“จิรัฏฐ์” ท้า กห. ขอไปถ่ายบ้าน “บิ๊กตู่” ได้ไหม ซัด หยุดโหนทหารชายแดน หากิน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2756762
“จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” อัด กองทัพ หยุดโหนทหารชายแดน หากิน ถาม “สุทิน” กล้าไหม ให้เข้าไปถ่าย บ้าน “บิ๊กตู่-สนามงู-คอนโดนายพล” แฉ “ผบ.ทร” ยอมรับ ทำไอโอเทิดทูนสถาบัน ของบฯ 7.9 ล้านบาท
วันที่ 20 ม.ค. 2567 นาย
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะ กมธ.การทหาร สภาฯ กล่าวถึงกรณีนาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณี
พลอยไพลิน ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ถ่ายทำคลิป “
ทหารมีไว้ทำไม EP.1” ตอน “
ลองใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนเหนือ 3 วัน 2 คืน l ไทย-เมียนมา” นั้นทำนอง หลายกระทรวง ก็ทำประชาสัมพันธ์ปกติ หากทำออกมาแล้วเป็นผลบวกก็ถือเป็นประโยชน์ ว่า ถ้าทุกหน่วยงานราชการทำแบบ นาย
จิรายุ อ้างได้หมด งบแผ่นดินที่ใช้คงมหาศาล กองทัพ ควรตอบเรื่องทหารมีไว้ทำไม ด้วยการกระทำ ไม่ใช่โหนทหารชายแดนหากิน เงินเดือนพวกเขาเหล่านั้นน้อยมาก งานก็หนัก ยังใช้ลา ใช้ล่อ ใช้ม้า ขนส่งเดินทางอยู่เลย คลิปที่น้องพลอยทำควรเอาไปให้บรรดานายพลดู สภาพห้องพักทหารชายแดนบนดอย น่าหดหู่มาก เมื่อเทียบกับงบประมาณกองทัพ ปีละเกือบ 2 แสนล้านบาท และมีช่วงหนึ่งในคลิปน้อง
พลอย ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามซึ่งพื้นที่พม่าว้า ปรากฏว่ามีถนนตัดไปจุดเฝ้าระวังของเขา ใช้เวลา 15 นาที จากทางขึ้น แต่ทางฝั่งไทย ต้องเดินเท้า 2 ชั่วโมง ไหนว่าหน้าที่ทหารตามชายแดนสำคัญ นายพลทั้งหลายของกองทัพ ของกลาโหม ดูแลคนสำคัญแบบนี้หรือ และร้อยเอกหญิง 2 คนตอบคำถามนี้ไปแล้ว ว่า ทหารมีไว้ทำไม มีไว้อำนวยความสะดวกให้ยูทูบเบอร์
นาย
จิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า ฝากตั้งคำถามถึงนาย
สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ที่บอกถ้า มาขอถ่ายทำ กองทัพก็ต้องอำนวยความสะดวก ตนขอตั้งคำถาม ว่า ทหารหญิงยศร้อยเอก 2 คน ที่ ไปถ่ายทำด้วยกับน้อง
พลอย เป็นทหารชั้นสัญญาบัตร เดินทางจาก กทม.บินไป จ.เชียงใหม่ พาไปขึ้นเขาเสร็จ ก็บิน ไป จ.ปัตตานี ต่อ ถ้าตนขอไปถ่ายทำบ้าง กองทัพ หรือ นาย
สุทิน จะอนุญาต พร้อมอำนวยความสะดวก เหมือนเคสน้อง
พลอย หรือไม่ ตนอยากไปถ่ายทำหลายที่ จะอนุญาตหรือไม่ อาทิ คอนโดสำหรับนายพล แถวเกียกกาย มี 18 ชั้น 1 ยูนิต กว้าง 94 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับเเขก ที่จอดรถห้องละ 2 คัน จะไปดูที่อยู่ราคาเป็นล้าน หรูหราเเค่ไหน นายพลอยู่กันอย่างไร มีการแอบปล่อยให้ใครเช่า หรือไม่
นาย
จิรัฏฐ์ ยังกล่าวอีกว่า สถานที่จะขอเข้าไปถ่ายทำต่อมา คือ สนามกอล์ฟ กานตรัตน์ (สนามงู) อยู่ ใจกลางรันเวย์สนามบินดอนเมือง สนามนี้เหล่านายพล ชนชั้นนำ เข้าไปใช้บริการ ซึ่งเป็นสวัสดิการภายใน ไม่ให้คนนอกเข้า นาย
จิรัฏฐ์ พลเรือนธรรมดา ขอเข้าไปถ่ายทำได้หรือไม่ อยากจะไปดูว่าเครื่องบิน จะติดหัวขนาดไหนตอนวาดวงสวิง นาย
สุทิน นาย
จิรายุ หรือกองทัพ รบกวนเเจ้งด้วยว่า ติดต่อ ขออนุญาตที่ใคร จุดไหน และในเมื่อ น้อง
พลอยพาไปดูที่หลับนอนของทหารชายแดน ตนจึงอยากขอ เข้าไปทัวร์ ถ่ายทำบ้านพักของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ในฐานะองคมนตรี ได้หรือไม่ นาย
สุทิน จะตอบเอง หรือให้นายจิรายุ ออกมาตอบ ก็ได้ กล้าอนุญาตหรือไม่ จะอำนวยความสะดวกให้ หรือเปล่า
นาย
จิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า งบลักษณะนี้ ไม่ค่อยโผล่ให้เห็น ตามหลักการสภาฯสามารถตัดทิ้งได้ งบพีอาร์ ไม่รู้กองทัพ ไปแอบ ไปซ่อน ไว้ตรงจุดไหนของงบรัฐ ยิ่งปีนี้ งบ 67 ยิ่งไม่เห็นเลย มีแต่ของงบกองทัพเรือ ที่โชว์หรา เลยว่าเป็นงบรายจ่ายอื่น “
ค่าใช้จ่ายปฏิบัติการจิตวิทยา” ของ “
โครงการเสริมสร้างความเข้าใจและประสานความร่วมมือ” วงเงิน 7,951,500 บาท โดย พล.ร.อ.
อะดุง พันธุ์เอี่ย ผบ.ทร. เป็นคนตอบชี้แจงเมื่อถูก กมธ.งบประมาณ ถามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เป็นไอโอเชิงบวกเพื่อเทิดทูนสถาบัน ไม่ได้ทำไอโอเชิง “
NEGATIVE" หรือเชิงด้อยค่า แบบที่ทำกัน
“
เป็น ผบ.ทร. คนนี้ ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนคุมทีมไอโอด้วยตัวเอง ผมได้เห็นคลิปของทร. ซึ่งในคลิปนั้นเห็น ผบ.ทร.คนนี้ บรรยายบนเวทีพร้อมกับการฉายสไลด์พาวเวอร์พอยท์ประกอบ หลายหัวข้อ อาทิ การสื่อสารกับสาธารณชน กองประชาสัมพันธ์ สลก.ทร. กองประชาสัมพันธ์ กพร.ทร. ทีมโฆษกกองทัพเรือ รวมถึงทีม IO ด้วย เป็นต้น” นาย
จิรัฏฐ์ กล่าว
สุดารัตน์ แนะรบ.ถ้าแจก 1 หมื่นไปไม่รอด ตั้งกองทุนให้กู้ทำทุน ชี้กระตุ้นศก.ได้-ไม่เสี่ยงด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4385465
สุดารัตน์ แนะรบ.ถ้าแจก 1 หมื่น ไปไม่รอด ตั้งกองทุนให้กู้ทำทุน ชี้กระตุ้นศก.ได้-ไม่เสี่ยงด้วย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567 คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง
[ 10,000ทำท่าไปไม่รอด ‘สุดารัตน์’ แนะเปลี่ยนเงินแจกเป็นเครดิตตั้งตัว ] โดยมีเนื้อหาดังนี้
ดิฉันเข้าใจและเห็นใจประชาชนที่รอเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ แต่ขณะนี้ทำท่าว่านโยบายนี้จะไม่สำเร็จ และประชาชนอาจจะไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท
เนื่องจากตอนประกาศนโยบายช่วงหาเสียงไม่ได้ลงมือศึกษารายละเอียดของนโยบายอย่างจริงจัง จึงทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เมื่อจะลงมือปฏิบัติจริง โดยเฉพาะปัญหาด้านงบประมาณ และกฎหมาย กลายเป็นนโยบายหาเสียง ไม่ตรงปก ทำให้ประชาชน อาจต้องผิดหวัง เพราะไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท
ปัจจุบันประเทศไทยมีภาระหนี้สาธารณะที่สูงอยู่แล้วถึงกว่า 60% ของ GDP หรือ 10 ล้านล้านบาท และก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลหากรัฐบาลตัดสินใจสร้างหนี้ขึ้นมาอีก 500,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างความกังวลให้กับบางฝ่ายว่าเงิน 500,000 ล้านบาทจะสามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่? ส่วนรัฐบาลก็มั่นใจว่าเงิน 500,000 ล้านบาทนี้ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งก็ต่างมีเหตุผลทั้งคู่
แต่สิ่งที่คนไทยยังต้องเผชิญในขณะนี้คือปัญหาภาระหนี้สินที่ล้นพ้น ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนถึงร้อยละ 90% ของ GDP หรือกว่า 16 ล้านล้านบาท และหนี้นอกระบบซึ่งเป็นหนี้ของคนรากหญ้าในประเทศที่ยังประเมินไม่ได้ ตัวเงินกู้นอกระบบ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นปัญหาใหญ่ในตอนนี้
ไทยสร้างไทย จึงอยากเสนอแนะให้ เปลี่ยนการแจกเป็นการให้กู้ผ่าน โดยการให้เครดิต ผ่านกองทุนเครดิตประชาชน หรือ กองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นการให้เบ็ดไม่ใช่แจกปลา ให้ทุนในการทำมาหากิน โดยให้กู้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อเดือน รักษาเครดิตได้จะสามารถกู้ได้ถึงหลักแสนบาทเพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง ซึ่งต้นทุนของรัฐบาลอยู่ที่ประมาณ 4% ดังนั้นรัฐบาลยังมีส่วนต่างในการบริหารจัดการความเสี่ยง ไม่ทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง ไม่เป็นภาระหนี้สินของประเทศชาติ และเกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเช่นกัน และยังสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลอยากแก้ไขได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือการช่วยเหลือประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่แจกเงินเป็นครั้งคราว แต่ต้องช่วยให้เขาสามารถลุกขึ้นมาทำมาหากินได้ยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างยั่งยืน โดยการสนับสนุน ทุนความรู้ และตลาด ให้กับคนตัวเล็ก ทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนสามารถตั้งตัวได้สร้างรายได้ เป็นภาษีกลับมาพัฒนาประเทศ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากโตขึ้น ซึ่งจะดันเศรษฐกิจทั้งประเทศให้ขยายตัวโตขึ้น เพื่อเป็นการช่วยคนตัวเล็ก ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความยั่งยืน
https://www.facebook.com/sudaratofficial/posts/pfbid0321HDdPww6Yb3Q33FgLavZJh9oAi6PZdb6rAgMAmqvsVgUkFrjgDemvNcG7r94X7Jl
ส่องความท้าทายปี‘67 ต่างชาติยึดเบ็ดเสร็จ-ทาเลนต์ขาดแคลน
https://www.prachachat.net/ict/news-1483915
กูรูสตาร์ตอัพ ชี้ความท้าทายปี 2567 ต่างชาติยึดเบ็ดเสร็จ-ทาเลนต์ขาดแคลน พร้อมชงผู้ประกอบการไทยสู้ศึกผ่านการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยดิจิทัล
วันที่ 20 มกราคม 2567 ในงานสัมมนา Creative Talk Conference FORECAST 2024 รู้ก่อน เริ่มก่อน เปลี่ยนแปลงก่อน ได้ “
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ“ CEO PaySolutions, Creden.co, Gash.ai และ “
แซม ตันสกุล” กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต ที่ร่วมกันจัดตั้งกองทุน FINNO EFRA FUND เพื่อลงทุนในสตาร์ตอัพด้วยวงเงินตั้งแต่ 5 แสน-60 ล้านบาท มาแบ่งปันเรื่องราวความท้าทายของการทำธุรกิจในปี 2567 ในหัวข้อ “
Entrepreneur Forecast” ในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้
ปรับตัวใช้ระบบอัตโนมัติ
“
ภาวุธ” เปิดเผยว่า จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยในปี 2564 อยู่ที่ 52.2 ล้านคน รวมถึงมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2565 อยู่ที่ 6.2 แสนล้านบาท และมีโอกาสขยายตัวถึง 6.94 แสนล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งปัจจัยหนุนที่สำคัญ คือจำนวนผู้ใช้งานในไทยที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2566 มีอยู่ 41.5 ล้านคน เพิ่มจากปี 2562 ที่มีอยู่ 30.7 ล้านคน
พฤติกรรมของคนไทยสะท้อนแล้วว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต ทำให้ช่องทางออนไลน์ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางหลัก และการทำธุรกิจในยุคนี้ทุกอย่างต้องเชื่อมถึงกันทั้งฝ่ายขาย การตลาด และหลังบ้าน โดยมี CDP (Customer Data Platform) เป็นแพลตฟอร์มกลางในการจัดการข้อมูลของลูกค้า
“
ผู้ประกอบการยุคนี้ควรใช้เครื่องมือด้านดิจิทัลให้เป็น และปรับใช้กับการทำงานในส่วนต่าง ๆ ให้ได้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน สมมติอยากรู้ว่าบริษัทเหลือกระแสเงินสดเท่าไรก็เปิดเช็กเองได้เลยโดยไม่ต้องรอฝ่ายบัญชี“
ด้าน “
แซม“ กล่าวว่า เมื่อผู้ประกอบการนำโซลูชั่นดิจิทัลมาใช้จนชำนาญ สิ่งที่ตามมาแน่ ๆ คือการใช้ AI หรือระบบอัตโนมัติ รวมถึงสิ่งที่คนทำธุรกิจยุคนี้ต้องให้ความสำคัญมากขึ้น คือ ESG และภาษีคาร์บอน ซึ่งส่งผลกระทบกับธุรกิจที่มีการส่งออกโดยตรง
“
AI ยุคนี้เก่งขึ้น เริ่มพยากรณ์พฤติกรรมของลูกค้าได้ หรือคนที่ทำธุรกิจส่งออกก็ควรลงทุนเกี่ยวกับโซลูชั่นต่าง ๆ มากขึ้น สมมติว่าต้องส่งออกสินค้า แต่ไม่มีข้อมูลว่าการผลิตทำให้เกิดคาร์บอนเท่าไร ก็ส่งออกไม่ได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เก็บด้วยมือไม่ไหว ต้องมีโซลูชั่นมาช่วย“
สินค้าจีนทะลัก-อีคอมเมิร์ซแข่งดุ
“
ภาวุธ” กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมาสินค้าจีนทะลักเข้าไทยอย่างหนักผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ถ้าดูจากผลประกอบการของแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะพบว่ามีการเติบโตเรื่อย ๆ เช่น Lazada มีรายได้ในปี 2566 อยู่ที่ 21,470 ล้านบาท กำไร 604 ล้านบาท ขาดทุนสะสม 15,980 ล้านบาท แต่ภาพรวมธุรกิจของ Lazada Group มีกำไรรวมอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท
หรือถ้ามองภาพการแข่งขันในธุรกิจขนส่งที่เชื่อมต่อกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะพบว่า ในปี 2565 บริษัทที่สามารถทำกำไรได้ คือ Shopee Express, Lazada Express และ J&T ที่ส่งสินค้าให้กับ TikTok Shop ซึ่งเป็นบริษัทที่คุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางได้อย่างเบ็ดเสร็จ
“
ผู้ประกอบการไทยกำลังยืมจมูกคนอื่นหายใจ เมื่อก่อนค่าธรรมเนียมการขายบนแพลตฟอร์มแทบไม่มี แต่ตอนนี้คนขายของออนไลน์ถูกเก็บค่าธรรมเนียมเกือบ 7% ในเวลาแค่ 7 เดือน เขากอดคอขึ้นค่าธรรมเนียมเกือบ 150% และยังไม่การควบคุมจากรัฐ“
JJNY : 5in1 “จิรัฏฐ์”ท้ากห.│สุดารัตน์แนะรบ.│ส่องความท้าทายปี‘67│อิหร่านคอนเฟิร์ม│คนญี่ปุ่น 87% ไม่รู้สึกเป็นมิตรกับจีน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2756762
“จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์” อัด กองทัพ หยุดโหนทหารชายแดน หากิน ถาม “สุทิน” กล้าไหม ให้เข้าไปถ่าย บ้าน “บิ๊กตู่-สนามงู-คอนโดนายพล” แฉ “ผบ.ทร” ยอมรับ ทำไอโอเทิดทูนสถาบัน ของบฯ 7.9 ล้านบาท
วันที่ 20 ม.ค. 2567 นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะโฆษกคณะ กมธ.การทหาร สภาฯ กล่าวถึงกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณี พลอยไพลิน ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ถ่ายทำคลิป “ทหารมีไว้ทำไม EP.1” ตอน “ลองใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนเหนือ 3 วัน 2 คืน l ไทย-เมียนมา” นั้นทำนอง หลายกระทรวง ก็ทำประชาสัมพันธ์ปกติ หากทำออกมาแล้วเป็นผลบวกก็ถือเป็นประโยชน์ ว่า ถ้าทุกหน่วยงานราชการทำแบบ นายจิรายุ อ้างได้หมด งบแผ่นดินที่ใช้คงมหาศาล กองทัพ ควรตอบเรื่องทหารมีไว้ทำไม ด้วยการกระทำ ไม่ใช่โหนทหารชายแดนหากิน เงินเดือนพวกเขาเหล่านั้นน้อยมาก งานก็หนัก ยังใช้ลา ใช้ล่อ ใช้ม้า ขนส่งเดินทางอยู่เลย คลิปที่น้องพลอยทำควรเอาไปให้บรรดานายพลดู สภาพห้องพักทหารชายแดนบนดอย น่าหดหู่มาก เมื่อเทียบกับงบประมาณกองทัพ ปีละเกือบ 2 แสนล้านบาท และมีช่วงหนึ่งในคลิปน้องพลอย ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามซึ่งพื้นที่พม่าว้า ปรากฏว่ามีถนนตัดไปจุดเฝ้าระวังของเขา ใช้เวลา 15 นาที จากทางขึ้น แต่ทางฝั่งไทย ต้องเดินเท้า 2 ชั่วโมง ไหนว่าหน้าที่ทหารตามชายแดนสำคัญ นายพลทั้งหลายของกองทัพ ของกลาโหม ดูแลคนสำคัญแบบนี้หรือ และร้อยเอกหญิง 2 คนตอบคำถามนี้ไปแล้ว ว่า ทหารมีไว้ทำไม มีไว้อำนวยความสะดวกให้ยูทูบเบอร์
นายจิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า ฝากตั้งคำถามถึงนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ที่บอกถ้า มาขอถ่ายทำ กองทัพก็ต้องอำนวยความสะดวก ตนขอตั้งคำถาม ว่า ทหารหญิงยศร้อยเอก 2 คน ที่ ไปถ่ายทำด้วยกับน้องพลอย เป็นทหารชั้นสัญญาบัตร เดินทางจาก กทม.บินไป จ.เชียงใหม่ พาไปขึ้นเขาเสร็จ ก็บิน ไป จ.ปัตตานี ต่อ ถ้าตนขอไปถ่ายทำบ้าง กองทัพ หรือ นายสุทิน จะอนุญาต พร้อมอำนวยความสะดวก เหมือนเคสน้องพลอย หรือไม่ ตนอยากไปถ่ายทำหลายที่ จะอนุญาตหรือไม่ อาทิ คอนโดสำหรับนายพล แถวเกียกกาย มี 18 ชั้น 1 ยูนิต กว้าง 94 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับเเขก ที่จอดรถห้องละ 2 คัน จะไปดูที่อยู่ราคาเป็นล้าน หรูหราเเค่ไหน นายพลอยู่กันอย่างไร มีการแอบปล่อยให้ใครเช่า หรือไม่
นายจิรัฏฐ์ ยังกล่าวอีกว่า สถานที่จะขอเข้าไปถ่ายทำต่อมา คือ สนามกอล์ฟ กานตรัตน์ (สนามงู) อยู่ ใจกลางรันเวย์สนามบินดอนเมือง สนามนี้เหล่านายพล ชนชั้นนำ เข้าไปใช้บริการ ซึ่งเป็นสวัสดิการภายใน ไม่ให้คนนอกเข้า นายจิรัฏฐ์ พลเรือนธรรมดา ขอเข้าไปถ่ายทำได้หรือไม่ อยากจะไปดูว่าเครื่องบิน จะติดหัวขนาดไหนตอนวาดวงสวิง นายสุทิน นายจิรายุ หรือกองทัพ รบกวนเเจ้งด้วยว่า ติดต่อ ขออนุญาตที่ใคร จุดไหน และในเมื่อ น้องพลอยพาไปดูที่หลับนอนของทหารชายแดน ตนจึงอยากขอ เข้าไปทัวร์ ถ่ายทำบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ในฐานะองคมนตรี ได้หรือไม่ นายสุทิน จะตอบเอง หรือให้นายจิรายุ ออกมาตอบ ก็ได้ กล้าอนุญาตหรือไม่ จะอำนวยความสะดวกให้ หรือเปล่า
นายจิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า งบลักษณะนี้ ไม่ค่อยโผล่ให้เห็น ตามหลักการสภาฯสามารถตัดทิ้งได้ งบพีอาร์ ไม่รู้กองทัพ ไปแอบ ไปซ่อน ไว้ตรงจุดไหนของงบรัฐ ยิ่งปีนี้ งบ 67 ยิ่งไม่เห็นเลย มีแต่ของงบกองทัพเรือ ที่โชว์หรา เลยว่าเป็นงบรายจ่ายอื่น “ค่าใช้จ่ายปฏิบัติการจิตวิทยา” ของ “โครงการเสริมสร้างความเข้าใจและประสานความร่วมมือ” วงเงิน 7,951,500 บาท โดย พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ย ผบ.ทร. เป็นคนตอบชี้แจงเมื่อถูก กมธ.งบประมาณ ถามเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เป็นไอโอเชิงบวกเพื่อเทิดทูนสถาบัน ไม่ได้ทำไอโอเชิง “NEGATIVE" หรือเชิงด้อยค่า แบบที่ทำกัน
“เป็น ผบ.ทร. คนนี้ ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนคุมทีมไอโอด้วยตัวเอง ผมได้เห็นคลิปของทร. ซึ่งในคลิปนั้นเห็น ผบ.ทร.คนนี้ บรรยายบนเวทีพร้อมกับการฉายสไลด์พาวเวอร์พอยท์ประกอบ หลายหัวข้อ อาทิ การสื่อสารกับสาธารณชน กองประชาสัมพันธ์ สลก.ทร. กองประชาสัมพันธ์ กพร.ทร. ทีมโฆษกกองทัพเรือ รวมถึงทีม IO ด้วย เป็นต้น” นายจิรัฏฐ์ กล่าว
สุดารัตน์ แนะรบ.ถ้าแจก 1 หมื่นไปไม่รอด ตั้งกองทุนให้กู้ทำทุน ชี้กระตุ้นศก.ได้-ไม่เสี่ยงด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4385465
สุดารัตน์ แนะรบ.ถ้าแจก 1 หมื่น ไปไม่รอด ตั้งกองทุนให้กู้ทำทุน ชี้กระตุ้นศก.ได้-ไม่เสี่ยงด้วย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง [ 10,000ทำท่าไปไม่รอด ‘สุดารัตน์’ แนะเปลี่ยนเงินแจกเป็นเครดิตตั้งตัว ] โดยมีเนื้อหาดังนี้
ดิฉันเข้าใจและเห็นใจประชาชนที่รอเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ แต่ขณะนี้ทำท่าว่านโยบายนี้จะไม่สำเร็จ และประชาชนอาจจะไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท
เนื่องจากตอนประกาศนโยบายช่วงหาเสียงไม่ได้ลงมือศึกษารายละเอียดของนโยบายอย่างจริงจัง จึงทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เมื่อจะลงมือปฏิบัติจริง โดยเฉพาะปัญหาด้านงบประมาณ และกฎหมาย กลายเป็นนโยบายหาเสียง ไม่ตรงปก ทำให้ประชาชน อาจต้องผิดหวัง เพราะไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท
ปัจจุบันประเทศไทยมีภาระหนี้สาธารณะที่สูงอยู่แล้วถึงกว่า 60% ของ GDP หรือ 10 ล้านล้านบาท และก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลหากรัฐบาลตัดสินใจสร้างหนี้ขึ้นมาอีก 500,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างความกังวลให้กับบางฝ่ายว่าเงิน 500,000 ล้านบาทจะสามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่? ส่วนรัฐบาลก็มั่นใจว่าเงิน 500,000 ล้านบาทนี้ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ ซึ่งก็ต่างมีเหตุผลทั้งคู่
แต่สิ่งที่คนไทยยังต้องเผชิญในขณะนี้คือปัญหาภาระหนี้สินที่ล้นพ้น ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนถึงร้อยละ 90% ของ GDP หรือกว่า 16 ล้านล้านบาท และหนี้นอกระบบซึ่งเป็นหนี้ของคนรากหญ้าในประเทศที่ยังประเมินไม่ได้ ตัวเงินกู้นอกระบบ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นปัญหาใหญ่ในตอนนี้
ไทยสร้างไทย จึงอยากเสนอแนะให้ เปลี่ยนการแจกเป็นการให้กู้ผ่าน โดยการให้เครดิต ผ่านกองทุนเครดิตประชาชน หรือ กองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นการให้เบ็ดไม่ใช่แจกปลา ให้ทุนในการทำมาหากิน โดยให้กู้ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อเดือน รักษาเครดิตได้จะสามารถกู้ได้ถึงหลักแสนบาทเพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง ซึ่งต้นทุนของรัฐบาลอยู่ที่ประมาณ 4% ดังนั้นรัฐบาลยังมีส่วนต่างในการบริหารจัดการความเสี่ยง ไม่ทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง ไม่เป็นภาระหนี้สินของประเทศชาติ และเกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเช่นกัน และยังสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลอยากแก้ไขได้อีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือการช่วยเหลือประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่แจกเงินเป็นครั้งคราว แต่ต้องช่วยให้เขาสามารถลุกขึ้นมาทำมาหากินได้ยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างยั่งยืน โดยการสนับสนุน ทุนความรู้ และตลาด ให้กับคนตัวเล็ก ทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนสามารถตั้งตัวได้สร้างรายได้ เป็นภาษีกลับมาพัฒนาประเทศ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากโตขึ้น ซึ่งจะดันเศรษฐกิจทั้งประเทศให้ขยายตัวโตขึ้น เพื่อเป็นการช่วยคนตัวเล็ก ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความยั่งยืน
https://www.facebook.com/sudaratofficial/posts/pfbid0321HDdPww6Yb3Q33FgLavZJh9oAi6PZdb6rAgMAmqvsVgUkFrjgDemvNcG7r94X7Jl
ส่องความท้าทายปี‘67 ต่างชาติยึดเบ็ดเสร็จ-ทาเลนต์ขาดแคลน
https://www.prachachat.net/ict/news-1483915
กูรูสตาร์ตอัพ ชี้ความท้าทายปี 2567 ต่างชาติยึดเบ็ดเสร็จ-ทาเลนต์ขาดแคลน พร้อมชงผู้ประกอบการไทยสู้ศึกผ่านการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยดิจิทัล
วันที่ 20 มกราคม 2567 ในงานสัมมนา Creative Talk Conference FORECAST 2024 รู้ก่อน เริ่มก่อน เปลี่ยนแปลงก่อน ได้ “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ“ CEO PaySolutions, Creden.co, Gash.ai และ “แซม ตันสกุล” กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต ที่ร่วมกันจัดตั้งกองทุน FINNO EFRA FUND เพื่อลงทุนในสตาร์ตอัพด้วยวงเงินตั้งแต่ 5 แสน-60 ล้านบาท มาแบ่งปันเรื่องราวความท้าทายของการทำธุรกิจในปี 2567 ในหัวข้อ “Entrepreneur Forecast” ในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้
ปรับตัวใช้ระบบอัตโนมัติ
“ภาวุธ” เปิดเผยว่า จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยในปี 2564 อยู่ที่ 52.2 ล้านคน รวมถึงมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยในปี 2565 อยู่ที่ 6.2 แสนล้านบาท และมีโอกาสขยายตัวถึง 6.94 แสนล้านบาท ในปี 2567 ซึ่งปัจจัยหนุนที่สำคัญ คือจำนวนผู้ใช้งานในไทยที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2566 มีอยู่ 41.5 ล้านคน เพิ่มจากปี 2562 ที่มีอยู่ 30.7 ล้านคน
พฤติกรรมของคนไทยสะท้อนแล้วว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต ทำให้ช่องทางออนไลน์ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางหลัก และการทำธุรกิจในยุคนี้ทุกอย่างต้องเชื่อมถึงกันทั้งฝ่ายขาย การตลาด และหลังบ้าน โดยมี CDP (Customer Data Platform) เป็นแพลตฟอร์มกลางในการจัดการข้อมูลของลูกค้า
“ผู้ประกอบการยุคนี้ควรใช้เครื่องมือด้านดิจิทัลให้เป็น และปรับใช้กับการทำงานในส่วนต่าง ๆ ให้ได้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน สมมติอยากรู้ว่าบริษัทเหลือกระแสเงินสดเท่าไรก็เปิดเช็กเองได้เลยโดยไม่ต้องรอฝ่ายบัญชี“
ด้าน “แซม“ กล่าวว่า เมื่อผู้ประกอบการนำโซลูชั่นดิจิทัลมาใช้จนชำนาญ สิ่งที่ตามมาแน่ ๆ คือการใช้ AI หรือระบบอัตโนมัติ รวมถึงสิ่งที่คนทำธุรกิจยุคนี้ต้องให้ความสำคัญมากขึ้น คือ ESG และภาษีคาร์บอน ซึ่งส่งผลกระทบกับธุรกิจที่มีการส่งออกโดยตรง
“AI ยุคนี้เก่งขึ้น เริ่มพยากรณ์พฤติกรรมของลูกค้าได้ หรือคนที่ทำธุรกิจส่งออกก็ควรลงทุนเกี่ยวกับโซลูชั่นต่าง ๆ มากขึ้น สมมติว่าต้องส่งออกสินค้า แต่ไม่มีข้อมูลว่าการผลิตทำให้เกิดคาร์บอนเท่าไร ก็ส่งออกไม่ได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เก็บด้วยมือไม่ไหว ต้องมีโซลูชั่นมาช่วย“
สินค้าจีนทะลัก-อีคอมเมิร์ซแข่งดุ
“ภาวุธ” กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมาสินค้าจีนทะลักเข้าไทยอย่างหนักผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ถ้าดูจากผลประกอบการของแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะพบว่ามีการเติบโตเรื่อย ๆ เช่น Lazada มีรายได้ในปี 2566 อยู่ที่ 21,470 ล้านบาท กำไร 604 ล้านบาท ขาดทุนสะสม 15,980 ล้านบาท แต่ภาพรวมธุรกิจของ Lazada Group มีกำไรรวมอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท
หรือถ้ามองภาพการแข่งขันในธุรกิจขนส่งที่เชื่อมต่อกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะพบว่า ในปี 2565 บริษัทที่สามารถทำกำไรได้ คือ Shopee Express, Lazada Express และ J&T ที่ส่งสินค้าให้กับ TikTok Shop ซึ่งเป็นบริษัทที่คุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางได้อย่างเบ็ดเสร็จ
“ผู้ประกอบการไทยกำลังยืมจมูกคนอื่นหายใจ เมื่อก่อนค่าธรรมเนียมการขายบนแพลตฟอร์มแทบไม่มี แต่ตอนนี้คนขายของออนไลน์ถูกเก็บค่าธรรมเนียมเกือบ 7% ในเวลาแค่ 7 เดือน เขากอดคอขึ้นค่าธรรมเนียมเกือบ 150% และยังไม่การควบคุมจากรัฐ“