ทุกครึ่งปีดัชนี SET100 และ SET50 จะมีการปรับเปลี่ยน มีขบวนการขั้นตอนในการคัดเลือกหุ้นที่หลุดจากดัชนีและหุ้นที่ได้รับเลือกให้เข้าใหม่ ซึ่งในครึ่งปีแรกของปี 2567 ในส่วนของดัชนี SET100 มีหุ้นเข้าใหม่ 10 หลักทรัพย์ เป็นหุ้นที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ มาแล้วว่า เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงเน้นหุ้นรายตัว เนื่องจากว่า โครงสร้างจากหุ้นบิ๊กแคปยังถูกแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 ยังคง Underperform ขณะที่หุ้น SET100 ตั้งแต่ต้นปี 2567 แม้ติดลบอยู่ที่ประมาณเฉลี่ย 4% แต่ยัง Outperform เมื่อเทียบกับ SET50
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ้นในกลุ่มบิ๊กแคปอาจจะผิดหวังจากผลประกอบการช่วงปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้มีทิศทางที่คาดว่าจะปรับตัวได้ดีขึ้น อย่าง หุ้น TRUE ที่เริ่มมีการปรับฟื้นตัวขึ้นมา เพราะจะได้ประโยชน์จากวงจรอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ดังนั้นจะเริ่มเห็น หุ้น TRUE MINT จะเริ่ม Outperform ขึ้นมา
รวมถึงหุ้นธีมท่องเที่ยวที่เริ่มขยับ Outperform อย่างหุ้น AWC ซึ่งปีที่ผ่านมาราคาปรับลงไปค่อนข้างมา หลังจากที่ผิดหวังจากการท่องเที่ยว และหุ้นที่อิงดีมานด์จากจีน เช่น TKN AAV และ ERW เริ่มพลิกฟื้นขึ้นมา ทั้งนี้มองว่า ตลาดยังคงเป็นซีเล็คทีฟรายตัว หรือรายธีม
นอกจากนี้หุ้นที่เข้าใหม่ใน SET100 มีด้วยกัน 10 บริษัท มีที่ Outperform ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 5 หลักทรัพย์ ซึ่งโครงสร้างของหุ้นที่ Outperform ส่วนใหญ่มีแนวโน้มว่า ปีนี้ยังเติบโตได้หรือมีการฟื้นตัวขึ้น ขณะที่บางหลักทรัพย์ทิศทาง Earning ยังไม่ได้มีการฟื้นตัวเร็ว หรือ Outlook ยังไม่ชัด จึงทำให้ยังไม่ Outperform เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสะท้อนว่า ภายใต้การลงทุนในปัจจุบันตลาดยังมีการโฟกัสที่หุ้นพื้นฐานรายตัวมากกว่า
โดยแนะนำนักลงทุนว่า ปีนี้ยังเป็นปีที่นักลงทุนอาจจะต้องค่อย ๆ เลือก เพราะหุ้นหลาย ๆ ตัวยังคงซึมซับปัจจัยลบจากปี 2566 ที่ผ่านมา ไปเกือบจะเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นหากหุ้นที่ Outlook เริ่มดีขึ้น อย่างเช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่กระแสเร่งขึ้นอย่างเต็มตัว รวมถึงภาคบริการบริโภคด้วย เพราะดูเหมือนว่า ตัวเลขจากท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย หรือ AOT นักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 4 ของปี 2566 มีการเร่งตัวขึ้นมา ส่งผลให้ภาคของการท่องเที่ยวจะเป็นแรงส่งเชิงบวกให้กับเศรษฐกินบ้านเรา
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทิศทาง SET100 มีโอกาสที่จะสามารถปรับขึ้นมาได้ เพราะมองว่า ปัจจุบันหุ้นไทยปรับลดลงมาอยู่ในจุดที่ค่อนข้างถูกมาก หากดูที่ Valuation ค่อนข้างถูก P/E ของตลาดหุ้นไทยถือว่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14 เท่า เป็นโซนที่ยังไม่ได้แพงมากจนเกินไป
ทั้งนี้ หากพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ โดยปีนี้หลายฝ่ายมีการประเมินว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี จะโตเฉลี่ยได้ 3% ขณะที่ดิจิทัลวอลเล็ตเกิดได้จริงอาจจะโตได้ถึง 3.8% ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือนมกราคม สัญญาณเริ่มเป็นทิศทางบวกมากขึ้น ซึ่งในช่วง 21 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยเฉลี่ยประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งหากคาดการณ์ทั้งเดือนมกราคม น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 - 2.9 ล้านคน น่าจะพอคาดหวังได้ หากเทียบกับปีที่ผ่านมาจะเติบโตอยู่ที่ 35%
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐานลงมา มีความกังวลเรื่องของผลประกอบการหุ้นกลุ่มแบงก์ แต่หลังจากนี้คาดว่า ทิศทางจะเริ่มค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น
ส่วนหุ้นเข้าใหม่ SET100 ในรอบล่าสุด ที่มีความน่าสนใจ มองเป็นหุ้น ITC ที่น่าสนใจคือ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสัตว์เลี้ยง ปัจจุบัน กลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังปัญหาการเคลียร์สินค้าเริ่มหมดไป นอกจากนี้ ITC ยังมีการเปิดโรงงานใหม่ที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 19% ในช่วง ไตรมาส 2/67 นี้อีกด้วย ขณะที่ผลประกอบการงวด ไตรมาส 4/66 คาดว่าจะเห็นการเติบโตจากไตรมาส 3/66 ได้ หลังจากลูกค้ามีการสั่งไปเพื่อขายในช่วงปลายปี ซึ่งสอดคล้องกับยอดการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยที่ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. มีการเติบโตประมาณ 2% ทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งเราคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 785 ล้านบาท
และในปีนี้คาดว่า ITC รายได้รวมจะยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าหลักที่ปัญหาสต๊อกล้นคลี่คลายแล้ว รวมถึงยังมีสินค้าใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก นอกจากนี้ ITC เองจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/67 ที่จะช่วยเพิ่มประเภทของสินค้าให้หลากหลายขึ้นได้
ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจตรวจสอบ 10 หุ้นเข้าใหม่ดัชนี SET100 ในช่วงเดือนแรกของปี 2567 มีการเปลี่ยนแปลงอัตราผลตอบแทนด้านราคาอย่างไรบ้าง
1.บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN
มาร์เก็ตแคป 15,042.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 11.00 บาท
ราคา YTD +14.74%
P/E 21.58 เท่า
บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้งเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/66 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง และทำให้ทั้งปีขยายตัวในอัตรา 20% โดยยังคงมุ่งมั่นบุกตลาดในประเทศ รวมถึงตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกาปรับเพิ่มราคาขาย รับมือต้นทุนสาหร่ายเพิ่ม
โดยไตรมาส 4/66 บริษัทได้ปรับราคาขายในต่างประเทศ 5-7% นอกจากนี้ ปี 2567 เตรียมเปิดธุรกิจร้านอาหาร หมูกะทะ 71 ซึ่งมีแผนจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 สาขาในปีนี้
2.บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI
มาร์เก็ตแคป 22,360.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 17.50 บาท
ราคา YTD +9.55%
P/E 22.40 เท่า
บล. กรุงศรี พัฒนสิน เปิดเผยวว่า หุ้น ICHI รับปัจจัยบวกหน้าร้อนปี 2567 มีแนวโน้มมากกว่าปีก่อน หนุน Upside นอกจากนี้ท่องเที่ยวเริ่มมีสัญญาณฟื้นเร่ง ผสานระยะกลางมีปัจจัยหนุนหลายด้านทั้งการลงนามฟรีวีซ่า ไทย-จีนถาวรชัดเจนต้น ก.พ. และการต่อยอดความร่วมมือหลักอื่นๆ อาทิ ยุโรป นายกรัฐมนตรีได้มีการผลักดัน ฟรีเชงเก้นวีซ่าให้คนไทย และอินเดีย เพิ่มเที่ยวบิน
3.บมจ. เอสไอเอสบี หรือ SISB
มาร์เก็ตแคป 33,605.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 37.00 บาท
ราคา YTD +0.70%
P/E 58.82 เท่า
บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หุ้น SISB ได้รับประโยชน์จากการขยายฐานผลิตออกจากจีน โดยตลาดอาจให้ความสำคัญประเด็นดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เมื่อการเลือกตั้งสหรัฐใกล้เข้ามา ทำให้นักลงทุนจับตาประเด็น trade war อีกครั้ง ปัจจุบันนักเรียนจีนคิดเป็นราว 90% ของนักเรียนต่างชาติของ SISB โดยนักเรียนต่างชาตมีสัดส่วน 20% ของนักเรียนของ SISB ทั้งหมด นอกจากนี้คาดว่ากำไรไตรมาส 4/2566 จะอยู่ที่ 185 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากรายได้ค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้นตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น
4.บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) หรือ TOA
มาร์เก็ตแคป 45,652.50 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 22.40 บาท
ราคา YTD -0.44%
P/E 19.75 เท่า
ล่าสุด TOA จับมือกับ โรงพยาบาล ธนบุรี ชูองค์กรต้นแบบความยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมสีรักษ์โลก มาตรฐาน TOA GREEN CERTIFIED ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีทาภายใน TOA Organic Care ที่โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองเลือกใช้ เป็นสีที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ได้รับการรับรองมาตรฐาน USDA สหรัฐอเมริกา ช่วยลดสารพิษก่อมะเร็ง ไร้สารก่อภูมิแพ้ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจาก ประเทศออสเตรเลีย ยับยั้งเชื้อโรคแบคทีเรียได้กว่า 99.99% และยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A , B และโรคมือเท้าปาก ได้ถึง 99% สามารถทาช่วงเช้าและเข้าอยู่ได้ในช่วงเย็น จึงเหมาะกับงานรีโนเวท
5.บมจ. เซ็ปเป้ หรือ SAPPE
มาร์เก็ตแคป 26,204.57 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 86.75 บาท
ราคา YTD -1.73%
P/E 24.71 เท่า
บล.ไอร่า เปิดเผยว่า หุ้น SAPPE คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/66 เติบโตสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นพร้อมต้นทุน PET Resin ยังเป็นขาลง ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดจะออกมาเพิ่มขึ้น 70.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และในส่วนของปี 2567 จะได้ยอดขายจากสินค้าใหม่ 20SKUs ทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ โดยผู้บริหารประเมินยอดขายเติบโตต่อ 20-25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
6.บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ MOSHI
มาร์เก็ตแคป 16,912.50 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 52.25 บาท
ราคา YTD -4.21%
P/E 45.88 เท่า
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า MOSHI คาดว่าแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 4/66 มีโอกาสขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล เช่น คริสต์มาส ปีใหม่หนุนความต้องการสินค้า
7.บมจ. อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS
มาร์เก็ตแคป 37,875.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 151.50 บาท
ราคา YTD -5.31%
P/E 13.25 เท่า
บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า AEONTS รายงานกำไรสุทธิเดือน ก.ย. -พ.ย.2566 ที่ 706 ล้านบาท ลดลง 16% QoQ และ 36%YoY สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบล.กสิกรไทย และประมาณการของตลาด กำไรที่ลดลงเชิง QoQ มาจากการไม่มีกำไรจากการขายหนี้เสีย หรือ NPL 167 ล้านบาท ในไตรมาส 2QFY67 และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่สูงขึ้นเป็น 43% ในไตรมาส 3QFY67 จาก 41% ในไตรมาส 2QFY67
ขณะที่กำไรที่ลดลงอย่างมากเชิง YoY เกิดจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM ที่ลดลงตามต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรช่วง 9 เดือนแรกของ FY2567 คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรทั้งปี FY2567 ของบล.กสิกรไทย ที่ 2.9 พันล้านบาทหรือ -24% YoY และคาดว่ากำไร 4QFY67 จะเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY จากกำไรจากการขาย NPL และสินเชื่อที่สูงขึ้น เราคงคำแนะนำ "ถือ" และราคาเป้าหมายเดิมที่ 158 บาท
8.บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M
มาร์เก็ตแคป 33,151.61 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 36.75 บาท
ราคา YTD -9.43%
P/E 22.20 เท่า
บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า หรือ M แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2566 จะฟื้นตัวและขยับขึ้นเป็นจุดสูงสุดของปีเพราะ High season ของธุรกิจ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 โต 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 16.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ
9.บมจ. ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ITC
มาร์เก็ตแคป 55,500.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 18.10 บาท
ราคา YTD -12.32%
P/E 25.40 เท่า
บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 1/67 เป็นช่วง lower season โดยเฉพาะเดือน ม.ค. แต่คาด ก.พ. ยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นตามสัญญาณที่บริษัทเจอ ขณะที่ราคาปลาทูน่าที่ลดลง เป็นบวกกับกำไร แม้ว่าบริษัทอาจต้องปรับราคาขายลงตามในอนาคต แต่สินค้าที่ราคาที่ไม่แพง จะมีโอกาสได้ปริมาณการขายเพิ่ม ผู้บริหารยังมองว่าจะยังมีการขึ้นราคาขายได้ 2-3% ในปี 2567 เพราะมีลูกค้าสัญญาระยะยาวบางเจ้าที่ปีที่แล้ว ไม่ได้ปรับราคา และน่าจะต้องปรับปีนี้
ขณะที่ความเสี่ยงยังคงต้องจับตาวิกฤตทะเลแดง ที่ทำให้ค่าขนส่งและเวลาขนส่งเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายวิจัยคาดว่า ผลกระทบจะออกมาใน 2 รูป
แบบ คือ 1. ลูกค้ารีบสั่งของไปก่อน และ 2. ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อก่อน เพื่อดูสถานการณ์
10.บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย หรือ RBF
มาร์เก็ตแคป 25,600.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 12.50 บาท
ราคา YTD -12.33%
P/E 42.43 เท่า
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มหุ้น RBF การขยายตัวแข็งแกร่งของกลุ่มวัสดุแต่งสีกลิ่นรส ซึ่งเป็นกลุ่มที่มี GPM สูงที่สุดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ GPM ของ RBF เพิ่มขึ้นในปี 2567F นอกจากนี้ ราคาแป้งสาลีที่ลดลงก็น่าจะช่วยสนับสนุน GPM ของกลุ่มแป้งชุบทอดได้อย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็นประมาณ 30% ของ COGS ในกลุ่มนี้)
โดยราคาข้าวสาลีในตลาดโลกใน 4QTD66 ลดลง 30% YoY และ 3% QoQ เหลือ US$5.76/bushel ยิ่งไปกว่านั้นโรงงานแห่งใหม่ของ RBF ในประเทศอินโดนีเซียที่จะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนธันวาคม และในประเทศอินเดียที่จะเริ่มเปิดดำเนินการใน 2H67
เช็ก 10 หุ้น เข้า SET100 ใหม่ปี 2567 ผลงาน YTD พุ่งแรงสุดเฉียด 15%
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงเน้นหุ้นรายตัว เนื่องจากว่า โครงสร้างจากหุ้นบิ๊กแคปยังถูกแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 ยังคง Underperform ขณะที่หุ้น SET100 ตั้งแต่ต้นปี 2567 แม้ติดลบอยู่ที่ประมาณเฉลี่ย 4% แต่ยัง Outperform เมื่อเทียบกับ SET50
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ้นในกลุ่มบิ๊กแคปอาจจะผิดหวังจากผลประกอบการช่วงปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้มีทิศทางที่คาดว่าจะปรับตัวได้ดีขึ้น อย่าง หุ้น TRUE ที่เริ่มมีการปรับฟื้นตัวขึ้นมา เพราะจะได้ประโยชน์จากวงจรอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ดังนั้นจะเริ่มเห็น หุ้น TRUE MINT จะเริ่ม Outperform ขึ้นมา
รวมถึงหุ้นธีมท่องเที่ยวที่เริ่มขยับ Outperform อย่างหุ้น AWC ซึ่งปีที่ผ่านมาราคาปรับลงไปค่อนข้างมา หลังจากที่ผิดหวังจากการท่องเที่ยว และหุ้นที่อิงดีมานด์จากจีน เช่น TKN AAV และ ERW เริ่มพลิกฟื้นขึ้นมา ทั้งนี้มองว่า ตลาดยังคงเป็นซีเล็คทีฟรายตัว หรือรายธีม
นอกจากนี้หุ้นที่เข้าใหม่ใน SET100 มีด้วยกัน 10 บริษัท มีที่ Outperform ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 5 หลักทรัพย์ ซึ่งโครงสร้างของหุ้นที่ Outperform ส่วนใหญ่มีแนวโน้มว่า ปีนี้ยังเติบโตได้หรือมีการฟื้นตัวขึ้น ขณะที่บางหลักทรัพย์ทิศทาง Earning ยังไม่ได้มีการฟื้นตัวเร็ว หรือ Outlook ยังไม่ชัด จึงทำให้ยังไม่ Outperform เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสะท้อนว่า ภายใต้การลงทุนในปัจจุบันตลาดยังมีการโฟกัสที่หุ้นพื้นฐานรายตัวมากกว่า
โดยแนะนำนักลงทุนว่า ปีนี้ยังเป็นปีที่นักลงทุนอาจจะต้องค่อย ๆ เลือก เพราะหุ้นหลาย ๆ ตัวยังคงซึมซับปัจจัยลบจากปี 2566 ที่ผ่านมา ไปเกือบจะเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นหากหุ้นที่ Outlook เริ่มดีขึ้น อย่างเช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่กระแสเร่งขึ้นอย่างเต็มตัว รวมถึงภาคบริการบริโภคด้วย เพราะดูเหมือนว่า ตัวเลขจากท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย หรือ AOT นักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 4 ของปี 2566 มีการเร่งตัวขึ้นมา ส่งผลให้ภาคของการท่องเที่ยวจะเป็นแรงส่งเชิงบวกให้กับเศรษฐกินบ้านเรา
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทิศทาง SET100 มีโอกาสที่จะสามารถปรับขึ้นมาได้ เพราะมองว่า ปัจจุบันหุ้นไทยปรับลดลงมาอยู่ในจุดที่ค่อนข้างถูกมาก หากดูที่ Valuation ค่อนข้างถูก P/E ของตลาดหุ้นไทยถือว่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14 เท่า เป็นโซนที่ยังไม่ได้แพงมากจนเกินไป
ทั้งนี้ หากพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ โดยปีนี้หลายฝ่ายมีการประเมินว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี จะโตเฉลี่ยได้ 3% ขณะที่ดิจิทัลวอลเล็ตเกิดได้จริงอาจจะโตได้ถึง 3.8% ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือนมกราคม สัญญาณเริ่มเป็นทิศทางบวกมากขึ้น ซึ่งในช่วง 21 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยเฉลี่ยประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งหากคาดการณ์ทั้งเดือนมกราคม น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 - 2.9 ล้านคน น่าจะพอคาดหวังได้ หากเทียบกับปีที่ผ่านมาจะเติบโตอยู่ที่ 35%
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ตลาดหุ้นปรับฐานลงมา มีความกังวลเรื่องของผลประกอบการหุ้นกลุ่มแบงก์ แต่หลังจากนี้คาดว่า ทิศทางจะเริ่มค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น
ส่วนหุ้นเข้าใหม่ SET100 ในรอบล่าสุด ที่มีความน่าสนใจ มองเป็นหุ้น ITC ที่น่าสนใจคือ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารสัตว์เลี้ยง ปัจจุบัน กลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังปัญหาการเคลียร์สินค้าเริ่มหมดไป นอกจากนี้ ITC ยังมีการเปิดโรงงานใหม่ที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 19% ในช่วง ไตรมาส 2/67 นี้อีกด้วย ขณะที่ผลประกอบการงวด ไตรมาส 4/66 คาดว่าจะเห็นการเติบโตจากไตรมาส 3/66 ได้ หลังจากลูกค้ามีการสั่งไปเพื่อขายในช่วงปลายปี ซึ่งสอดคล้องกับยอดการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยที่ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. มีการเติบโตประมาณ 2% ทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งเราคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 785 ล้านบาท
และในปีนี้คาดว่า ITC รายได้รวมจะยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าหลักที่ปัญหาสต๊อกล้นคลี่คลายแล้ว รวมถึงยังมีสินค้าใหม่ที่เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก นอกจากนี้ ITC เองจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/67 ที่จะช่วยเพิ่มประเภทของสินค้าให้หลากหลายขึ้นได้
ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจตรวจสอบ 10 หุ้นเข้าใหม่ดัชนี SET100 ในช่วงเดือนแรกของปี 2567 มีการเปลี่ยนแปลงอัตราผลตอบแทนด้านราคาอย่างไรบ้าง
1.บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN
มาร์เก็ตแคป 15,042.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 11.00 บาท
ราคา YTD +14.74%
P/E 21.58 เท่า
บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้งเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/66 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง และทำให้ทั้งปีขยายตัวในอัตรา 20% โดยยังคงมุ่งมั่นบุกตลาดในประเทศ รวมถึงตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกาปรับเพิ่มราคาขาย รับมือต้นทุนสาหร่ายเพิ่ม
โดยไตรมาส 4/66 บริษัทได้ปรับราคาขายในต่างประเทศ 5-7% นอกจากนี้ ปี 2567 เตรียมเปิดธุรกิจร้านอาหาร หมูกะทะ 71 ซึ่งมีแผนจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 สาขาในปีนี้
2.บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI
มาร์เก็ตแคป 22,360.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 17.50 บาท
ราคา YTD +9.55%
P/E 22.40 เท่า
บล. กรุงศรี พัฒนสิน เปิดเผยวว่า หุ้น ICHI รับปัจจัยบวกหน้าร้อนปี 2567 มีแนวโน้มมากกว่าปีก่อน หนุน Upside นอกจากนี้ท่องเที่ยวเริ่มมีสัญญาณฟื้นเร่ง ผสานระยะกลางมีปัจจัยหนุนหลายด้านทั้งการลงนามฟรีวีซ่า ไทย-จีนถาวรชัดเจนต้น ก.พ. และการต่อยอดความร่วมมือหลักอื่นๆ อาทิ ยุโรป นายกรัฐมนตรีได้มีการผลักดัน ฟรีเชงเก้นวีซ่าให้คนไทย และอินเดีย เพิ่มเที่ยวบิน
3.บมจ. เอสไอเอสบี หรือ SISB
มาร์เก็ตแคป 33,605.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 37.00 บาท
ราคา YTD +0.70%
P/E 58.82 เท่า
บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หุ้น SISB ได้รับประโยชน์จากการขยายฐานผลิตออกจากจีน โดยตลาดอาจให้ความสำคัญประเด็นดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เมื่อการเลือกตั้งสหรัฐใกล้เข้ามา ทำให้นักลงทุนจับตาประเด็น trade war อีกครั้ง ปัจจุบันนักเรียนจีนคิดเป็นราว 90% ของนักเรียนต่างชาติของ SISB โดยนักเรียนต่างชาตมีสัดส่วน 20% ของนักเรียนของ SISB ทั้งหมด นอกจากนี้คาดว่ากำไรไตรมาส 4/2566 จะอยู่ที่ 185 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากรายได้ค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้นตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น
4.บมจ. ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) หรือ TOA
มาร์เก็ตแคป 45,652.50 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 22.40 บาท
ราคา YTD -0.44%
P/E 19.75 เท่า
ล่าสุด TOA จับมือกับ โรงพยาบาล ธนบุรี ชูองค์กรต้นแบบความยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมสีรักษ์โลก มาตรฐาน TOA GREEN CERTIFIED ซึ่งเป็นนวัตกรรมสีทาภายใน TOA Organic Care ที่โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองเลือกใช้ เป็นสีที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ได้รับการรับรองมาตรฐาน USDA สหรัฐอเมริกา ช่วยลดสารพิษก่อมะเร็ง ไร้สารก่อภูมิแพ้ ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจาก ประเทศออสเตรเลีย ยับยั้งเชื้อโรคแบคทีเรียได้กว่า 99.99% และยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A , B และโรคมือเท้าปาก ได้ถึง 99% สามารถทาช่วงเช้าและเข้าอยู่ได้ในช่วงเย็น จึงเหมาะกับงานรีโนเวท
5.บมจ. เซ็ปเป้ หรือ SAPPE
มาร์เก็ตแคป 26,204.57 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 86.75 บาท
ราคา YTD -1.73%
P/E 24.71 เท่า
บล.ไอร่า เปิดเผยว่า หุ้น SAPPE คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/66 เติบโตสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นพร้อมต้นทุน PET Resin ยังเป็นขาลง ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดจะออกมาเพิ่มขึ้น 70.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน และในส่วนของปี 2567 จะได้ยอดขายจากสินค้าใหม่ 20SKUs ทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ โดยผู้บริหารประเมินยอดขายเติบโตต่อ 20-25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
6.บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ MOSHI
มาร์เก็ตแคป 16,912.50 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 52.25 บาท
ราคา YTD -4.21%
P/E 45.88 เท่า
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า MOSHI คาดว่าแนวโน้มกำไรงวดไตรมาส 4/66 มีโอกาสขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล เช่น คริสต์มาส ปีใหม่หนุนความต้องการสินค้า
7.บมจ. อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS
มาร์เก็ตแคป 37,875.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 151.50 บาท
ราคา YTD -5.31%
P/E 13.25 เท่า
บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า AEONTS รายงานกำไรสุทธิเดือน ก.ย. -พ.ย.2566 ที่ 706 ล้านบาท ลดลง 16% QoQ และ 36%YoY สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบล.กสิกรไทย และประมาณการของตลาด กำไรที่ลดลงเชิง QoQ มาจากการไม่มีกำไรจากการขายหนี้เสีย หรือ NPL 167 ล้านบาท ในไตรมาส 2QFY67 และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่สูงขึ้นเป็น 43% ในไตรมาส 3QFY67 จาก 41% ในไตรมาส 2QFY67
ขณะที่กำไรที่ลดลงอย่างมากเชิง YoY เกิดจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM ที่ลดลงตามต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำไรช่วง 9 เดือนแรกของ FY2567 คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรทั้งปี FY2567 ของบล.กสิกรไทย ที่ 2.9 พันล้านบาทหรือ -24% YoY และคาดว่ากำไร 4QFY67 จะเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY จากกำไรจากการขาย NPL และสินเชื่อที่สูงขึ้น เราคงคำแนะนำ "ถือ" และราคาเป้าหมายเดิมที่ 158 บาท
8.บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M
มาร์เก็ตแคป 33,151.61 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 36.75 บาท
ราคา YTD -9.43%
P/E 22.20 เท่า
บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า หรือ M แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2566 จะฟื้นตัวและขยับขึ้นเป็นจุดสูงสุดของปีเพราะ High season ของธุรกิจ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 โต 19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 16.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ
9.บมจ. ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ITC
มาร์เก็ตแคป 55,500.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 18.10 บาท
ราคา YTD -12.32%
P/E 25.40 เท่า
บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 1/67 เป็นช่วง lower season โดยเฉพาะเดือน ม.ค. แต่คาด ก.พ. ยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นตามสัญญาณที่บริษัทเจอ ขณะที่ราคาปลาทูน่าที่ลดลง เป็นบวกกับกำไร แม้ว่าบริษัทอาจต้องปรับราคาขายลงตามในอนาคต แต่สินค้าที่ราคาที่ไม่แพง จะมีโอกาสได้ปริมาณการขายเพิ่ม ผู้บริหารยังมองว่าจะยังมีการขึ้นราคาขายได้ 2-3% ในปี 2567 เพราะมีลูกค้าสัญญาระยะยาวบางเจ้าที่ปีที่แล้ว ไม่ได้ปรับราคา และน่าจะต้องปรับปีนี้
ขณะที่ความเสี่ยงยังคงต้องจับตาวิกฤตทะเลแดง ที่ทำให้ค่าขนส่งและเวลาขนส่งเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายวิจัยคาดว่า ผลกระทบจะออกมาใน 2 รูป
แบบ คือ 1. ลูกค้ารีบสั่งของไปก่อน และ 2. ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อก่อน เพื่อดูสถานการณ์
10.บมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย หรือ RBF
มาร์เก็ตแคป 25,600.00 ล้านบาท
ราคาปิด 29 ม.ค.67 ที่ 12.50 บาท
ราคา YTD -12.33%
P/E 42.43 เท่า
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มหุ้น RBF การขยายตัวแข็งแกร่งของกลุ่มวัสดุแต่งสีกลิ่นรส ซึ่งเป็นกลุ่มที่มี GPM สูงที่สุดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ GPM ของ RBF เพิ่มขึ้นในปี 2567F นอกจากนี้ ราคาแป้งสาลีที่ลดลงก็น่าจะช่วยสนับสนุน GPM ของกลุ่มแป้งชุบทอดได้อย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็นประมาณ 30% ของ COGS ในกลุ่มนี้)
โดยราคาข้าวสาลีในตลาดโลกใน 4QTD66 ลดลง 30% YoY และ 3% QoQ เหลือ US$5.76/bushel ยิ่งไปกว่านั้นโรงงานแห่งใหม่ของ RBF ในประเทศอินโดนีเซียที่จะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนธันวาคม และในประเทศอินเดียที่จะเริ่มเปิดดำเนินการใน 2H67