ดูๆกับหนุ่มญี่ปุ่นอยู่ แต่แทบไม่มีอะไรคืบหน้า ควรรุกจีบให้ชัดเจนไปเลยไหมคะ?

เรื่องมันยาวนะคะ ถ้าว่างๆค่อยทยอยอ่านก็ได้ค่า55555555

โอเค เริ่ม!
เรื่องมันมีอยู่ว่า เราอายุ25 เรียนจบเพิ่งเริ่มทำงานสร้างตัว มีงานประจำทำเป็นเชฟอยู่ที่ร้านอาหารหรูแถวทองหล่อ แต่มีช่วงนึงบาร์ร้านเพื่อนเราใกล้ๆกันขาดคน คืนไหนว่างเราก็เลยเข้าไปช่วยทำเสิร์ฟตอนดึกๆค่ะ ก็สนุกดี เราเคยไปอยู่ที่อเมริกามาปีนึง ภาษาอังกฤษก็เลยค่อนข้างดี บางครั้งก็เม้าท์กับพวกลูกค้าสนุกชิวๆค่ะ(ลูกค้า 90%เป็นต่างชาติ)

ทีนี้วันนึงก็มีคนญี่ปุ่นสามคนมานั่งดื่มในร้าน ขออนุญาตเรียกแทนคนที่เป็นเจ้านายว่าคุณS(อายุ40) และคนที่เป็นลูกน้อง ขอเรียกว่าคุณAนะคะ(อายุ32) แล้วก็อีกคนเป็นลูกค้าที่สองคนแรกทำดีลด้วยอยู่ค่ะ

คุณSเนี่ยรู้จักเพื่อนเรามาก่อน เขาก็เข้ามาทักแล้วก็คุยกันไปเรื่อย ทำให้เรามีโอกาสได้รู้จักกับคุณAไปด้วยค่ะ (เรากับคุณAสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาของเขาดีมากๆค่ะ ทราบมาว่าเขาไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กแล้วคุณแม่เป็นลูกครึ่งusaด้วยค่ะ) แล้วคืนนั้นเหมือนคุณAจะเมาอยู่บ้าง เราไม่แน่ใจว่าเขาเมาแค่ไหน แต่ว่าเราสองคนคุยกันถูกคอพอสมควร และก่อนคนญี่ปุ่นพวกคนนั้นจะกลับบ้าน คุณAก็มาขอไลน์เรา กับขอเซลฟี่ค่ะ(?)5555555555555

หลังจากกลับไปเขาก็ทักมาประมาณว่า “ยินดีที่รู้จัก ขอบคุณสำหรับคืนนี้ ไว้ฉันมาไทยอีกครั้งจะมาหาอีกแน่นอน!”

ตอนนั้นเขาเพิ่งมาเริ่มงานที่กรุงเทพได้1เดือนค่ะ(สัญญางาน5ปี) เขาบอกว่าเขาชอบเมืองไทย เคยมาเที่ยวระยะสั้นๆแล้ว4-5ครั้ง แต่อาทิตย์หน้าไม่อยู่ไทยเพราะเขาจะลาพักร้อนไปเยี่ยมแม่ของเขาที่usa 2 อาทิตย์เต็มค่ะ

เราก็ไลน์ตอบเขาไปประมาณว่า “ยินดีที่รู้จักเช่นกัน ขอให้สนุกที่LAนะ!”

แล้วเขาก็ไม่ได้ทักมาอีกค่ะ ตอนนั้นเราegoก็ไม่ได้ทักเขาไปเหมือนกัน แต่เชื่อมั้ยว่าช่วงแรกๆเรานึกถึงแต่หน้าเค้า แล้วก็แอบรู้สึกเสียใจภายหลังที่ไม่ได้พยายามจะติดต่อเค้า หลังจากบาร์เพื่อนเราหาคนได้ เราก็ไม่ได้ไปช่วยงานที่นั่นอีกสรุปก็คือเรากับเค้าขาดการติดต่อกันไป 2 เดือนกว่าๆ ตอนนั้นก็แอบปลง คิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

จนช่วงกลางเดือนธันวา เพื่อนให้เราไปช่วยงาน1วันค่ะ แล้ววันนั้นก็เจอคุณAกับคุณS พาลูกค้าชาวต่างชาติมาอีกครั้งด้วยความบังเอิญ ก็ได้มาจับเข่าคุยกันอีกรอบ วันนั้นตอนที่คุณAเมากรึ่มนิดๆ ฝ่ายเราก็รวบรวมความกล้าชวนเค้ามาเจอกันวันหยุด เค้าก็โอเค

กลับไปคืนนั้นเราก็ไลน์บอกเขาก่อนว่า “ขอบคุณสำหรับคืนนี้ กลับบ้านดีๆ! sleep well นะ!”

คุณA : ขอบคุณเหมือนกัน! ฉันเมามากต้องนอนแล้ว555

เรา : ฝันดี A , พรุ่งนี้อย่าตื่นสายนะ (ก่อนหน้านี้เขาเล่าว่าเขามีประชุมเช้าวันถัดไป)

จนเช้าวันถัดไปเขาก็ตอบกลับมา

คุณA : สวัสดี! ฉันไม่สายแน่นอน ไม่งั้นคงโดนย้ายกลับญี่ปุ่น😂 ว่าแต่ทำไมฉันต้องไปทำงานวันนี้ด้วยเนี่ย!?55555

เรา : ม่ายยย! ถ้าคุณโดนย้ายกลับคงเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ เพราะฉันจะร้องไห้หนักมาก! เอาน่า! อย่างน้อยนี่ก็วันศุกร์แล้ว สุดสัปดาห์กำลังจะเริ่มนะ!

คุณA : omg พูดเป็นเล่น! จริงด้วยฉันทำงานอีกแปปก็จะได้หยุดสุดสัปดาห์แล้วววว

เช้าวันเสาร์เราก็รวบรวมความกล้า ทักไปมอร์นิ่งเค้า ลึกๆก็แอบอยากรู้ว่าเขาจำที่บอกว่าจะมาเจอกันวันหยุดได้ไหม

เรา : อรุณสวัสดิ์! ในที่สุดก็วันหยุด นอนเยอะๆไปเลยนะ!

เขา : ใช่! วันนี้ฉันนอนเยอะมาก เรามาเจอกันพรุ่งนี้ได้ไหม?

ตอนนั้นเราก็คือกรี๊ดลั่นบ้าน! ในใจตื่นเต้นมากค่ะ ลุกไปเลือกเสื้อผ้าเดี๋ยวนั้นเลย เดี๋ยวไม่ทัน5555555555555555555 และแล้วเย็นวันอาทิตย์พวกเราก็ไปเจอกันที่Central World ค่ะ

แวบแรกที่เจอ เรารู้สึกว่าเค้ามีบรรยากาศต่างกับตอนเจอกันที่บาร์มากค่ะ ยังกับคนละคน ไม่รู้ว่าเพราะตอนนั้นเขาไปกับหัวหน้าแล้วก็ลูกค้า เขาเลยต้องทำตัวปาร์ตี้บอยจัดๆรึเปล่า?
มาวันนี้มีแค่เรากับเค้า เค้าใส่ชุดโทนสีกากี ดูสุขุมนุ่มนวลขึ้นมากๆ พูดจาก็เสียงเบาลง1ระดับ ใส่Accessories เช่นต่างหู,สร้อย มีความเท่ไปอีกแบบ และสิ่งสำคัญที่ทำเราแอบตะลึงนิดหน่อย… เขาแต่งหน้าค่ะ

แต่งหน้าแบบลงบีบี เขียนคิ้ว ปัดแก้ม ทาลิปเลย
แต่เราก็แปลกใจแค่ทีแรกนะคะ เพราะเข้าใจว่าวัฒนธรรมบ้านเขามันหลากหลายและคงมีหลายอย่างที่แตกต่างจากหนุ่มบ้านเรา ไม่ใช่เรื่องผิดเลย

วันนั้นก็นั่งทานข้าว พูดคุยกันไปเรื่อย เขาก็เล่าเรื่องของเขาให้ฟังบลาๆๆ เขามีอารมณ์ขันใช้ได้เลยนะคะ อย่างนึงที่สังเกตก็คือเขาเป็นคนพูดเก่งมากค่ะ ไม่ใช่พูดมากนะคะ เราหมายถึงเป็นคนรู้ว่าควรพูดอะไรตอนไหนถึงจะทำให้คนฟังประทับใจ เรื่องไหนไม่อยากพูดถึงก็หลบเลี่ยงได้แบบเนียนๆแบบที่ไม่ทำให้เรารู้สึกว่าเผลอถามเรื่องเสียมารยาทด้วย

อย่างเราเคยได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นหลายคนจะซีเรียสเรื่องกินข้าวให้หมดมากๆ ซึ่งข้อนี้เราก็ขอยืนยันว่าจริงนะคะ เพราะเราก็เคยเดทคนญี่ปุ่นมาก่อนนิดหน่อย เขาซีเรียสมากว่าต้องกินข้าวให้หมด ถ้าเรากินไม่หมดคือง่ายมากที่จะสูญเสียความประทับใจโดยเฉพาะเวลาไปเดท
แต่วันนั้นพวกเราสั่งอาหารมา4-5อย่าง แน่นอนว่ากินไม่หมด เราก็บอกเขาไปตรงๆเรื่องที่เราได้ยินมาเกี่ยวกับค่านิยมกินข้าวให้หมดนี้ แล้วถามว่าถ้าเขาซีเรียสเราจะพยายามกินให้หมด เขาก็ขำแล้วปลอบเราว่า
“คุณรู้มั้ยว่าฉันเคยติดต่อลูกค้าชาวจีน สำหรับวัฒนธรรมจีนถ้าแขกกินข้าวหมดทุกอย่าง จะถือว่าเสียมารยาทต่อเจ้าภาพนะ วันนี้พวกเราก็ยึดตามหลักมารยาทจีนแล้วกัน ฮ่าๆๆ!”
สรุปวันนั้นเราสองคนก็กินไม่หมด เขาก็ดูไม่ได้ซีเรียส แต่ก็ไม่รู้นะคะว่าในใจจริงๆมีแอบหักคะแนนเราไปบ้างรึเปล่า55555555 

ท่าทางเขาเป็นหนุ่มที่ทั้งเท่ทั้งมีความนุ่มนิ่มผสมๆกันไป จนเราแอบอดกระซิบถามไม่ได้ว่า “คุณเป็นเกย์รึเปล่า?”
เขาขำก๊ากเลย แล้วบอกว่าเขาไม่ได้เป็นแน่นอน เขามีแฟนเก่าเป็นผู้หญิงด้วย เราก็เชื่อเขานะคะ

แล้วเขาก็เล่าว่าเขาเกิดที่ญี่ปุ่น แต่ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย แล้วพอกลับมาทำงานที่ญี่ปุ่นเขาก็ไม่ชอบสังคมการทำงานที่นู่นเลย แต่เขาชอบประเทศไทยมาก ชอบอาหารไทย แล้วก็มีเกริ่นๆว่า ตอนนี้เค้าอายุ32แล้ว เริ่มมีคนกดดันให้แต่งงาน ถ้าเลือกได้เขาก็อยากแต่งงานแล้วอยู่ไทยไปยาวๆเลย ไม่ต้องกลับญี่ปุ่นหลังสัญญางาน5ปีหมดลง

เราก็ได้โอกาสแซวเค้าเล่น

เค้า : ชอบเมืองไทยมาก อยากอยู่เมืองไทย

เรา : งั้นก็หาคนไทยแต่งงานแล้วอยู่นี่ไปตลอดกาลซะเลย! นี่ไง ฉันๆๆๆ! คุณสามารถจ้างฉันแต่งงานได้ ถ้าคุณหาสาวไทยไม่ได้จริงๆ เก็บชั้นไว้เป็น last option ได้นะ อิอิ

เค้า : ไม่ คุณคือ first option

เรา : ……(เขินจนอึ้งไปแล้ว)

ตอนกินข้าวเสร็จเขาก็เป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด เรามีเปรยๆว่าแบบ พวกเราสามารถหารกันได้นะ ฉันยินดี เขาก็ปฏิเสธจะขอจ่ายเองทั้งหมดค่ะ

แล้วก็ไปซื้อไอติมมาเดินกินกันในห้าง ตอนซื้อไอติมเราก็บอกเค้าอีกว่า คุณเลี้ยงข้าวแล้ว ให้ฉันเลี้ยงไอติมเถอะ เขาก็ปฏิเสธค่ะ บอกว่าเขาอยากจะจ่ายให้ทั้งหมดทุกอย่าง

บทสนทนาตอนเดินกินไอติม

เรา : มั่นใจเข้าไว้ คุณดูดีมาก หาแฟนคนไทยได้ไม่ยากหรอกน่า! นู่นไง (ชี้ไม้ชี้มือ) ตรงนู้นมีคนน่ารักๆเพียบเลย! (กัดฟันพูด)

คุณA : no! คุน น่า ร๊าก

เรา : ……(เขิน)

คุณA : ผ้ม จีบ คุน

เรา : …………(ระเหิดเป็นไอไปแล้ว)

แต่เราก็ดูออกนะว่าเขาเขินแล้วก็คงใช้ความกล้าไปจนหมดเหมือนกัน เพราะพูดจบเขาก็หันหลังรีบเดินนำไปก้าวนึงเราก็ทุบเค้าไป1ที แล้วก็มองหน้ากันหัวเราะ

พอดีช่วงนั้นที่ Central World มีประดับไฟแล้วก็ตกแต่งธีมคริสต์มาส เขาก็ชวนเราเดินถ่ายรูปค่ะ แล้วมีมุมนึงที่ห้างประดับกระจกกลมหลายๆบาน เขาก็เซลฟี่หน้ากระจกตอนพวกเรายืนคู่กันค่ะ คืนนั้นเขาเอารูปนั้นลงไอจีสตอรี่ด้วยค่ะ-///-

เดินถ่ายรูปเสร็จนึกว่าแยกย้ายกลับได้แล้ว แต่เขายังไม่อยากกลับค่ะ เขาก็บอกว่าก่อนกลับขอไปซื้อของที่ Gourmet ก่อนแปปนึง แล้วก็เดินวนไปวนมา จนเราแกล้งทักเขาว่า “คุณแกล้งเดินผิดทางเพื่อจะได้อยู่กับฉันนานๆสินะ จริงๆคุณจำทางได้ทั้งหมดใช่ไหม?!!”

เขาก็บอกว่า “ชั่ย! ^o^”

จ้ะ

ก่อนจากกันเค้าก็พูดเปรยๆว่ามีครั้งต่อไปแน่นอน
อีกอย่างที่เราประทับใจก็คือความใส่ใจดีเทลเล็กๆน้อยๆของเขา อย่างเดทครั้งนี้เค้าก็รู้ว่าเรากลับบ้านต้องลงสถานีbys อโศก (ส่วนเขาลงทองหล่อ) แล้วเราก็ชอบกินอะไรหวานๆ เราชอบดื่มค็อกเทล เชื่อมั้ยว่าเดทครั้งต่อไป เค้านัดเราเจอสถานีอโศก แล้วก็เลือกแต่ร้านอาหาร+บาร์ที่มีค็อกเทลเสิร์ฟ ทั้งๆที่เขาชอบดื่มเบียร์ จริงๆจะเลือกร้านที่มีแค่เบียร์แบบครั้งที่แล้วก็ได้🥹🥹🥹

อีกอย่างนึงเรารู้สึกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เราเดทแล้วเป็นตัวของตัวเองได้มากขนาดนี้ จริงอยู่ที่เขาเป็นคนญี่ปุ่น แต่เขาไม่หัวโบราณ แล้วก็มีenergy  กับอารมณ์ขันพอๆกับเรา ความชอบถึงจะไม่ได้เหมือนกันไปหมดซะทีเดียว แต่ก็มีคล้ายกันหลายอย่าง เช่น ชอบแฮร์รี่พอตเตอร์, ชอบร้องเพลงดิสนีย์,ชอบทะเล,ชอบเที่ยว,ชอบดื่ม

หลังจากนั้นก็มีไปเดทกันคืนวันคริสต์มาสอีฟค่ะ หลังกินข้าวเสร็จเขาก็พาเราไปรูฟท็อปบาร์ ตอนคุยกันเรื่องทำสีผมเราก็เนียนๆขอจับผมเค้า เค้าก็โอเค5555555  ระหว่างที่อยู่ด้วยกันเขาก็มีพูดเปรยๆว่าทีเล่นทีจริงว่า

คุณA : คุณรู้มั้ยว่าวันคริสต์มาส สำหรับคนญี่ปุ่นคือช่วงเวลาที่จะใช้กับแฟนนะ
เรา : จ..จริงเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อนเล้ยยยย! (จริงๆแอบเสิร์ชกูเกิ้ลมาแล้ว ชั้นเลยชวนหล่อนออกมานี่ไง!)

หรือไม่ก็ คุณA : วิวตอนกลางคืนที่นี่สวยมาก ฉันเลยพาคุณมา เพราะคุณสวย
เรา : บ้าน่า!

แล้วก็ตอนถ่ายรูปหน้าต้นคริสต์มาส เขาทำท่าจะกัดตุ๊กตาหมี แล้วหันมาบอกเราว่า “ถ้ามีแฟนฉันก็อยากทำแบบนี้กับแฟนนะ”
เรา : ห้ะ?

คืนนั้นก็คืออึ้ง! อึ้ง!!! อึ้ง!!!!! -///-
แล้วก็แบกย้ายกันไปแบบนั้นล่ะ ที่เสียดายคือ มันกระทันหันไปหน่อย เราเลยเตรียมของขวัญให้เขาไม่ทัน แล้วก็มัวแต่ลังเลว่าจะเอาให้ดีไหม? จะให้อะไร? เขาจะชอบไหม? จะดูมากเกินไปไหม  บลาๆๆๆๆ สรุปก็คือพลาดไม่ได้ให้อะไรเขาเลยค่ะ T^T 

แล้วมีจังหวะที่เดินข้ามถนนกัน เราไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือแค่บังเอิญ คือฝ่ามือเขามาโดนหลังมือเรา1วิ เราไม่รู้ว่าเขาจงใจจะจับมือหรือแค่แกว่งแขนมาโดน เพราะคนตรงนั้นก็เบียดกันด้วย แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนั้นเราตกใจค่ะ แล้วปฏิกิริยาอัตโนมัติของเราคือ เราสะดุ้งชักมือออกทันที เราไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงในสถานการณ์ตอนนั้น แต่เชื่อมั้ยว่าเดทครั้งที่3,4,ต่อไปจากนี้เขาไม่ทีทีท่าจะสัมผัสตัวเราอีกเลยค่ะ T^T คือขอย้ำอีกครั้งนะคะว่าเราไม่แน่ใจแล้วมันก็เกิดขึ้นไวมาก ไม่แน่เขาอาจไม่ได้จงใจแล้วก็ไม่ได้สังเกตอะไรด้วยก็เป็นได้ค่ะ

แล้วคืนนั้นเราก็ถ่ายรูปไฟคริสมาสต์ เขาเอารูปคู่เซลฟี่กับเราอัพลงไอจีสตอรี่ด้วย แต่เพราะคราวนี้เห็นหน้าเราชัด เขาก็มีการมาขออนุญาตก่อนลง

หลังจากนั้นเขาก็กลับไปญี่ปุ่นช่วงปีใหม่ค่ะ (ตั้งแต่วันที่28ธันวา - 7 มกรา)

<<<มาต่อในคอมเม้นนะคะ ข้อความเต็ม>>>
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่