ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในสังคมเหมือนกันกับคนอื่น ๆ ตามปกติ แต่ผมก็เกิดคิดขึ้นมาว่าการที่พวกเราทุกคนต้องคอยดิ้นรนทำงานหารายรับมาใช้จ่ายกับสภาวะที่ราคาสินค้าต่างๆค่อนข้างแพง แต่ดันสวนทางกับปริมาณรายได้ที่เรามีมากขนาดนี้ มันเป็นเพราะพวกเราถูกกดขี่เอารัดเอาดปรียบจากเหล่าผู้มีอำนาจที่เอื้อประโยชน์ให้เหล่าผู้ที่มั่งคั่งกำหนดส่วนแบ่งทางการตลาดที่ใหญ่กำหนดราคาสินค้าและบริการต่างๆที่แพงและขูดรีดเงินจากผู้บริโภคเข้าหาตัวเองเป็นผลกำไรอันมากมายมหาศาลหรือเปล่า อย่างเช่นการควบรวมของบริษัทโทรคมนาคม 2 เจ้าใหญ่โดยการอนุมัติขององค์กรหนึ่ง ที่รวมกันแล้วอ้างว่าร่วมพัฒนาให้ดีขึ้นแต่แท้ที่จริงมันคือการเพิ่มมูลค่าบริษัทของตัวเองและเอาพวกศักยภาพต่างๆที่บริษัทนั้นมีมาเป็นของตัวเองตามแนวทางธุรกิจโดยทั่วไป (ที่ไม่ปกติในเคสนี้คือน้อยรายมาก) ซึ่งมันเป็นการลดจำนวนคู่แข่งในตลาดให้น้อยลงและมีอำนาจในการกำหนดราคามากขึ้นแต่คุณภาพห่วยลง ค่าบริการของหลายๆคนก็มีการเพิ่มราคาขึ้นมา และแน่นอนการเพิ่มขึ้นของราคาแบบนี้มันก็มีผลกระทบต่อรายจ่ายของแต่ละคนในชีวิตประจำวันอีก แค่ค่าบริการโทรศัพท์มือถือแพงขึ้นก็แย่แล้ว ยังไม่นับรวมค่าอื่น ๆ อีก หรือจะเป็นการที่เกษตรกรถูกกดราคาพืชผลจากเหล่าคนรวยคนกลางอีกและอีกสารพัดการเอารัดเอาดปรียบมากมายจากคนเหล่านั้น ด้วยประเด็นนี้ผมมองว่ามันคือการสะท้อนภาพของการที่เหล่าชนชั้นนำอย่างนักธุรกิจและเหล่าผู้มีอำนาจต่างฮั้วผลประโยชน์ซึ่งกันและกันจนทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนข้างล่างที่ทำงานหาเช้ากินค่ำหาเงินมาใช้จ่ายเลี้ยงชีพตัวเองแย่ลง คนที่เกิดมาเป็นคนชั้นล่างต่างก็ถูกว่าเป็นเวรกรรมที่เกิดมาจน แต่จริงๆที่ชีวิตเขาเป็นแบบนั้นมันเพราะเวรกรรมหรือโครงสร้างทางสังคมที่คนข้างบนต่างเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันจนทำให้คนข้างล่างถูกเอารัดเอาเปรียบกันแน่ ? ไหนจะเรื่องการทุจริตของเหล่าคนข้างบนที่ทำให้การทำงานเพื่อส่วนรวมเน่าเฟะจนคนไม่ได้รับการบริการอย่างที่ควรจพได้รับอีก
ทุกคนว่าชีวิตของคนข้างล่างอย่างพวกเราถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนบางกลุ่มอยู่หรือเปล่าครับ