JJNY : บก.ลายจุดงง ‘ดับไฟป่า’│“รังสิมันต์-รอมฎอน” รับหนังสือ│10 ทำเลอันตราย สต๊อกเหลือบาน│สหรัฐถล่มฐานที่มั่นฮูตีในเยเมน

บก.ลายจุด งง อุทยานฯโพสต์รูปจนท. ‘ดับไฟป่า’ ถามฤดูไฟป่ามาแล้วหรือใครจุด?
https://www.matichon.co.th/social/news_4381339
 
 
บก.ลายจุด งง อุทยานฯโพสต์รูปจนท. ‘ดับไฟป่า’ ถามฤดูไฟป่าหรือใครจุด?
 
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์เฟซบุ๊กภาพที่ แอคเคาต์เอ็กซ์ของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เผยแพร่ระบุว่าเป็นภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ในการดับไฟป่าพื้นที่รับผิดชอบ ว่า
 
“ภาพ จนท. ยืนดูไฟกันสองคนนั้น ถ้าสังเกตไฟจะพบว่าไม่มีแนวดำอื่นเลย เพิ่งจุดกันตรงนั้น และคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ว่าใครจุด เวลาเขียนข่าวว่ากำลับดับไฟป่านั้น อยากถามว่าฤดูไฟป่ามาแล้วหรือใครจุด?
 
อย่างไรก็ตาม ในโพสต์ของบก.ลายจุด ได้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในวงกว้าง ทั้งมุมที่วิพากษ์วิจารณ์ในวิธีดำเนินการ และผู้ที่เข้ามาระบุว่าภาพดังกล่าว น่าจะเป็นเผาแนวกันไฟครับเผาให้มันเป็นแนวกว้าง 3-5 เมตรเพื่อกันไฟป่า สมมุติว่าเราหนีไฟป่าให้เราเผาป่าก่อนหน้าไฟก็จะไม่ลามต่อครับเพราะไม่มีเชื้อเพลิงแล้ว บ้างก็ว่ารู้ว่าทำแนวกันไฟ แต่อุทยานฯ เขียนไม่ละเอียด เป็นต้น
 
ทั้งนี้ บก.ลายจุด ได้ตอบกลับคอมเมนต์ด้วยว่า “เมื่อก่อนเราไม่มีเครื่องเป่าใบไม้ การใช้คราดไม้กวาดเพื่อขยายแนวกันไฟใช้พลังงานมาก การวางแผนในการเผาเชื้อเพลิงอาจจำเป็น แต่ปัจจุบันมีเครื่องเป่า การจะทำลายเชื้อเพลิงโดยการเผาจึงไม่จำเป็น แค่เป่าขยายแนวให้กว้างขึ้นไม่ต้องเผาในช่วงที่เราต้องเผชิญหน้ากับ PM ครับ
 
นี่ยังไม่รวมถึงว่าในทางปฏิบัติ การทำแนวที่ว่านี้กว้างและยาวขนาดไหน มันใช่จุดที่สุ่มเสี่ยงเรื่องไฟหรือเปล่า เอาจริงๆ ถ้าให้ผมเดา นี่ทำใกล้สถานีหรือหน่วยของกรมอุทยาน เพื่อป้องกันไฟเข้ามาในหน่วย ทำแบบที่ชาวบ้านทำคือ เผาก่อนเพื่อไม่ให้ไฟเข้าหมู่บ้าน



“รังสิมันต์-รอมฎอน” รับหนังสือนักกิจกรรมชายแดนใต้ ร้องปมถูกกฎหมายปิดปาก
https://www.thairath.co.th/news/politic/2756006

“รังสิมันต์-รอมฎอน” กมธ.ความมั่นคงฯ รับหนังสือนักกิจกรรมชายแดนใต้ ปม แม่ทัพภาค 4 ฟ้องดำเนินคดี ใช้กฎหมายปิดปาก ชี้ วิธีคิดหน่วยงานความมั่นคงมีปัญหา ห่วงการดำเนินคดีส่งผลเสียต่อกระบวนการสันติภาพ จ่อเชิญหน่วยงานแจง 25 ม.ค. 
 
วันที่ 17 ม.ค. 67 ที่อาคารรัฐสภา นักกิจกรรมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เพื่อร้องเรียนกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 4 ฟ้องร้องดำเนินคดีนักกิจกรรมในพื้นที่ ทั้งกรณีการสวมชุดมลายู และการจัดกิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ โดยมี รังสิมันต์ โรม และรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนคณะกรรมาธิการฯ เข้ารับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว
 
รังสิมันต์ ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้ารัฐยังใช้วิธีคิดภายใต้กรอบ “ความมั่นคง” แบบเดิมก็คงจะได้ผลแบบเดิม ที่ผ่านมาแม้ตนและเพื่อน สส.จากหลายพรรคจะได้ทำหน้าที่ผู้แทนเป็นปากเป็นเสียงอย่างเต็มที่แล้ว แต่ลำพังกลไกรัฐสภาอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ภาคประชาชนหลายฝ่ายก็พยายามทำทุกวิถีทางในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าวิธีคิดที่ผ่านมาของรัฐอาจจะทำให้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้
 
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ซึ่งมี สส.จากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายคน และมีตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง ได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยในวันที่ 25 มกราคมนี้จะมีการประชุมกันในประเด็นการใช้กฎหมายและการคุกคามต่อทั้งนักกิจกรรมและประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งตนหวังว่าจะมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึง กอ.รมน. เข้าร่วมด้วย เพื่อนำไปสู่การหาทางออกร่วมกันได้

ยืนยันว่าเราอยากเห็นสันติภาพในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จริง การแก้ปัญหาต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นสะพานในการแก้ปัญหาที่ประชาชนได้รับความไม่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด” รังสิมันต์ กล่าว 
 
ขณะที่ รอมฎอน ระบุว่า ความน่าสนใจของกรณีนี้คือ นิยามของคำว่า “ความมั่นคง” ควรครอบคลุมกว้างแค่ไหน โดยขณะนี้คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ ไม่ได้ดูแค่เรื่องของการทหาร หรือความมั่นคงในแบบจารีตเท่านั้น แต่เราดูไปไกลกว่านั้น ซึ่งรวมถึงการสร้างสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ดังนั้นรัฐต้องมีนิยามเกี่ยวกับความมั่นคงใหม่ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงและเป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น
 
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากมิติของการดำเนินคดีแล้ว ยังมีผลกระทบในทางการเมืองและนโยบายการสร้างสันติสุขของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อผู้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากมาย ดังนั้นสภาผู้แทนราษฎรควรจะได้เป็นพื้นที่ในการพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน เราอาจจะได้นิยามความหมายใหม่ของคำว่าความมั่นคงที่เป็นธรรมต่อประชาชนมากขึ้น” นายรอมฎอน กล่าว.


 
เปิด 10 ทำเลอันตราย ‘บ้าน-คอนโด’ ต่ำ 3 ล้าน สต๊อกเหลือบาน ใช้เวลาขาย 30-78 เดือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4381090

เปิด 10 ทำเลอันตราย ‘บ้าน-คอนโด’ ต่ำ 3 ล้าน สต๊อกเหลือบาน ใช้เวลาขาย 30-78 เดือน
 
อสังหาฯราคาต่ำ 3 ล้าน เข้าสู่โหมดอันตราย ซัพพลายกทม. ปริมณฑลเหลือบานกว่า 2.23 แสนล้าน REIC เปิด 10 ทำเลบ้าน คอนโด ขายอืด คาดใช้เวลาระบาย 30-78 เดือน “เสนา” มึนกู้ไม่ผ่านพุ่ง50% “แลนด์แอนด์เฮ้าส์”โอดผังเมืองหาที่ดินพัฒนาทาวน์เฮาส์ยาก
  
วันที่ 17 มกราคม นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทส่งสัญญาณซัพพลายมีสะสมมากขึ้น ประกอบกับมีปัญหารีเจกต์เรต(ถูกปฎิเสธสินเชื่อ)สูง ซึ่งในปี 2567 ผู้ประกอบการต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทำตลาดกลุ่มนี้มากขึ้น โดยผลสำรวจภาพรวมอาคารชุดและบ้านจัดสรรราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ในไตรมาส 3 ปี 2566 มียอดขายต่ำกว่าปี 2565 ทุกไตรมาส ซึ่งไตรมาส 3 ลดลง 7.4% โดยอาคารชุดยอดขายลดลง 4.5% หน่วยเหลือขายสะสมเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 49,433 หน่วย เพิ่มขึ้น 27.5% มูลค่า 110,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.5%
 
นายวิชัยกล่าวว่า ทำเลต้องระมัดระวัง เพราะมีหน่วยเหลือขายมาก ได้แก่ เมืองนนทบุรี ปากเกร็ด เหลือขาย 6,220 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 30 เดือน ,พระโขนง บางนา สวนหลวง ประเวศ เหลือขาย 5,929 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 32 เดือน ,ธนบุรี คลองสาน บางกอกน้อย 
บางกอกใหญ่ บางพลัด เหลือขาย 5,044 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 48 เดือน ,เมืองสมุทรปราการ พระประแดง พระสมุทรเจดีย์ เหลือขาย 4,175 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 31 เดือน และลำลูกกา ธัญบุรี เหลือขาย 3,653 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 44 เดือน

นายวิชัยกล่าวว่า ส่วนบ้านจัดสรรมีเปิดตัวเฉลี่ยไตรมาสละ 3,000 หน่วย ในไตรมาส 3 ปี 2566 มีหน่วยขายใหม่ลดลง 11.4% เป็นไตรมาสแรก และมีหน่วยเหลือขาย 44,174 หน่วย มูลค่า 113,180 ล้านบาท โดย 95% เป็นทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งทาวน์เฮาส์ไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่มีในตลาดแล้ว ส่วนใหญ่เป็นราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวราคาไม่แพงมีน้อย มีข้อจำกัดราคาที่ดิน ต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น
 
นายวิชัยกล่าวว่า ทำเลต้องระมัดระวัง ได้แก่ คลองหลวง หนองเสือ เหลือขาย 7,739 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 78 เดือน ,ลำลูกกา ธัญบุรี เหลือขาย 6,493 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 61 เดือน ,บางใหญ่ บางบัวทอง บางกรวย ไทรน้อย เหลือขาย 5,459 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 50 เดือน,บางพลี บางบ่อ บางเสาธง เหลือขาย 5,455 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 25 เดือน และเมืองปทุมธานีลาดหลุมแก้ว สามโคกหน่วย เหลือขาย 5,929 หน่วย คาดใช้เวลาขาย 45 เดือน
 
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เสนามียอดรีเจกต์เรตประมาณ 50% ในกลุ่มราคาต่ำ 3 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นกันทั้งตลาด
 
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานคณะกรรมการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีสินค้าราคาต่ำ 3 ล้านบาทไม่มาก เพราะเป็นเซกเมนต์ที่มีปัญหาการกู้ไม่ผ่านสูง อย่างไรก็ตามบริษัทมีสัดส่วนกู้ไม่ผ่านเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่ถึง 10% อยู่ที่กว่า 10% บางช่วงเวลาสูงถึง 20% บริษัทได้ประสานกับธนาคารพิจารณาศักยภาพของลูกค้าและด้วยข้อจำกัดของกฎหมายผังเมืองรวมของกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้หาที่ดินพัฒนาทาวน์เฮาส์ได้ยาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่