เนื่องจากกระทู้นี้ไปโพสต์ไว้ใน Tag พุทธศาสนา เท่านั้น มุสลิมส่วนมากจึงไม่มีโอกาสได้เห็นและอ่านเนื้อเรื่อง ความเป็นไปของกระทู้ ซึ่งสำคัญมากสำหรับ เยาวชนมุสลิมจะต้องเข้าใจ ผมจึงนำเสนอในที่นี้ อีกครั้ง เพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามและพุทธศาสนาที่ถูกต้อง
ถึงเจ้าของกระทู้ สมาชิกหมายเลข 5974632
เท่าที่ผมอ่านดู จขกท. คุณก็ปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอิสลาม ที่ให้สิทธิในการนับถือศาสนาไม่มีการบังคับในความศรัทธา อิสลามได้ชี้ให้เห็นอย่างแน่ชัดแล้วว่า ทางใดที่ถูกต้อง และทางใดที่มนุษย์จะมีโอกาศที่จะทำชั่วได้ ผมเข้าใจที่คุณนำมาใน Tag พุทธศาสนา ก็เพราะคุณต้องการความอบอุ่นทางใจ และเป็นที่ยอมรับในสังคม ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ ถ้าคุณจะนับถือพุทธศาสนา คุณควรจะถืออย่างถูกต้อง เพื่อคุณจะไม่เสียใจ และเสียความดีที่คุณเคยทำต่ออัลลอฮ์ ขณะที่คุณนับถือศาสนาอิสลาม เมื่อคุณเข้าถึงพุทธศาสนาอย่างถูกต้องคุณจะเห็นได้ว่า พุทธศาสนาไม่ได้สอนในเรื่องเหล่านี้คือ:
พระพุทธองค์ไม่เคยสอนให้พุทธสมาชิกกราบเคารพเจว็ด ซึ่งเป็นเรื่องของความงมงายของผู้ที่ไม่ใช้ปัญญาในการนับถือพุทธศาสนา พระพุทธองค์กราบบูชาความดี ธรรมของพระองค์ที่ได้ทรงทรงเทศนา ซึ่งไม่มีรูปร่าง และเป็นความดีสิ่งเดียวที่ชนะความชั่ว (ชัยตอน) ทั้งหลายได้ เป็นแนวทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้องของมนุษย์ในสมัยนั้น พระองค์ไม่กราบไหว้เจว็ดของศาสนาพราหมณ์ แต่พระพุทธองค์ทรงกราบไหว้ ธรรมของพระองค์ (“อย่างกระนั้นเลย เราควรสักการะเคารพธรรมที่เราตรัสรู้นั่นแหละ แล้วอาศัยอยู่”
พระธรรม คือธรรมที่ใช้ในความหมายว่า หลักคำสอนในทางศาสนา โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา พระธรรมจัดเป็นรัตนะหนึ่งในสามรัตนะ นั้นก็คือพระพุทธองค์ทรงกราบไหว้สักการะความดี สิ่งดี
ธรรม ที่หมายถึงสิ่งดี คุณความดี ความจริง ความถูกต้อง สิ่งของที่ดี และหลักปฏิบัติทางศาสนา ได้แก่ กุศลธรรม เมตตาธรรม สัจธรรม ยุติธรรม ธรรม
กุศลธรรม เมตตาธรรม สัจธรรม ยุติธรรม ธรรม ซึ่งธรรมเหล่านี้สามารถที่จะเอาชนะ อกุศลธรรม หรือ บาปธรรม ซึ่งตรงกับที่ อัลลอฮ์ทรงบอกให้มนุษย์ทราบว่า, ความดีทั้งหลายอันเป็นกุศลธรรมนั้นมาจากอัลลอฮ์ ส่วนอกุศลธรรม (ความชั่วช้า และความหายนะต่างๆนั้นมาจาก "กรรม" (การกระทำ) ของตัวเราเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[ 4:79] Whatever of good befalleth thee (O man) it is from Allah, and whatever of ill befalleth thee it is from thyself. We have sent thee (Muhammad) as a messenger unto mankind and Allah is sufficient as Witness."
เมื่ออ่านดู
สุดยอดความคิดเห็น ที่ว่า,"
มุสลิมแบบคุณหายากครับ รู้จักศึกษาใช้ความคิดวิเคราะห์และตั้งคำถาม" ข้อนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับเพราว่ายังมีมุสลิม ส่วนมากอย่างเช่นตัวผมเอง, คนในครอบครัวทุกๆคนของผม และรวมทั้งมุสลิมทั่วโลกอีกเกือบ สองพันล้านคน ส่วนมากจบการศึกษาดีจากมหาวิทยาลัย ระดับหนึ่งของประเทศไทยและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลก ที่แสดงผลการเรียนและการงานเป็นที่ประจักษ์ในสังคมอย่างดีงาม
มุสลิมเหล่านั้นเขาไม่ฉลาดพอที่จะเข้าใจหลักคำสอนของพุทธศาสนา และผลของพุทธศาสนาที่แสดงออกในสังคมไทยหรือ?
มุสลิมส่วนมากเขาถูกอบรมไม่ให้จ้วงจาบ และดูถูกความศรัทธาของศาสนาอื่นๆ คุณๆจึงไม่เห็น มุสลิมเข้ามายุ่งเกี่ยวเมื่อพุทธศาสนิกชนเขาสนทนากันเรื่องศาสนาและความศรัทธาของชาวพุทธ ทั้งนี้เพื่อมารยาทที่ดีงาม
แต่พุทธสมาชิกบางท่านในที่นี้มีการกระทำตรงกันข้ามกับสมาชืกมุสลิม
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ จขกท. นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม เป็นผู้ที่มีความพยายามในการศึกษาและการศาสนา ในฐานะมุสลิมผู้หนึ่งผมพอจะเข้าใจเหตุผลของการที่เขาออกจากศาสนาอิสลามอย่างไม่ยากเลย การออกของเขาอาจจะเป็นเพียงระยะหนึ่งก็ได้ เมื่อเขาพบว่าพุทธศาสนาให้เสรี ภาพในการนับถือจนถึงเรียกว่าขาดวินัย และปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม เช่นกลุ่มเด็ก 5 คนที่สระแก้วที่เกิดในครอบครัวพุทธศาสนาและในสังคมพุทธศาสนา เมื่อ จขกท. เห็นและใช้เหตุผล เขาอาจจะมองศาสนาอิสลามในแง่บวกได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สังคมมุสลิมเปิดโอกาสให้กับผู้ที่หลงทางเสมอ ผมเองเมื่อมองเห็นมุสลิมที่งมงายจูบกอดก้อนหินดำ ที่เมกกะคร่ำไห้ ด้วยความงมงาย ผมเศร้าใจ ผมสงสารมากและ
ตำหนิการสอนศาสนาที่ผิดหลักการของศาสนาอิสลามในการที่ศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว แต่ปฎิบัติต่อก้อนหินดำที่เคยเป็นเจว็ดของมุชริก อรับมาก่อน ผมคิดว่า จขกท. เมื่อเข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามอย่างถูกต้องแล้ว คุณจะกลับเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามอีกครั้ง ทั้งนี้เพราะว่า
เมื่อเข้ารับอิสลามเป็นมุสลิมแล้วถึงจะออกไปนับถือศาสนาอื่น คุณก็ยังคงเป็นมุสลิมอยู่ แต่ถ้าคุณไปกราบไหว้เจว็ด ก็ถือว่าเป็นการผิดคำสัญญา คำปฏิญาณต่ออัลลอฮ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มุสลิมทุกๆคนปฏิบัติตัวในสังคมมุสลิม นอกจากความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวแล้ว มุสลิมยังต้องทำละหมาดวันละ 5เวลา ถือศีลอดเป็นประจำทุกๆปีๆละ สามสิบวัน และจะต้องจ่ายกุศลทานภาคบังคับปีละครั้ง สำหรับคนที่สามารถทำเท่าที่จะทำได้ และถ้ามีความ สามารถ,ไม่ทิ้งความยากลำบากและหนี้สินให้ผู้อื่นก็ควรที่จะไปเยี่ยมนครเมกกะอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
อัลลอฮ์ได้ประทานกฏบัญญัติสำหรับมนุษย์เพื่ออยู่ร่วมกันด้วยสันติโดยไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไว้ตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล ซึ่งภายหลังศาสนาทั้งหลายก็เอากฏบัญญัติของพระเจ้าที่เป็นมารตฐานในการอยู่ร่วมกันนี้ ใส่ไว้ในคำสอนของทุกๆศาสนาในรูปแบบคำสอนที่ต่างๆกัน สำหรับศาสนาอิสลามนำบัญญัติเหล่านั้นมาเป็นวินัยให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ตามยุคสมัย ซึ่งทำให้ได้ผลในการปรับปรุงสังคมให้ดีขึ้นกว่าทุกๆศาสนาดังนี้:
(
จขกท. จะเห็นได้ว่าในชีวิตประจำวันของมุสลิมนั้น ในสังคมมุสลิมเท่านั้น ที่ถือปฏิบัติข้อห้ามข้างล่างนี้อย่างเคร่งครัด โดยที่ไม่หลอกตัวเอง ที่เรียกว่าผู้กลับกรอก หรือ ภาษาฝรั่งเรียกว่า Hypocrite)
1. ห้ามฆ่าชีวิตมนุษย์อย่างเด็ดขาด นอกจากเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ครอบครัวประทศชาติ
การฆ่าสัตว์ อนุญาตให้ฆ่าเฉพาะสัตว์ที่เป็นอาหารเท่านั้น , การฆ่าสัตว์ ชนิดต่างๆที่เป็นอันตรายต่อสุภาพและชีวิตมนุษย์ไม่ห้าม
2. ห้ามลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการห้ามอย่างเด็ดขาด โทษหนักที่สุดถึงตัดข้อมือ
3. ห้ามประพฤติผิดในกาม ห้ามการมีชู้สู่สม หลับนอนได้กับภรรยาของตัวเองเท่านั้น นอกนั้นถือว่าเป็นการฝ่าฝืน
กฏข้อนี้รวมไปถึง ห้ามการเปิดบริการทางเพศ และห้ามการรับบริการทางเพศทุกๆชนิด เงินจากสถานบริการทางเพศไม่
อาจจะใช้บริจาคในการกุศลใดๆได้ โทษในการคบชู้สู่สาวนี้ รวมถึงการหลับนอนกับแฟนก่อนการแต่งงานตามศาสนา
4. ห้ามโกหก การโกหกถือเป็นบาปอย่างแรง รวมทั้งการทุจริตในธุระกิจการงาน การค้า
(การโกหกเพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัว รวมทั้ง ประเทศชาติเป็นสิ่งที่ทำได้)
5. ห้ามดื่มเครื่องดองของมึนเมา มุสลิมปฏิบัติ ด้วยความเชื่อฟัง 99.999%
มุสลิมผู้ที่เข้าใจหลักการปฏิบัติทางพุทธศาสนาแล้วจะเห็นได้ว่า พุทธศาสนาเป็นเพียงแค่ปรัชญาเท่านั้น เนื่องจากไม่มีวินัยในการบังคับพุทธสมาชิก (ฆารวาส) ให้มีการปฏิบัติตามข้อห้ามดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
สำหรับเรื่องการพ้นทุกข์นั้น ยังไม่เคยมีผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ยืนยันได้ว่ามีผู้ที่พ้นความทุกข์ได้อย่างแท้จริง นอกจากความเชื่อว่า เขาพ้นทุกข์เพราะสิ้นชีวิตไปแล้ว พระพุทธองค์ทรงสอนว่า
"เมื่อรูปขันธ์ดับ ทุกข์ก็ดับตามไปด้วย" เพราะขันธ์ 5 เป็น ต้นเหตุแห่งความทุกข์
เมื่อคุณได้อ่านคำอธิบายโดยสังเขป แล้วจะเห็นว่า การละทิ้งศาสนาอิสลามนั้น คุณทำได้ แต่ความศรัทธาต่อ "อัลลอฮ์" (ความดี) ยังคงติดอยู่ในห้วงลึกของจิตคุณซึ่งไม่อาจจะสละตัดทิ้งได้ เพราะความมีอยู่จริงของอำนาจที่ยิ่งใหญ่นั้นเป็นความจริงและเป็นสัจจกุศลธรรม ตามความศรัทธาของ ศาสนาอิสลาม
(ฮาดีษมุสลิม) อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ประทานความดี (อัล-มุห์ซิน) ชื่อนี้ถูกกล่าวถึงโดยท่านศาสดามูฮัมหมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)
เมื่อท่านกล่าวว่า: “อัลลอฮ์เป็นผู้ประทานความดี และพระองค์ทรงรักบรรดาผู้สำแดงความดี” (อัต-ตะบารานี)
https://www.4theseekeroftruth.com/al-muhsin/
ก่อนที่ "มุสลิม" จะละทิ้งศาสนาอิสลามโปรดทบทวนความเข้าใจอิสลามของท่านเสียก่อน
เท่าที่ผมอ่านดู จขกท. คุณก็ปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอิสลาม ที่ให้สิทธิในการนับถือศาสนาไม่มีการบังคับในความศรัทธา อิสลามได้ชี้ให้เห็นอย่างแน่ชัดแล้วว่า ทางใดที่ถูกต้อง และทางใดที่มนุษย์จะมีโอกาศที่จะทำชั่วได้ ผมเข้าใจที่คุณนำมาใน Tag พุทธศาสนา ก็เพราะคุณต้องการความอบอุ่นทางใจ และเป็นที่ยอมรับในสังคม ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ ถ้าคุณจะนับถือพุทธศาสนา คุณควรจะถืออย่างถูกต้อง เพื่อคุณจะไม่เสียใจ และเสียความดีที่คุณเคยทำต่ออัลลอฮ์ ขณะที่คุณนับถือศาสนาอิสลาม เมื่อคุณเข้าถึงพุทธศาสนาอย่างถูกต้องคุณจะเห็นได้ว่า พุทธศาสนาไม่ได้สอนในเรื่องเหล่านี้คือ:
พระพุทธองค์ไม่เคยสอนให้พุทธสมาชิกกราบเคารพเจว็ด ซึ่งเป็นเรื่องของความงมงายของผู้ที่ไม่ใช้ปัญญาในการนับถือพุทธศาสนา พระพุทธองค์กราบบูชาความดี ธรรมของพระองค์ที่ได้ทรงทรงเทศนา ซึ่งไม่มีรูปร่าง และเป็นความดีสิ่งเดียวที่ชนะความชั่ว (ชัยตอน) ทั้งหลายได้ เป็นแนวทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้องของมนุษย์ในสมัยนั้น พระองค์ไม่กราบไหว้เจว็ดของศาสนาพราหมณ์ แต่พระพุทธองค์ทรงกราบไหว้ ธรรมของพระองค์ (“อย่างกระนั้นเลย เราควรสักการะเคารพธรรมที่เราตรัสรู้นั่นแหละ แล้วอาศัยอยู่”
พระธรรม คือธรรมที่ใช้ในความหมายว่า หลักคำสอนในทางศาสนา โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา พระธรรมจัดเป็นรัตนะหนึ่งในสามรัตนะ นั้นก็คือพระพุทธองค์ทรงกราบไหว้สักการะความดี สิ่งดี ธรรม ที่หมายถึงสิ่งดี คุณความดี ความจริง ความถูกต้อง สิ่งของที่ดี และหลักปฏิบัติทางศาสนา ได้แก่ กุศลธรรม เมตตาธรรม สัจธรรม ยุติธรรม ธรรม
กุศลธรรม เมตตาธรรม สัจธรรม ยุติธรรม ธรรม ซึ่งธรรมเหล่านี้สามารถที่จะเอาชนะ อกุศลธรรม หรือ บาปธรรม ซึ่งตรงกับที่ อัลลอฮ์ทรงบอกให้มนุษย์ทราบว่า, ความดีทั้งหลายอันเป็นกุศลธรรมนั้นมาจากอัลลอฮ์ ส่วนอกุศลธรรม (ความชั่วช้า และความหายนะต่างๆนั้นมาจาก "กรรม" (การกระทำ) ของตัวเราเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่ออ่านดู สุดยอดความคิดเห็น ที่ว่า,"มุสลิมแบบคุณหายากครับ รู้จักศึกษาใช้ความคิดวิเคราะห์และตั้งคำถาม" ข้อนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับเพราว่ายังมีมุสลิม ส่วนมากอย่างเช่นตัวผมเอง, คนในครอบครัวทุกๆคนของผม และรวมทั้งมุสลิมทั่วโลกอีกเกือบ สองพันล้านคน ส่วนมากจบการศึกษาดีจากมหาวิทยาลัย ระดับหนึ่งของประเทศไทยและมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลก ที่แสดงผลการเรียนและการงานเป็นที่ประจักษ์ในสังคมอย่างดีงาม
มุสลิมเหล่านั้นเขาไม่ฉลาดพอที่จะเข้าใจหลักคำสอนของพุทธศาสนา และผลของพุทธศาสนาที่แสดงออกในสังคมไทยหรือ?
มุสลิมส่วนมากเขาถูกอบรมไม่ให้จ้วงจาบ และดูถูกความศรัทธาของศาสนาอื่นๆ คุณๆจึงไม่เห็น มุสลิมเข้ามายุ่งเกี่ยวเมื่อพุทธศาสนิกชนเขาสนทนากันเรื่องศาสนาและความศรัทธาของชาวพุทธ ทั้งนี้เพื่อมารยาทที่ดีงาม แต่พุทธสมาชิกบางท่านในที่นี้มีการกระทำตรงกันข้ามกับสมาชืกมุสลิม
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ จขกท. นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม เป็นผู้ที่มีความพยายามในการศึกษาและการศาสนา ในฐานะมุสลิมผู้หนึ่งผมพอจะเข้าใจเหตุผลของการที่เขาออกจากศาสนาอิสลามอย่างไม่ยากเลย การออกของเขาอาจจะเป็นเพียงระยะหนึ่งก็ได้ เมื่อเขาพบว่าพุทธศาสนาให้เสรี ภาพในการนับถือจนถึงเรียกว่าขาดวินัย และปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม เช่นกลุ่มเด็ก 5 คนที่สระแก้วที่เกิดในครอบครัวพุทธศาสนาและในสังคมพุทธศาสนา เมื่อ จขกท. เห็นและใช้เหตุผล เขาอาจจะมองศาสนาอิสลามในแง่บวกได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สังคมมุสลิมเปิดโอกาสให้กับผู้ที่หลงทางเสมอ ผมเองเมื่อมองเห็นมุสลิมที่งมงายจูบกอดก้อนหินดำ ที่เมกกะคร่ำไห้ ด้วยความงมงาย ผมเศร้าใจ ผมสงสารมากและตำหนิการสอนศาสนาที่ผิดหลักการของศาสนาอิสลามในการที่ศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว แต่ปฎิบัติต่อก้อนหินดำที่เคยเป็นเจว็ดของมุชริก อรับมาก่อน ผมคิดว่า จขกท. เมื่อเข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามอย่างถูกต้องแล้ว คุณจะกลับเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามอีกครั้ง ทั้งนี้เพราะว่า เมื่อเข้ารับอิสลามเป็นมุสลิมแล้วถึงจะออกไปนับถือศาสนาอื่น คุณก็ยังคงเป็นมุสลิมอยู่ แต่ถ้าคุณไปกราบไหว้เจว็ด ก็ถือว่าเป็นการผิดคำสัญญา คำปฏิญาณต่ออัลลอฮ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มุสลิมทุกๆคนปฏิบัติตัวในสังคมมุสลิม นอกจากความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวแล้ว มุสลิมยังต้องทำละหมาดวันละ 5เวลา ถือศีลอดเป็นประจำทุกๆปีๆละ สามสิบวัน และจะต้องจ่ายกุศลทานภาคบังคับปีละครั้ง สำหรับคนที่สามารถทำเท่าที่จะทำได้ และถ้ามีความ สามารถ,ไม่ทิ้งความยากลำบากและหนี้สินให้ผู้อื่นก็ควรที่จะไปเยี่ยมนครเมกกะอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
อัลลอฮ์ได้ประทานกฏบัญญัติสำหรับมนุษย์เพื่ออยู่ร่วมกันด้วยสันติโดยไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไว้ตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล ซึ่งภายหลังศาสนาทั้งหลายก็เอากฏบัญญัติของพระเจ้าที่เป็นมารตฐานในการอยู่ร่วมกันนี้ ใส่ไว้ในคำสอนของทุกๆศาสนาในรูปแบบคำสอนที่ต่างๆกัน สำหรับศาสนาอิสลามนำบัญญัติเหล่านั้นมาเป็นวินัยให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ตามยุคสมัย ซึ่งทำให้ได้ผลในการปรับปรุงสังคมให้ดีขึ้นกว่าทุกๆศาสนาดังนี้:
(จขกท. จะเห็นได้ว่าในชีวิตประจำวันของมุสลิมนั้น ในสังคมมุสลิมเท่านั้น ที่ถือปฏิบัติข้อห้ามข้างล่างนี้อย่างเคร่งครัด โดยที่ไม่หลอกตัวเอง ที่เรียกว่าผู้กลับกรอก หรือ ภาษาฝรั่งเรียกว่า Hypocrite)
1. ห้ามฆ่าชีวิตมนุษย์อย่างเด็ดขาด นอกจากเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ครอบครัวประทศชาติ
การฆ่าสัตว์ อนุญาตให้ฆ่าเฉพาะสัตว์ที่เป็นอาหารเท่านั้น , การฆ่าสัตว์ ชนิดต่างๆที่เป็นอันตรายต่อสุภาพและชีวิตมนุษย์ไม่ห้าม
2. ห้ามลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการห้ามอย่างเด็ดขาด โทษหนักที่สุดถึงตัดข้อมือ
3. ห้ามประพฤติผิดในกาม ห้ามการมีชู้สู่สม หลับนอนได้กับภรรยาของตัวเองเท่านั้น นอกนั้นถือว่าเป็นการฝ่าฝืน
กฏข้อนี้รวมไปถึง ห้ามการเปิดบริการทางเพศ และห้ามการรับบริการทางเพศทุกๆชนิด เงินจากสถานบริการทางเพศไม่
อาจจะใช้บริจาคในการกุศลใดๆได้ โทษในการคบชู้สู่สาวนี้ รวมถึงการหลับนอนกับแฟนก่อนการแต่งงานตามศาสนา
4. ห้ามโกหก การโกหกถือเป็นบาปอย่างแรง รวมทั้งการทุจริตในธุระกิจการงาน การค้า
(การโกหกเพื่อรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัว รวมทั้ง ประเทศชาติเป็นสิ่งที่ทำได้)
5. ห้ามดื่มเครื่องดองของมึนเมา มุสลิมปฏิบัติ ด้วยความเชื่อฟัง 99.999%
มุสลิมผู้ที่เข้าใจหลักการปฏิบัติทางพุทธศาสนาแล้วจะเห็นได้ว่า พุทธศาสนาเป็นเพียงแค่ปรัชญาเท่านั้น เนื่องจากไม่มีวินัยในการบังคับพุทธสมาชิก (ฆารวาส) ให้มีการปฏิบัติตามข้อห้ามดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
สำหรับเรื่องการพ้นทุกข์นั้น ยังไม่เคยมีผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ยืนยันได้ว่ามีผู้ที่พ้นความทุกข์ได้อย่างแท้จริง นอกจากความเชื่อว่า เขาพ้นทุกข์เพราะสิ้นชีวิตไปแล้ว พระพุทธองค์ทรงสอนว่า