สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในปี 2567 โดยให้ดัชนีที่เหมาะสม 1,650-1,700 จุด และไตรมาสที่ 1 นี้เป็นจังหวะของการซื้อสะสมหุ้น
“ตลาดหุ้นไทยในปีนี้เรายังมองว่ามีโอกาส และในสิ้นปีมองดัชนีที่เหมาะสมที่ 1,700 จุด แม้ว่าในไตรมาสที่ 1 จะมีความผันผวนอย่างมาก แต่เรามองว่าจะเป็นจังหวะของการสะสมเพื่อรับผลบวกในช่วงปลายปี”
ภาพของการลงทุนในปี 2567 นั้นจะผันผวนอย่างมาก โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 ที่มีปัจจัยท้าทายค่อนข้างมาก ทั้งดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูงทั่วโลก ทำให้เม็ดเงินยังอยู่ในฝั่งตราสารหนี้คุณภาพสูงในต่างประเทศ และในหุ้นขนาดใหญ่หุ้นเทคโนโลยี ในต่างประเทศ ซึ่งทาง InnovestX ประเมินว่า ทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายในสหรัฐน่าจะปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงิน ให้ไหลออกจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ไหลมายังเอเชีย รวมถึงไทย ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวได้ดีและมีโอกาสทดสอบ 1,700 จุดได้ โดยในด้านปัจจัยภายในประเทศนั้น ไทยมีการเติบโตที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มองว่า มาตรการ digital wallet เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 หากมาตรการ Digital Wallet ผ่านตามที่นายกฯ ประกาศจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4.1% แต่หากมาตรการไม่ผ่าน เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 3.2% โดยคาดว่า ธปท. จะไม่ลดดอกเบี้ยในปี 2567 โดยมี 2 ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ 1) เงินเฟ้อที่หดตัวต่อเนื่อง และ 2) การทำโครงการ Digital Wallet ของรัฐบาล” เน้นโฟกัสที่คุณภาพและการฟื้นตัวของผลประกอบการ ได้แก่ AMATA BBL BEM BDMS CPALL CRC GULF OR SCC และ SCGP
****** ข่าวจาก Thairath Online
หุ้นไทยปี 67 เวลาของ VI InnovestX ปักเป้า 1,700 จุด เปิดโพย 10 หุ้น ต้องซื้อก่อนเงินไหลเข้า
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในปี 2567 โดยให้ดัชนีที่เหมาะสม 1,650-1,700 จุด และไตรมาสที่ 1 นี้เป็นจังหวะของการซื้อสะสมหุ้น
“ตลาดหุ้นไทยในปีนี้เรายังมองว่ามีโอกาส และในสิ้นปีมองดัชนีที่เหมาะสมที่ 1,700 จุด แม้ว่าในไตรมาสที่ 1 จะมีความผันผวนอย่างมาก แต่เรามองว่าจะเป็นจังหวะของการสะสมเพื่อรับผลบวกในช่วงปลายปี”
ภาพของการลงทุนในปี 2567 นั้นจะผันผวนอย่างมาก โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 ที่มีปัจจัยท้าทายค่อนข้างมาก ทั้งดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูงทั่วโลก ทำให้เม็ดเงินยังอยู่ในฝั่งตราสารหนี้คุณภาพสูงในต่างประเทศ และในหุ้นขนาดใหญ่หุ้นเทคโนโลยี ในต่างประเทศ ซึ่งทาง InnovestX ประเมินว่า ทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายในสหรัฐน่าจะปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงิน ให้ไหลออกจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ไหลมายังเอเชีย รวมถึงไทย ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาสที่ 3 ตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวได้ดีและมีโอกาสทดสอบ 1,700 จุดได้ โดยในด้านปัจจัยภายในประเทศนั้น ไทยมีการเติบโตที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มองว่า มาตรการ digital wallet เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 หากมาตรการ Digital Wallet ผ่านตามที่นายกฯ ประกาศจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 4.1% แต่หากมาตรการไม่ผ่าน เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 3.2% โดยคาดว่า ธปท. จะไม่ลดดอกเบี้ยในปี 2567 โดยมี 2 ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ 1) เงินเฟ้อที่หดตัวต่อเนื่อง และ 2) การทำโครงการ Digital Wallet ของรัฐบาล” เน้นโฟกัสที่คุณภาพและการฟื้นตัวของผลประกอบการ ได้แก่ AMATA BBL BEM BDMS CPALL CRC GULF OR SCC และ SCGP
****** ข่าวจาก Thairath Online