อยากแบ่งปันความรู้สึก สำหรับคนที่มีปัญหาการใช้ชีวิตคู่ ที่รู้หรือไม่รู้ว่า สามีเป็น Asperger
ตอนนี้เราอยู่ในวัยครึ่งร้อย ผ่านการใช้ชีวิตคู่ลุ่มๆดอนๆมาพอประมาณ พึ่งจะมีความสุข มีความเข้าใจของการมีชีวิตคู่จริงๆ บอกตรงๆที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นอุปสรรคของความคิด ความเป็นอยู่ การกระทำทั้งหลาย ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่เข้าใจความคิดของสามี
โดยนิสัย เราเป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไรมาก คนมองว่าเรียบร้อย ใจดี บางครั้งดูห้าวหาญ แต่มีคำถามตลอดว่า--- ทำไมสามีคิดแบบนี้--- เอาตรงๆนะ เป็นอะไรที่อยู่ในกรอบ นิสัยเรียบร้อย พูดจาเบาๆ จัดข้าวจัดของเรียบร้อย ไม่ชอบออกสังคม
เขามีความจำเป็นเลิศ จำตัวเลข ตัวอักษรได้ดี วิธีการคิดเลขคณิตศาสตร์แปลกๆ ไม่ตรงไปตรงมา (ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปคิดกัน) ทำงานในที่ทำงานได้ เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน จากการไม่ค่อยพูด ไม่มีเรื่องกับใคร ใครจะเข้าหา บางครั้งต้องมาหลังบ้าน (มาให้เราคุยให้)
ด้วยความไม่สนใจอะไรมาก ก็ปล่อยผ่านมาเรื่อย ไม่เถียงกัน บางครั้งไม่สบายใจที่จะอยู่ด้วย อยู่ได้ในมุมของใครของมัน คุยกันไม่เกิน 2 นาที เขาจะเดินไปที่อื่น หมุนแขนเสื้อบิดม้วนเวลาว่าง นั่งดูซีรีย์คนเดียวได้หลายๆชั่วโมง มีอารมณ์ซึมเศร้าบ่อยครั้ง ขี้ใจน้อย ชักสีหน้าบ่อย อย่าขัดใจเวลาพูดหรือทำอะไร เวลาโมโห คือ โลกต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ (ไม่เคยลงไม้ลงมือนะ แต่อย่าเถียง อย่าโต้ตอบ ทรัพย์สินจะเสียหาย) ไม่ชอบทำงานที่ยุ่งยาก ซับซ้อน งานที่เป็นเชิงงานช่าง ไม่แตะเลย
มันเลยทำให้เรากลายเป็นหญิงในร่างชาย ที่ต้องทำงานบ้านหรืองานอื่นที่ชายควรทำ
สำคัญสุด คือ ภาษากายชัด ..ไม่พูด ต้องอ่านเอาเอง...
บอกตรงๆชีวิตมันยุ่งทำมาหากิน ไม่ได้สังเกตอะไร แต่ก็เก็บความสงสัยมาเรื่อยยี่สิบกว่าปี ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมองชายคนนี้ ....มันเข้าใจยาก เข้าถึงยาก..
มันมาโป๊ะ ตอนที่เราลาออกจากงานมาทำงานส่วนตัว มีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ...ได้พากันออกเที่ยว...ขับรถตะเวนไปทั่ว ช่วงขับรถมันต้องนั่งไปด้วยกัน เราได้ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ (คุยได้นานกว่า 2 นาที 5555) เราปล่อยให้พูด ปล่อยให้ระบาย กระตุ้นในเชิงคำถามแบบเบาๆ เราก็ได้ข้อมูลมากขึ้น ชวนกันตะเวนไปเรื่อย
เหมือนเพิ่งเริ่มสนิทกัน ตอนอายุครึ่งร้อย .....
เราเลยตกผลึกว่า ชายที่เราใช้ชีวิตด้วย สมองน่าจะไม่ใช่สมองทั่วไป เราเริ่มศึกษาข้อมูล ....สรุปว่าน่าจะเป็นพวกสมองเกินร้อย....
พอเริ่มคุยกันได้ เราเอาแบบสอบถามทั้งหลายของ Asperger มาทดสอบ ใช่หมดเลย !!!!
...ตั้งแต่วันที่มั่นใจ วันที่รู้หมดแล้ว เราหมดคำถามในใจ...
สิ่งแรกที่เราทำ คือ จดบันทึกวันที่เขามีอาการ จดข้อมูลสิ่งกระตุ้นที่เร้าให้มีอาการ (โลกแตก) แรกๆ เราท้ออยู่นะ มันยากที่ต้องเข้าใจเขา มันยากที่ต้องปรับตัวปรับใจ หลังๆมา เหมือนเขาก็รับได้ว่าตัวเองเป็นนะ เขาพูดคำหนึ่งออกมา คือ "Love Therapy"
เขาบอกเราว่า -----เขามีโลกของเขา ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง เขาจะคิดเอง ทำเอง เขามองว่าความคิดของเขาดีแล้ว ถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน อย่าเข้าไปวุ่นวายในโลกของเขา---
เราบอกเขาว่า ต่อไปนี้ --เราขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกของเขาบ้าง ขอมีความคิดเห็น ขอแสดงตัว ขอให้เขามองรอบตัว อย่าโคจรไปคนเดียว ติดเราเข้าไปด้วย ---
หลังการจูนกัน การปรับตัวของเราคือ พูดเบาๆ ไม่กระตุ้นด้วยคำพูดหรือกริยา อยากทำอะไรก็บอกกัน อยากทำจริงๆ ก็ยกโลกทั้งมวลมาอ้าง ไปไหนพาไปด้วย
พอเราปรับตัวกับเขาได้ คุณรู้ไหม ชีวิตมันดีขึ้นมา จิตใจที่มีแต่คำถาม
มันโล่งจริงๆ มันสบายใจ
มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครเคยหาตัวตนของคู่ชีวิตไม่เจอเหมือนเรา ....หากคุณรู้ ...คุณจะเข้าใจ....คุณจะยอมรับ...คุณจะปรับตัว...และคุณจะมีความสุข...
เขาเป็น Asperger
ตอนนี้เราอยู่ในวัยครึ่งร้อย ผ่านการใช้ชีวิตคู่ลุ่มๆดอนๆมาพอประมาณ พึ่งจะมีความสุข มีความเข้าใจของการมีชีวิตคู่จริงๆ บอกตรงๆที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นอุปสรรคของความคิด ความเป็นอยู่ การกระทำทั้งหลาย ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่เข้าใจความคิดของสามี
โดยนิสัย เราเป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไรมาก คนมองว่าเรียบร้อย ใจดี บางครั้งดูห้าวหาญ แต่มีคำถามตลอดว่า--- ทำไมสามีคิดแบบนี้--- เอาตรงๆนะ เป็นอะไรที่อยู่ในกรอบ นิสัยเรียบร้อย พูดจาเบาๆ จัดข้าวจัดของเรียบร้อย ไม่ชอบออกสังคม
เขามีความจำเป็นเลิศ จำตัวเลข ตัวอักษรได้ดี วิธีการคิดเลขคณิตศาสตร์แปลกๆ ไม่ตรงไปตรงมา (ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปคิดกัน) ทำงานในที่ทำงานได้ เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน จากการไม่ค่อยพูด ไม่มีเรื่องกับใคร ใครจะเข้าหา บางครั้งต้องมาหลังบ้าน (มาให้เราคุยให้)
ด้วยความไม่สนใจอะไรมาก ก็ปล่อยผ่านมาเรื่อย ไม่เถียงกัน บางครั้งไม่สบายใจที่จะอยู่ด้วย อยู่ได้ในมุมของใครของมัน คุยกันไม่เกิน 2 นาที เขาจะเดินไปที่อื่น หมุนแขนเสื้อบิดม้วนเวลาว่าง นั่งดูซีรีย์คนเดียวได้หลายๆชั่วโมง มีอารมณ์ซึมเศร้าบ่อยครั้ง ขี้ใจน้อย ชักสีหน้าบ่อย อย่าขัดใจเวลาพูดหรือทำอะไร เวลาโมโห คือ โลกต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ (ไม่เคยลงไม้ลงมือนะ แต่อย่าเถียง อย่าโต้ตอบ ทรัพย์สินจะเสียหาย) ไม่ชอบทำงานที่ยุ่งยาก ซับซ้อน งานที่เป็นเชิงงานช่าง ไม่แตะเลย
มันเลยทำให้เรากลายเป็นหญิงในร่างชาย ที่ต้องทำงานบ้านหรืองานอื่นที่ชายควรทำ
สำคัญสุด คือ ภาษากายชัด ..ไม่พูด ต้องอ่านเอาเอง...
บอกตรงๆชีวิตมันยุ่งทำมาหากิน ไม่ได้สังเกตอะไร แต่ก็เก็บความสงสัยมาเรื่อยยี่สิบกว่าปี ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมองชายคนนี้ ....มันเข้าใจยาก เข้าถึงยาก..
มันมาโป๊ะ ตอนที่เราลาออกจากงานมาทำงานส่วนตัว มีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ...ได้พากันออกเที่ยว...ขับรถตะเวนไปทั่ว ช่วงขับรถมันต้องนั่งไปด้วยกัน เราได้ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ (คุยได้นานกว่า 2 นาที 5555) เราปล่อยให้พูด ปล่อยให้ระบาย กระตุ้นในเชิงคำถามแบบเบาๆ เราก็ได้ข้อมูลมากขึ้น ชวนกันตะเวนไปเรื่อย
เหมือนเพิ่งเริ่มสนิทกัน ตอนอายุครึ่งร้อย .....
เราเลยตกผลึกว่า ชายที่เราใช้ชีวิตด้วย สมองน่าจะไม่ใช่สมองทั่วไป เราเริ่มศึกษาข้อมูล ....สรุปว่าน่าจะเป็นพวกสมองเกินร้อย....
พอเริ่มคุยกันได้ เราเอาแบบสอบถามทั้งหลายของ Asperger มาทดสอบ ใช่หมดเลย !!!!
...ตั้งแต่วันที่มั่นใจ วันที่รู้หมดแล้ว เราหมดคำถามในใจ...
สิ่งแรกที่เราทำ คือ จดบันทึกวันที่เขามีอาการ จดข้อมูลสิ่งกระตุ้นที่เร้าให้มีอาการ (โลกแตก) แรกๆ เราท้ออยู่นะ มันยากที่ต้องเข้าใจเขา มันยากที่ต้องปรับตัวปรับใจ หลังๆมา เหมือนเขาก็รับได้ว่าตัวเองเป็นนะ เขาพูดคำหนึ่งออกมา คือ "Love Therapy"
เขาบอกเราว่า -----เขามีโลกของเขา ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง เขาจะคิดเอง ทำเอง เขามองว่าความคิดของเขาดีแล้ว ถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน อย่าเข้าไปวุ่นวายในโลกของเขา---
เราบอกเขาว่า ต่อไปนี้ --เราขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกของเขาบ้าง ขอมีความคิดเห็น ขอแสดงตัว ขอให้เขามองรอบตัว อย่าโคจรไปคนเดียว ติดเราเข้าไปด้วย ---
หลังการจูนกัน การปรับตัวของเราคือ พูดเบาๆ ไม่กระตุ้นด้วยคำพูดหรือกริยา อยากทำอะไรก็บอกกัน อยากทำจริงๆ ก็ยกโลกทั้งมวลมาอ้าง ไปไหนพาไปด้วย
พอเราปรับตัวกับเขาได้ คุณรู้ไหม ชีวิตมันดีขึ้นมา จิตใจที่มีแต่คำถาม มันโล่งจริงๆ มันสบายใจ
มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อใครเคยหาตัวตนของคู่ชีวิตไม่เจอเหมือนเรา ....หากคุณรู้ ...คุณจะเข้าใจ....คุณจะยอมรับ...คุณจะปรับตัว...และคุณจะมีความสุข...