ทั้งหมดเป็นโจทย์สมมตินะครับ
อันนี้ คิดคร่าวๆ คือสมมติ เราต้องนำเงินออกมาจากบริษัทเราเอง มาเข้ากระเป๋าตัวเอง
ปกติ มันจะมี 2-3 วิธี คือ เงินเดือน เงินปันผล หรือ ให้บ. เช่าทรัพย์สิน
แล้วถ้าเราขายทรัพย์สิน หรือขายบ้านล่ะ?
ผมไปหาอ่านดูภาษีขายบ้านคร่าวๆ แบบไม่ได้มุ่งค้าหากำไร ก็ไม่ต้องนำมาคำนวณรวมเป็นเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่จะมีภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยมีการหักค่าใช้จ่ายได้ด้วย (ปีแรก หักได้ถึง 92% แต่ยิ่งถือนานก็หักได้น้อย)
แต่ถือน้อยปี เดี๋ยวมันจะไปเข้าข่ายเป็นการมุ่งค้าหากำไรอีก และถือน้อยกว่า5ปี โดนภาษีเฉพาะอีก 3.3%
(ด้านล่าง การคำนวนคือ จะเป็นสูตรหัก ณ ที่จ่าย)
ก็สมมติ ว่าถือ5ปีแล้วกัน จะหักค่าใช้จ่ายได้ 65% แน่ะ
สมมติขายบ้านให้บริษัท 100 ล้าน เท่ากับเราหักไป65ล้าน คิดจริงแค่ 35 ล้าน
ใช้ราคาขาย หารจำนวนปีที่ถือครอง 5 ปี ก็ตกอยุ่ที่ 7 ล้าน
ซึ่งก็คิดตามขั้นบันได ขึ้นไปตามฐาน แต่ผมขอคิดง่ายๆ ตีไปเลย 35% จะเสียอยู่ที่ 2.45 ล้าน บาท (คือหัก ณ ที่จ่าย) (ต้องน้อยกว่านี้ เพราะคิดแบบขั้นบันได)
หักแล้วจบเลย (เพราะไม่ได้มุ่งการค้าหากำไร)
รวมกับ ค่าโอน 2% ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของ 100 ล้าน ก็ 2.5 ล้าน
รวมๆ ก็จะจ่ายอยู่ที่ ประมาณ 4.95 ล้าน ซึ่งก็คือ
4.95% ของเงินที่นำออกมาจากบริษัท(100ล้าน)
(ซึ่งบ้านที่เราขาย ราคาตอนซื้อมาต่ำกว่า100ล้านมาก)
แล้วการซื้อบ้านของบริษัท ก็นำไปหักเป็นรายจ่ายให้บริษัทได้ด้วย (ตรงนี้ ไปอ่านเพิ่ม เหมือนสรรพากรจะให้คิดตามราคาประเมินมากกว่า
ซึ่งก็ยังคุ้มอยู่ดี ต่อให้บ้านทั้งหลังหักเป็นรายจ่ายไม่ได้เลย ก็ถือว่าเสียภาษีนิติบุคคลปกติ 20% + 4.95% (ก็ยังดีกว่า โดนแบบปันผล 20%นิติฯ+10%(หักณที่จ่าย) หรือเงินเดือน 35%))
คำถามคือ ผมคิดแบบนี้ถูกไหม หรือ ลืมอะไรไป ถ้าถูก ก็แปลว่าประหยัดภาษีได้ใช่ไหมครับ?
การขายบ้าน ให้บริษัทตัวเอง ช่วยประหยัดภาษีได้ไหมครับ
อันนี้ คิดคร่าวๆ คือสมมติ เราต้องนำเงินออกมาจากบริษัทเราเอง มาเข้ากระเป๋าตัวเอง
ปกติ มันจะมี 2-3 วิธี คือ เงินเดือน เงินปันผล หรือ ให้บ. เช่าทรัพย์สิน
แล้วถ้าเราขายทรัพย์สิน หรือขายบ้านล่ะ?
ผมไปหาอ่านดูภาษีขายบ้านคร่าวๆ แบบไม่ได้มุ่งค้าหากำไร ก็ไม่ต้องนำมาคำนวณรวมเป็นเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่จะมีภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยมีการหักค่าใช้จ่ายได้ด้วย (ปีแรก หักได้ถึง 92% แต่ยิ่งถือนานก็หักได้น้อย)
แต่ถือน้อยปี เดี๋ยวมันจะไปเข้าข่ายเป็นการมุ่งค้าหากำไรอีก และถือน้อยกว่า5ปี โดนภาษีเฉพาะอีก 3.3%
(ด้านล่าง การคำนวนคือ จะเป็นสูตรหัก ณ ที่จ่าย)
ก็สมมติ ว่าถือ5ปีแล้วกัน จะหักค่าใช้จ่ายได้ 65% แน่ะ
สมมติขายบ้านให้บริษัท 100 ล้าน เท่ากับเราหักไป65ล้าน คิดจริงแค่ 35 ล้าน
ใช้ราคาขาย หารจำนวนปีที่ถือครอง 5 ปี ก็ตกอยุ่ที่ 7 ล้าน
ซึ่งก็คิดตามขั้นบันได ขึ้นไปตามฐาน แต่ผมขอคิดง่ายๆ ตีไปเลย 35% จะเสียอยู่ที่ 2.45 ล้าน บาท (คือหัก ณ ที่จ่าย) (ต้องน้อยกว่านี้ เพราะคิดแบบขั้นบันได)
หักแล้วจบเลย (เพราะไม่ได้มุ่งการค้าหากำไร)
รวมกับ ค่าโอน 2% ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของ 100 ล้าน ก็ 2.5 ล้าน
รวมๆ ก็จะจ่ายอยู่ที่ ประมาณ 4.95 ล้าน ซึ่งก็คือ 4.95% ของเงินที่นำออกมาจากบริษัท(100ล้าน)
(ซึ่งบ้านที่เราขาย ราคาตอนซื้อมาต่ำกว่า100ล้านมาก)
แล้วการซื้อบ้านของบริษัท ก็นำไปหักเป็นรายจ่ายให้บริษัทได้ด้วย (ตรงนี้ ไปอ่านเพิ่ม เหมือนสรรพากรจะให้คิดตามราคาประเมินมากกว่า
ซึ่งก็ยังคุ้มอยู่ดี ต่อให้บ้านทั้งหลังหักเป็นรายจ่ายไม่ได้เลย ก็ถือว่าเสียภาษีนิติบุคคลปกติ 20% + 4.95% (ก็ยังดีกว่า โดนแบบปันผล 20%นิติฯ+10%(หักณที่จ่าย) หรือเงินเดือน 35%))
คำถามคือ ผมคิดแบบนี้ถูกไหม หรือ ลืมอะไรไป ถ้าถูก ก็แปลว่าประหยัดภาษีได้ใช่ไหมครับ?