว เท่านั้น แม่เราบึ้ม!! (ปกติแม่เราอารมณ์ร้อน และอีโก้สูงพอตัวอยู่แล้ว) บอกว่า ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เขาทำ ขนาดคนในบ้านยังตั้งแง่อคติกับเขาขนาดนี่ แค่พวกญาติก๋ทับถมเขาจนเขาแค้นมากแล้ว คอยดูถ้าสักวันเขาทำสำเร็จ ยายจะต้องเสียใจ เขาจะเหยียบทุกคนที่เคยดูถูกเขา และอย่าคิดว่าเขาสิ้นไร้ไม้ตอก ถ้าเขาคิดจะจากบ้านไปจริงๆ เขาจะไปไม่กลับมาอีก จะส่งมาแค่เงินเลี้ยงดูยายเท่านั้น คืออีกเยอะค่ะ ที่แม่ระเบิดออกมา
คือเราเข้าใจแม่เรานะคะว่าแกรู้สึกยังไง แกโดนทับถมมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น (จนตอนนี้สี่สิบต้นๆ) แล้วแกบอกอยู่เสมอว่างานออนไลน์ที่แกทำ แกมีความสุข และสักวันมันต้องสำเร็จ แต่เราเองก็เข้าใจยายเรา และแอบคิดถึงตัวเองในอนาคตอันใกล้นี้เหมือนกัน ว่าแล้วถ้าเกิดมันไม่สำเร็จภายในปีสองปีนี้เหมือนที่แม่ลั่นวาจาไว้ล่ะ แม่ชอบพูดเรื่องการยืนระยะ ขายออนไลน์ต้องสม่ำเสมอ และใช้เวลา แต่แม่ขอผัดผ่อนเวลามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปีก่อนว่าขอ 3 เดือนต้องปัง พอพ้น 3 เดือนก็ขออีกสามเดือนต้องปัง (ตอนนั้นยายเราส่องกล้องลำไส้พอดีเลยไม่ได้ว่าอะไรที่แม่จะอยู่บ้านทำออนไลน์ต่อ) แต่พอมาปีใหม่ซึ่งครบกำหนด 3 เดือนอีก แม่ก็บอกว่า จะรอเราหาสมัครงานได้อีก ถ้างวดยี้ไม่ปังแม่จะกลับไปกทม.พร้อมเราเพื่อทำงาน ขอยืนระยะ 120 วัน ถ้าไม่ปัง จะหันไปทำอย่างอื่น แล้วเอาออนไลน์เป็นอาชีพเสริม แต่ส่วนตัวเราเองกลับรู้สึกว่า ถ้ายังไม่ปังก็ต้องมีเรื่องผัดผ่อนไปเรื่อยๆ แบบนี้หรอ แล้วที่คุยกันล่าสุด แม่เริ่มพูดว่า วุฒิเขาไม่สูง อายุก็ปูนนี้แล้ว ไม่มีงานประจำที่ไหนรับเขาหรอก ก็มีแค่งานแม่ค้าแม่ขายออนไลน์นี้แหละ
สรุปที่ร่ายมาเหยียดยาวนี้ เราแค่อยากระบายในฐานะคนเกือบจะกลางระหว่างยายกับแม่เราด้วยส่วนนึง เพราะเราเองก็แอบอยากให้แม่กลับไปลองหางานประจำดู ไม่ได้จะให้ทิ้งงานออนไลน์เลย เพราะงานที่ต้องรอลุ้นว่าจะรวยไม่รวยแบบนี้ กับงานมีเงินเดือน เรารู้สึกว่าอย่างหลังมันโอบอุ้มที่บ้านในระยะอันใกล้ได้ดีกว่า แต่พูดเรื่องนี้ไป แม่ก็จะวีนบ้านแตกอีก เหมือนที่เราพิมพ์ไปข้างบน
คือเราควรจะทำยังไงดีหรอคะ หรือทำได้แค่ปล่อยให้แม่ไล่ล่าความสำเร็จกับออนไลน์ไป แล้วเราก็ไปหางานประจำทำเพื่อเลี้ยงคนทั้งบ้าน คือเลี้ยงอ่ะทำได้ค่ะ เพราะเราแพลนจะเลี้ยงคนทั้งบ้านอยู่แล้ว ถ้าหน้าที่การงานเรามั่นคงอยู่ตัว แต่กับในอนาคตไหนจะหนี้กยศ.เรา หนี้สินที่ติดตัวแม่ แถมต้องเริ่มแพลนคิดหาบ้านช่องห้องหับอยู่ เพราะไม่รู้ว่าหลวงจะไม่ให้เรามีสิทธิ์อยู่ตอนไหน ถ้าใครเคยมีปัญหาทำนองนี้ มาแชร์หรือแนะนำกันได้นะคะ อยากทราบความคิดเห็นของทุกคนค่ะ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในระยะอันใกล้ แต่ก็เป็นปัญหาน่าอึดอัดใจในระยะยาวเหมือนก้น
เมื่อแม่ฉันกลายเป็นนักขายออนไลน์ แต่คนในบ้านไม่เข้าใจ ลูกอย่างเราทำยังไงดีคะ
ตัดภาพมาที่ในบ้านของเรา เราอยู่กัน 3 คนค่ะ มียายเรา แม่ แล้วก็เรา ยายเราแกขึ้นเลขเจ็ดแล้วค่ะ ทำงานหนักไม่ไหว เต็มที่มากสุดคือรับงานแม่บ้าน กับรับออร์เดอร์น้ำพริกทำส่งคนในตลาด ก็คือหาเงินพอได้นะคะ แต่ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำดี
ส่วนอีกคนคือแม่เรา ซึ่งเมื่อตอนเรายังเรียนอยู่ แม่เคยทำงานบริษัทเอกชนในกทม.ค่ะ (แม่เราแต่งงานใหม่อยู่กับแฟนเขาที่โน่น) แต่พอเจอโควิด+แม่เราทนคนที่ทำงานไม่ได้ เพราะมันเป็นธุรกิจครอบครัว แม่เราเลยตัดสินใจออกจากงานมาช่วยยายขายของที่บ้านตอนเรากำลังจะขึ้นปี 4 ซึ่งปีสุดท้ายนี้ยายเราเป็นคนช่วยส่งค่าหอพักค่าใช้ส่วนตัวช่วยเราค่ะ ทำให้เงินเก็บยายหรอลงไปเยอะมากจนเหลือน้อยเต็มทีแล้ว (ก่อนหน้านี้ที่แม่ทำงานแม่จะเป็นคนพยายามช่วยส่ง)
ประเด็นของเรื่องมันเริ่มต้นที่แม่กับยายเราเลิกขายของค่ะ (คือเปิดเป็นร้านอาหารในโรงงาน แล้วมันขายไม่ดี เพราะในโรงงานมีการย้ายพนักงานไปสาขาอื่นเยอะ จนลูกค้าแทบไม่เหลือ) ยายเลยเริ่มมาทำน้ำพริกขาย ส่วนแม่เราเริ่มหยิบงานออนไลน์เต็มตัว (ตอนนี้เราเรียนจบแล้วนะคะ) คือสิ่งที่เราแอบคิดไม่ตกคือ แม่เป็นคนมีอีโก้รุนแรง คือมีความมั่นใจในสิ่งที่ทำสูงมาก แม่เราเป็นคนสนิทของเจ้าของแบรนด์ค่ะ รู้จักกันมานาน(ถึงขั้นเรียกกันแม่ๆ ลูกๆ) โดยธุรกิจออนไลน์ที่ว่าเป็นการขายสกินแคร์ คสอ. อะไรพวกนี้ค่ะ แม่เราเชื่อว่าเขาเป็นมือขวาเจ้าของแบรนด์ ถ้าไลฟ์สดขาย ทุ่มเทมากๆ ยังไงแม่ก็รวย แล้วทุกคนจะสบายกันหมด
แต่มุมมองของทั้งยายเรา และพวกญาติโกทั้งหลายเขาไม่ได้มองแบบนั้นค่ะ ยายเรามองว่าสิ่งที่แม่ทำอยู่มันเหมือนวาดวิมานในอากาศ เพราะขายออนไลน์พวกนี้จะมีการทำดรีมบอร์ด วาดฝันถึงความสำเร็จ ใส่พลังเชิงบวก โอมเทพสามตามาดลใจ รวยๆๆ แปะๆ สักวันชั้นจะเป็นเศรษฐี ตัวเราเองเราไม่ได้ว่าอะไรแม่เรานะคะ แบบว่าอยากทำก็ทำ ไม่เดือดร้อนใครก็ทำ แต่ยายเราชอบมาบ่นกับเราลับหลังค่ะ ว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำ เพราะแบรนด์ก็เพิ่งก่อตั้ง ขายมาปีครึ่งปีแล้ว มันยังไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน แม่ชอบพูดกรอกหูยายว่า ของแบบนี้มัน "ต้องสร้างตัวตน" ซึ่งมัน "ใช้เวลา" การที่ยายพูดแบบนี้ลับหลังเขา เป็นการกดดันเขาทางอ้อม ทำไมไม่คิดถึงตอนเขามีเงินเดือนปล้วส่งให้ใช้บ้าง ซึ่งเราแอบอึดอัดค่ะ เพราะใจนึงก็นึกถึงความสุขของแม่ แต่อีกใจก็นึกถึงคำว่าวิมานในอากาศของยาย ว่ามันทำได้จริงหรอ แล้วถ้าจริงต้องใช้เวลาอีกเท่าไร
คือหลายครั้งที่เราเองเคยแอบคล้อยตามยาย อยากให้แม่เอาธุรกิจแบบนี้ไปทำเป็นงานเสริม แล้วกลับมาหางานประจำทำก่อนไหม ประเด็นตรงนี้มันเกี่ยวกับพวกญาติๆ ค่ะ คือพวกญาติเราจะแอบมีความดูถูกแม่เราลึกๆ ว่ามีลูกเร็ว (แม่เราจบแค่ปวช.) ใจแตก เก่งแต่งพูด พูดดีแต่ทีเหลว หนักๆ เขาคือพูดแบบนี้ให้เราฟัง ซึ่งเราก็ไม่ค่อยสบายใจเพราะเขากำลังว่าแม่เราอยู่ พอพูดถึงเรื่องประเด็นออนไลน์ขึ้นมา ญาติเราก็จะช่วยกันพูดประมาณว่า ถ้าแม่เราไม่กลับไปหางานประจำทำ สุดท้ายมันก็ต้องเป็นเรานี่แหละ ที่เลี้ยงคนทั้งบ้าน ภาระจะมาตกหนักที่เรา ที่ว่าตกหนัก เพราะเรายังไม่มีบ้านค่ะ บ้านที่เราอยู่ปัจจุบันเป็นบ้านพักข้าราชการ ซึ่งได้สิทธิ์อยู่จากตาที่เป็นลูกจ้างของรัฐ แต่ตาเสียไปนานมากแล้ว ดังนั้นเรากับแม่เลยตกลงกันว่า จะช่วยกันทำงานซื้อบ้านให้ยายอยู่ แต่แน่นอนค่ะ พวกญาติๆ กลับคิดว่าสุดท้ายคนต้องซื้อบ้านผ่อนบ้านคงไม่พ้นเราคนเดียว เพราะให้รอความสำเร็จของแม่ ยายเราคงตายก่อน
อย่างวันนี้คือแม่เราวีนทั้งยายทั้งเราบ้านแตกเลยค่ะ เพราะยายเรากันไปหลุดปากพูดว่า เหมือนเราเป็นคนหาเงินเข้าบ้าน แม่ก็อย่าไปรบกวนเงินเรามาก เพราะเราจ่ายค่าแก๊ส ค่าน้ำไฟ ค่าแชร์(ของยาย) ให้ไปแล้ว เท่านั้น แม่เราบึ้ม!! (ปกติแม่เราอารมณ์ร้อน และอีโก้สูงพอตัวอยู่แล้ว) บอกว่า ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เขาทำ ขนาดคนในบ้านยังตั้งแง่อคติกับเขาขนาดนี่ แค่พวกญาติก๋ทับถมเขาจนเขาแค้นมากแล้ว คอยดูถ้าสักวันเขาทำสำเร็จ ยายจะต้องเสียใจ เขาจะเหยียบทุกคนที่เคยดูถูกเขา และอย่าคิดว่าเขาสิ้นไร้ไม้ตอก ถ้าเขาคิดจะจากบ้านไปจริงๆ เขาจะไปไม่กลับมาอีก จะส่งมาแค่เงินเลี้ยงดูยายเท่านั้น คืออีกเยอะค่ะ ที่แม่ระเบิดออกมา
คือเราเข้าใจแม่เรานะคะว่าแกรู้สึกยังไง แกโดนทับถมมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น (จนตอนนี้สี่สิบต้นๆ) แล้วแกบอกอยู่เสมอว่างานออนไลน์ที่แกทำ แกมีความสุข และสักวันมันต้องสำเร็จ แต่เราเองก็เข้าใจยายเรา และแอบคิดถึงตัวเองในอนาคตอันใกล้นี้เหมือนกัน ว่าแล้วถ้าเกิดมันไม่สำเร็จภายในปีสองปีนี้เหมือนที่แม่ลั่นวาจาไว้ล่ะ แม่ชอบพูดเรื่องการยืนระยะ ขายออนไลน์ต้องสม่ำเสมอ และใช้เวลา แต่แม่ขอผัดผ่อนเวลามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปีก่อนว่าขอ 3 เดือนต้องปัง พอพ้น 3 เดือนก็ขออีกสามเดือนต้องปัง (ตอนนั้นยายเราส่องกล้องลำไส้พอดีเลยไม่ได้ว่าอะไรที่แม่จะอยู่บ้านทำออนไลน์ต่อ) แต่พอมาปีใหม่ซึ่งครบกำหนด 3 เดือนอีก แม่ก็บอกว่า จะรอเราหาสมัครงานได้อีก ถ้างวดยี้ไม่ปังแม่จะกลับไปกทม.พร้อมเราเพื่อทำงาน ขอยืนระยะ 120 วัน ถ้าไม่ปัง จะหันไปทำอย่างอื่น แล้วเอาออนไลน์เป็นอาชีพเสริม แต่ส่วนตัวเราเองกลับรู้สึกว่า ถ้ายังไม่ปังก็ต้องมีเรื่องผัดผ่อนไปเรื่อยๆ แบบนี้หรอ แล้วที่คุยกันล่าสุด แม่เริ่มพูดว่า วุฒิเขาไม่สูง อายุก็ปูนนี้แล้ว ไม่มีงานประจำที่ไหนรับเขาหรอก ก็มีแค่งานแม่ค้าแม่ขายออนไลน์นี้แหละ
สรุปที่ร่ายมาเหยียดยาวนี้ เราแค่อยากระบายในฐานะคนเกือบจะกลางระหว่างยายกับแม่เราด้วยส่วนนึง เพราะเราเองก็แอบอยากให้แม่กลับไปลองหางานประจำดู ไม่ได้จะให้ทิ้งงานออนไลน์เลย เพราะงานที่ต้องรอลุ้นว่าจะรวยไม่รวยแบบนี้ กับงานมีเงินเดือน เรารู้สึกว่าอย่างหลังมันโอบอุ้มที่บ้านในระยะอันใกล้ได้ดีกว่า แต่พูดเรื่องนี้ไป แม่ก็จะวีนบ้านแตกอีก เหมือนที่เราพิมพ์ไปข้างบน
คือเราควรจะทำยังไงดีหรอคะ หรือทำได้แค่ปล่อยให้แม่ไล่ล่าความสำเร็จกับออนไลน์ไป แล้วเราก็ไปหางานประจำทำเพื่อเลี้ยงคนทั้งบ้าน คือเลี้ยงอ่ะทำได้ค่ะ เพราะเราแพลนจะเลี้ยงคนทั้งบ้านอยู่แล้ว ถ้าหน้าที่การงานเรามั่นคงอยู่ตัว แต่กับในอนาคตไหนจะหนี้กยศ.เรา หนี้สินที่ติดตัวแม่ แถมต้องเริ่มแพลนคิดหาบ้านช่องห้องหับอยู่ เพราะไม่รู้ว่าหลวงจะไม่ให้เรามีสิทธิ์อยู่ตอนไหน ถ้าใครเคยมีปัญหาทำนองนี้ มาแชร์หรือแนะนำกันได้นะคะ อยากทราบความคิดเห็นของทุกคนค่ะ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในระยะอันใกล้ แต่ก็เป็นปัญหาน่าอึดอัดใจในระยะยาวเหมือนก้น