JJNY : ศิริกัญญาช่วยลุ้นออกดิจิทัลวอลเล็ตทันพ.ค.│ก้าวไกลดักคอรบ.ออกพันธบัตร│เตือนเงินบาทผันผวน│บันทึกจาก นายกส.ทนายความฯ

ศิริกัญญา ช่วยลุ้น รบ.ออกดิจิทัลวอลเล็ตทันพ.ค. หวั่นกม.กู้เงินสร้างบรรทัดฐานใหม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8046715
 
 
‘ศิริกัญญา’ ช่วยลุ้น รัฐบาลคลอดดิจิทัลวอลเล็ตทันดีเดย์ พ.ค.หรือไม่ หวั่น หากพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทผ่าน จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ อ้างวิกฤตก็กู้ได้เลย
 
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 11 ม.ค. 2567 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงบรรยากาศการประชุมกมธ. เมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) ซึ่งพรรคก้าวไกลมีการจี้ถามธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจ 
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศมา เราจึงสอบถามว่าวิกฤตเศรษฐกิจมีหน้าตาเป็นอย่างไรและตัวชี้วัดเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ตอบคำถามเรา ยกเว้นสำนักงบประมาณ
 
โดยมีการเล่าให้ฟังว่าวิกฤตจะมีอะไรบ้าง ทั้งวิกฤตด้านสถาบันทางการเงินที่มีเอ็นพีแอลสูง ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่มีคนแห่ไปถอนเงิน หรือวิกฤตภายนอกที่มีวิกฤตมาจากต่างประเทศ เช่น ปัญหาเรื่องการส่งออก-นำเข้า ที่นำไปสู่การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดทำให้ค่าเงินบาทอ่อน หรือแม้กระทั่งวิกฤตแรงงานที่คนตกงานเป็นจำนวนมาก หรือวิกฤตด้านการคลัง คือเงินคงคลังลดต่ำ
 
ทั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แลกเปลี่ยนกับหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ในกลุ่มคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตด้วย โดยจะต้องให้ความเห็นกับนายกรัฐมนตรีว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในวิกฤตหรือไม่
 
เมื่อถามว่าหน่วยงานได้สะท้อนวิกฤตตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่ได้พูดตรงๆ เช่นนั้น เพียงแค่เล่าให้ฟังว่าหากวิกฤตจะมีหน้าตาเช่นไร ซึ่งเราก็สามารถอนุมานได้ว่า เท่าที่ไล่มา 5-6 วิกฤตนั้น ยังไม่มีอันไหนที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ปัจจุบันได้
 
เมื่อถามว่ามองว่าในคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลดำเนินการจะผ่านด่านแรกไปใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็หินอยู่ และไม่รู้ว่าเขาจำเป็นจะต้องไปคิดค้นวิกฤตใหม่ขึ้นมาหรือไม่ เพื่อทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเศรษฐกิจไทยไม่สู้ดีจริงๆ โตต่ำจริงๆ และต้องการการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นจริงๆ
 
แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านกฎหมายที่ต้องตีความว่า หากเกิดวิกฤตจึงจะสามารถทำได้ ทำให้เป็นอุปสรรค ไม่ใช่ว่าตอนนี้เศรษฐกิจดี และที่สำคัญจะเป็นการเซ็ตบรรทัดฐานด้วย หากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทผ่านได้ ต่อจากนี้รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องแคร์งบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้ว ตอนนี้เราก็บอกแค่ว่าต้องการการกู้เงินและสามารถกู้ได้เลย ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีในอนาคต
 
เมื่อถามกรณีที่รัฐบาลแนะนำให้กลับไปดูที่ตลาดว่ามีวิกฤตเศรษฐกิจประชาชนเดือดร้อนจริงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนเห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไม่ดี การจับจ่ายใช้สอยก็ฝืด และต้องการการเข้าไปแก้ปัญหาของรัฐบาลโดยเร่งด่วนที่ไม่ต้องรอจนถึงเดือน พ.ค.
 
หากวันนี้ตลาดเงียบ ค้าขายลำบาก ก็ให้รัฐบาลเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ไม่ต้องรอจนถึงเดือน พ.ค. ไม่ต้องรอให้มีการกู้เงินก่อน สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้เลย” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
 
เมื่อถามจุดยืนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน หากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เข้าสภาฯ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดก่อนว่ารายละเอียดที่รัฐบาลส่งมาหน้าตาเป็นอย่างไร มีรายละเอียดครบถ้วนหรือไม่อย่างไร
 
แต่ในเชิงหลักการเราก็ต้องตีความก่อนว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แนะนำไว้ว่า หากเป็นไปตามเงื่อนไขก็สามารถทำตามได้ หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็ถือว่าผิดกฎหมาย
 
แต่ ณ ตอนนี้เรายังไม่เห็นหน้าตาของความจำเป็นเร่งด่วนวิกฤตเศรษฐกิจที่ต้องการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยที่งบประมาณไม่สามารถตั้งไว้ได้ทัน และเราคงต้องโหวตไม่รับร่างไปก่อน แต่ทั้งนี้ก็จะขอดูร่างพ.ร.บ.กู้เงินก่อน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
 
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลจะดำเนินการนโยบายดังกล่าวทันกรอบเดือนพ.ค. น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราคงต้องช่วยกันลุ้น ซึ่งวันนี้วันที่ 11 ม.ค.แล้ว แต่ยังไม่มีการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ นอกจากนี้ยังต้องไปร่างตัวร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ ก่อนที่จะเข้าสภา ซึ่งหากผ่านสภาได้ก็คงจะผ่าน เพราะเขาคุมเสียงข้างมากไว้
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า แต่ก็ยังมีด่านสว.อีก ซึ่งสามารถดีเลย์ได้อีกหากสว.โหวตไม่รับหลักการ และต้องตีกลับมายังสภาผู้แทนราษฎรว่าจะยังคงเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวหรือไม่ แต่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีอีกหลายหน่วยงานรวมถึงนักร้องขาประจำที่จ้องจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น เราก็ช่วยลุ้นว่าจะทำทันเดือน พ.ค. 2567 หรือไม่



ก้าวไกล ดักคอ รัฐบาล ออกพันธบัตร  ดิจิทัลวอลเล็ต หวั่น ซ้ำเติมปัญหาหุ้นกู้
https://www.matichon.co.th/economy/news_4369631
 
“ก้าวไกล” ดักคอ “รัฐบาล” ออกพันธบัตร เดินหน้า ดิจิทัลวอลเล็ต หวั่น ซ้ำเติมปัญหาหุ้นกู้ -กระทบความน่าเชื่อถือตลาดหุ้นไทย
 
เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 11 ม.ค.2567 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึง โครงการกู้เงินห้าแสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจส่งผลกระทบทางลบของต่อหุ้นกู้ ว่า นับตั้งแต่กลางปี 2566 จนถึงปัจจุบันนี้ หุ้นกู้ที่สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ได้อนุมัติให้บริษัทออกขายกับประชาชนมีการผิดนัดชำระหนี้เป็นจำนวนมูลค่าสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นกรณีหุ้นกู้ของ บริษัทสตาร์ค หรือ บริษัท เจเคเอ็น รวมถึงบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง ที่มีประชาชนเป็นผู้ลงทุนจำนวนมาก รวมทั้งข้าราชการที่เกษียณอายุแล้วจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะมีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้จะมากขึ้น โดยในปี 2566 มีการผิดนัดชำระหุ้นกู้ประมาณสองหมื่นกว่าล้านบาทและ คาดว่ามูลค่าหุ้นกู้ที่จะถึงกำหนดในปี 2567 นี้ อาจจะมีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นอีกเกือบล้านล้านบาท
 
การผิดนัดชำระหุ้นกู้แก่นักลงทุนที่เกิดบ่อยครั้งขึ้นและมีจำนวนเงินมากขึ้น ทำให้หุ้นกู้ที่จะออกขาย ใหม่ขาดความน่าเชื่อถือ คนที่ออกหุ้นกู้ใหม่ต้องใช้วิธีเสนอให้ดอกเบี้ยหุ้นกู้สูงขึ้น ล่าสุดมีการเสนอ ออกหุ้นกู้โดยเสนอให้ดอกเบี้ยสูงถึง 7เปอร์เซนต์ต่อปี จากปกติที่เคยให้ดอกเบี้ยประมาณ 3-5 เปอร์เซนต์ ต่อปี
 
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกา มีคำตอบมายังกระทรวงการคลัง ว่า สามารถออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ 5 แสนล้านบาท หากรัฐบาลทำตามพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พศ. 2561 ถ้ารัฐบาลออกพรบ.กู้เงินดังกล่าวออกมาบังคับ และรัฐบาลจะเลือกใช้วิธีการกู้โดยการออกพันธบัตร ตนมองว่าจะเป็นการซ้ำเดิมตลาดหุ้นกู้ที่ปัจจุบันมีปัญหาอยู่แล้ว ให้มีปัญหามากยิ่งขึ้น ปัญหาแรก คือ การแข่งขัน ด้านดอกเบี้ยตราสารจะสูงขึ้น โดยสภาพการแข่งขันของตลาดทุนแล้ว หุ้นกู้ที่จะออกมาขายกับประชาชนจะต้องเสนอให้ดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 2-3 เท่าเพื่อเป็นแรงจูงใจแก่นักลงทุนให้มาซื้อหุ้นกู้

ปัญหาที่สองที่จะเกิดขึ้นคือ การแก้ปัญหาการชำระหนี้หุ้นกู้ที่ผิดนัดแล้วโดยการขอขยาย ระยะเวลากำหนดชำระหนี้หุ้นกู้ หรือ rolling over ออกไปซึ่งบริษัทหลายบริษัทที่ออกหุ้นกู้ในปัจจุบันพยายามเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้ จะทำได้ยากยิ่งขึ้นเพราะนักลงทุนย่อมเร่งรัดเพื่อได้รับชำระหุ้นกู้เพื่อนำเงินมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีความมั่นคงมากกว่าดังนั้น จึงขอเสนอให้รัฐบาลระมัดระวังในการหาแหล่งเงินกู้ตามพรบ.กู้เงินห้าแสนล้านบาทที่จะออกมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้วิธีการออกพันธบัตรเพราะจะไปซ้ำเติมปัญหาหุ้นกู้ให้เลวร้ายลงกว่านี้และจะกระทบความเชื่อถือของตลาดทุนของประเทศไทย



เตือน เงินบาทผันผวน หลังตลาดลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ คืนวันพฤหัสฯนี้
https://www.matichon.co.th/economy/news_4369593

เตือน เงินบาทผันผวน หลังตลาดลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ คืนวันพฤหัสฯนี้
 
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.02 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย
 
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.97 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.90-35.10 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และประเมินกรอบ 34.80-35.30 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ
 
นายพูน กล่าวว่า โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 34.95-35.12 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำ หลังราคาทองคำได้ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับระยะสั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าไปมากนัก หลังเงินดอลลาร์ก็เริ่มชะลอการแข็งค่า เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในคืนวันพฤหัสฯ นี้ ขณะเดียวกัน บรรดาผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอจังหวะเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงในการทยอยขายเงินดอลลาร์
 
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ รวมถึง รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) โดยหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ไม่ได้ชะลอตัวลง ตามที่ผู้เล่นในตลาดคาดหวัง หรือกลับเร่งตัวขึ้น ขณะเดียวกัน ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานก็ยังคงอยู่ใกล้เคียงกับระดับเดิม
 
ในกรณีนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด และมีโอกาสที่ผู้เล่นในตลาดจะเลิกเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนมีนาคม ซึ่งอาจทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้พอสมควร
 
นายพูน กล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การผันผวนอ่อนค่าเร็วและแรงของเงินบาทในช่วงการซื้อ ขาย ระหว่างวันก่อนหน้า อาจไม่ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ในวันนี้ โดยเฉพาะในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เนื่องจาก แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าดังกล่าว นั้นมาจากความกังวลแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากแรงกดดันทางการเมือง
 
บรรดาผู้เล่นในตลาดก็ได้คลายกังวลประเด็นดังกล่าวไปพอสมควร หลังทาง ธปท. เตรียมจะจัดงานแถลง BOT Policy Briefing ในวันจันทร์ที่ 15 มกราคม โดยเราคาดว่า ธปท. จะใช้งานแถลงดังกล่าว ย้ำจุดยืนว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันของไทยนั้นอยู่ในระดับที่เหมาะสม ตามแนวโน้มการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
 
อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจเคลื่อนไหวผันผวนสูงได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในช่วงเวลาประมาณ 20.30 น.  ตลาดเวลาในประเทศไทย โดยเราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หากอัตราเงินเฟ้อกลับไม่ได้ชะลอลงตามคาด หรือ เร่งตัวขึ้น กดดันให้บรรดาผู้เล่นในตลาดเลิกเชื่อว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนมีนาคม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่