อดิศร ร่ายกลอน ซัด ‘บิ๊กตู่’ ลั่นแค่วางมือไม่ทำแผ่นดินสูงขึ้น จี้ขอโทษปชช.ด้วยที่ปล้นอำนาจไป
https://www.matichon.co.th/politics/news_4075418
‘อดิศร’ ฉะ ‘บิ๊กตู่’ วางมือไม่ทำให้แผ่นดินสูงขึ้น แต่ไม่พอต้องขอโทษปชช.ที่ปล้นอำนาจไป แรงฝากกลอนสี่บรรทัด ต้องจารึกบนหนัง…หมา ซัด ‘ประยุทธ์’ ต้องเป็นคนสุดท้ายที่ทำ รปห.
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประกาศวางมือทางการเมืองของพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เหมือนแผ่นดินสูงขึ้นหลายเมตร แต่จะประกาศวางมือกันง่ายๆ เฉยๆ มันดูง่ายไป เพราะพล.อ.
ประยุทธ์เป็นผู้บัญชาการทหารบก และผู้ก่อการกบฎยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นข้อหาหนัก ทำให้ประเทศชาติต้องทนทุกข์ทรมานถึง 9 ปี ดังนั้น แค่วางมือ และเป็นข่าวดีๆ ก็คงไม่เพียงพอ พล.อ.
ประยุทธ์ต้องขอโทษประชาชนและบอกสังคมว่า การทำรัฐประหารมันไม่ดีอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นคนสุดท้ายที่จะทำรัฐประหาร
“
ขอโทษประชาชนที่ได้ปล้นอำนาจไป ทำรัฐประหารไทย ต้องจารึกไว้บนหนัง…หมา ฝากกลอนสี่บรรทัดนี้ไว้” นาย
อดิศร กล่าว
เมื่อถามว่า การประกาศวางมือทางการเมือง เป็นช่วงที่ใกล้โหวตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นาย
อดิศร กล่าวว่า ไม่ต้องให้ใครมาส่งสัญญาณ เพราะพี่น้องประชาชนได้เลือกตั้งเสร็จสิ้นไปแล้ว เสียงประชาชนเท่าไหร่ก็ควรเท่านั้น สมาชิกรัฐสภาต้องเคารพ ไม่ต้องมีการส่งสัญญาณอะไร และฝากไปยัง ส.ว. ให้เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน นายกรัฐมนตรีต้องชื่อนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพราะหากคารพเจตนารมณ์ของประชาชน จะไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า แม้พล.อ.
ประยุทธ์วางมือ แต่พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังอยู่ นาย
อดิศร กล่าวว่า ทั้งหมดก็อยู่ในค่ายทหาร จับไม้จับมือกันมา เอาเป็นว่า ใครทำรัฐประหาร และจะวางมือกันง่ายๆ ไม่ได้หรอก ต้องมีการชำระสะสาง
ต่อข้อถามว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีรอบนี้เหมือนจะมีกลิ่นของรัฐประหาร นาย
อดิศร กล่าวว่า อย่ามีเลย ตนก็มีเพื่อนเป็นทหารเยอะ เขาก็ไม่พอใจที่ทหารจะมาทำการรัฐประหาร คนที่ทำรัฐประหารก็เป็นแค่ส่วนน้อย ทหารส่วนใหญ่ไม่ได้อยากให้เกิด การเลือกตั้งรอบนี้ทหารเขาก็ได้ใช้สิทธิ์ตรงข้ามกับผู้บัญชาการ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า มีการแจกกล้วยกันในกลุ่มส.ว. นาย
อดิศร กล่าวว่า ส.ว.เป็นผู้มีคุณวุฒิ มีข่าวแบบนี้ มันไม่ดีต่อท่าน ดังนั้น ควรแสดงออกถึงจุดยืนซ้ำในวันพรุ่งนี้ (13 กรกฎาคม) เพราะหากท่านเดินตรงข้ามกับประชาชน วุฒิสภาคงขาดความศรัทธา
พิธา หวังมี ‘ปชช.’ ในสมการ #SAVESENATE ขออย่าดึงสถาบัน อ้างไม่เลือกตามเสียงข้างมาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4075398
พิธา หวังมี ‘ประชาชน’ ในสมการ #SAVESENATE ขออย่าดึงสถาบันเป็นข้ออ้างไม่โหวตนายกฯตามเสียงข้างมาก ยืนยันจงรักภักดี อยากเห็นสถาบันอยู่คู่สังคมไทยต่อไป
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ประเด็นที่ นาย
สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการ ระบุว่า ส.ว.อ้างว่ามีการส่งข้อความ #SAVESENATE ส.ว.มีอิสระในการเลือก รวมทั้งจะโนโหวตวันที่ 13 ก.ค.นี้ ว่อนไลน์
นาย
พิธากล่าวว่า เพิ่งเคยเห็น ข้อความที่ระบุว่า “
ส.ว.มีอิสระในการเลือกคนดี มีความซื่อสัตย์ ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ยึดโยงกับผลการเลือกตั้ง ส.ส.แต่อย่างใด” คิดว่าควรมีคำว่า “
ประชาชน” อยู่ในนั้นด้วย และถ้ามีคำว่า “
ประชาชน” อยู่ในสมการนี้ก็ต้องยึดโยงกับผลเลือกตั้ง ส.ส. นั่นคือหลักการของรัฐบาลเสียงข้างมาก ไม่อย่างนั้นจะเลือกตั้งทำไม (ใช้งบ) ตั้งหลายพันล้าน เพื่อไปเลือกคนที่อยากให้เป็นนายกฯ ไปมอบฉันทะให้ไปจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผมตั้งแล้ว ได้มา 8 พรรค ได้มา 312 เสียง ตรงนี้คิดว่ามีเอกสิทธิ์ในการเลือก แต่ท่านต้องเลือกตามหลักการ ทั้งนี้ เรื่องความซื่อสัตย์ คนดี แต่ระบบต้องดีกว่า เพื่อคัดกรองความซื่อสัตย์ การไม่คอร์รัปชั่น
นาย
พิธากล่าวว่า ส่วนยึดมั่นความเป็นชาติ แน่นอนว่าศาสนาโอบรับความหลากหลาย โดยสถาบันกษัตริย์และสถาบันประชาชนต้องอยู่คู่กัน ถ้าท่านคิดแบบนี้ เอาสถาบันมาอ้างยิ่งทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเสียงของประชาชนที่ได้เลือกตั้งมา ผมว่าไม่เป็นผลดีกับสถาบัน เพราะพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง ไม่ควรเอามาเป็นเหตุและผลตรงนี้ เข้าใจว่ามีกลุ่มคนหลายคนที่ไม่อยากเห็นผมเป็นนายกฯ ไม่ว่าเขาจะสูญเสียสัมปทาน สูญเสียผลประโยชน์ที่เขาเคยมีอยู่ แต่ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ แล้วอ้างสถาบันมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าใช้เป็นเหตุผลแบบนี้ไม่ประโยชน์กับสถาบันไหนเลยในประเทศไทย
“
อยากจะขอให้หยุดเถอะครับ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง อย่าดึงพระองค์ท่านลงมาแล้วใช้เป็นข้ออ้างบังหน้าแล้วบอกว่าจะไม่เลือกตามเสียงข้างมาก ผมว่าอันตรายเกินไป และไมได้เป็นเรื่องของผมเลย เป็นหลักการการบริหารประเทศทั่วไป” นาย
พิธาระบุ
นาย
สรยุทธกล่าวถึง นาย
ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เปิดเผยวานนี้ (11 กรกฎาคม) กังวลว่าจะมีการชูเรื่องความจงรักภักดีในการโหวตหรือไม่โหวตให้นายพิธา
นาย
พิธาระบุว่า แสดงให้เห็นว่าพวกเรามีเป้าหมายเดียวกับท่าน มีวิธีการแสดงความจงรักภักดีของเรา เชื่อว่าการแสดงความจงรักภักดีทำให้สถาบันธำรงอยู่คือการไม่ให้ใครเอาสถาบันลงมาเป็นข้ออ้างในการไม่ทำตามมติประชาชน หรือโจมตีคนอื่น รังแกคนเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่าใน 20 ปีที่ผ่านมามีการขู่แบบนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เราไม่ยอมแก้ออก และใช้จนถึงทุกวันนี้
นาย
สรยุทธกล่าวว่า ถึงกังวลว่าถ้าเลือกนายพิธาเหมือนไม่จงรักภักดี? นาย
พิธาชี้แจงว่า เป็นการอนุมานที่ผิดมาก เป้าหมายตรงกัน ประเมินกับวิธีการต่างกัน นี่คือสิ่งที่ได้คุยกับวุฒิสภา ยังยืนยันว่า พระองค์ท่านควรอยู่เหนือการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่เป็นระบอบที่ดีที่สุดของไทย
นาย
สรยุทธ์ถามย้ำว่า นาย
พิธาและพรรคก้าวไกลจงรักภักดี? นาย
พิธากล่าวว่า แน่นอน และต้องการให้ธำรงระบบแบบนี้ ไม่ให้ใครเอาพระองค์ท่านลงมาสู่การเมือง
นาย
สรยุทธ์ระบุว่า หากโหวตให้นายพิธาไม่ได้หมายความว่าจะผ่านร่างแก้ ม.112? นาย
พิธากล่าวว่า ถูกต้อง มีขั้น มีตอน ยังยืนยันอย่างเดิมว่าทั้งพระราชฐานะและพระราชอำนาจต้องคิดถึงอย่างประณีต ทำให้สถาบันอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไปในอนาคต
นาย
พิธากล่าวต่อว่า 20 ปีที่ผ่านมาลองคิดดูดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้ว 20 ปีต่อจากนี้ถ้าเรายังใช้วิธีเดิม แบบเดิม จะเป็นผลดี หรือเป็นผลเสียกันแน่ คิดถึงเยาวชน คนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้สึกไม่เหมือนพวกเราที่ผ่านมาก่อน อีก 20 ปีข้างหน้าเรายังจะใช้วิธีแบบเดิมหรือ การที่คุณเป็นอนุรักษนิยม คุณต้องการอนุรักษ์บางสิ่งบางอย่าง คุณต้องการให้ธำรงอยู่แบบเดิม โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปกับยุคสมัย หรือต้องการเดินน้าไปพร้อมกับสังคม เดินหน้าเข้าสู่ศตวรรษที่ 21
ค่าเงินบาทวันนี้ แข็งค่าระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4075443
ค่าเงินบาทวันนี้ แข็งค่าระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์
นาย
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ “
แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทโดยรวมเคลื่อนไหว sideway ในกรอบ 34.75-34.85 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามปัจจัยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI ในวันนี้ (19.30 น.) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตาสถานการณ์การเมืองไทยที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ ในวันที่ 13 กรกฎาคม
วันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน โดยบรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI อาจชะลอลงสู่ระดับ 3.1% จาก 4% ในเดือนก่อนหน้า ตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงานและผลของฐานราคาสินค้าและบริการที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญ อาจชะลอลงสู่ระดับ 5% ซึ่งอาจเป็นระดับที่เฟดยังคงกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อได้ ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงมากกว่าคาด เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มปรับลดมุมมองต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟดได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าว ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานนั้นชะลอลงกว่าคาด เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลักอื่นๆ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักในระยะถัดไป
แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า แม้เงินบาทจะแข็งค่าหลุดโซนแนวรับที่เราประเมินไว้แถว 34.90 บาทต่อดอลลาร์ จนทดสอบโซน 34.75 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาด แต่โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้างในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยเราเห็นสัญญาณการทยอยขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติเพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ก่อนรับรู้ผลการโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ โซน 34.55-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ก็เป็นช่วงที่ผู้เล่นในตลาด อย่าง ผู้นำเข้าต่างก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นในตลาดที่กลับมา Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ในช่วงเงินบาทแข็งค่าขึ้นหลุดระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจทยอยขายทำกำไรได้บ้าง
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยหากอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ไม่ได้ชะลอลงตามคาด หรือ อาจปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาด ก็อาจกดดันให้ ผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่า เฟดก็มีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ อย่างน้อย อัตราดอกเบี้ยนโยบายก็อาจอยู่ในระดับสูงได้นานขึ้น (Higher For Longer) ซึ่งมุมมองดังกล่าว อาจช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลง ทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งเรามองว่า เงินบาทก็อาจอ่อนค่ามาติดโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI สหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ แต่อาจไม่มากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างได้มองว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่า Dot Plot ล่าสุด และในกรณีดังกล่าว เราคาดว่า หากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำก็อาจรีบาวด์ขึ้นทดสอบโซน 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสูงกว่านั้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซน 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ (ซึ่งก็เป็นแนวรับที่ผู้นำเข้าต่างก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์เช่นกัน)
JJNY : อดิศรร่ายกลอน ซัด‘ตู่’ จี้ขอโทษปชช.ที่ปล้นอำนาจไป│พิธาขออย่าดึงสถาบัน│ค่าเงินบาทวันนี้│ยูเครนสังหารนายพลรัสเซีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4075418
‘อดิศร’ ฉะ ‘บิ๊กตู่’ วางมือไม่ทำให้แผ่นดินสูงขึ้น แต่ไม่พอต้องขอโทษปชช.ที่ปล้นอำนาจไป แรงฝากกลอนสี่บรรทัด ต้องจารึกบนหนัง…หมา ซัด ‘ประยุทธ์’ ต้องเป็นคนสุดท้ายที่ทำ รปห.
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประกาศวางมือทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เหมือนแผ่นดินสูงขึ้นหลายเมตร แต่จะประกาศวางมือกันง่ายๆ เฉยๆ มันดูง่ายไป เพราะพล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้บัญชาการทหารบก และผู้ก่อการกบฎยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นข้อหาหนัก ทำให้ประเทศชาติต้องทนทุกข์ทรมานถึง 9 ปี ดังนั้น แค่วางมือ และเป็นข่าวดีๆ ก็คงไม่เพียงพอ พล.อ.ประยุทธ์ต้องขอโทษประชาชนและบอกสังคมว่า การทำรัฐประหารมันไม่ดีอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นคนสุดท้ายที่จะทำรัฐประหาร
“ขอโทษประชาชนที่ได้ปล้นอำนาจไป ทำรัฐประหารไทย ต้องจารึกไว้บนหนัง…หมา ฝากกลอนสี่บรรทัดนี้ไว้” นายอดิศร กล่าว
เมื่อถามว่า การประกาศวางมือทางการเมือง เป็นช่วงที่ใกล้โหวตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ต้องให้ใครมาส่งสัญญาณ เพราะพี่น้องประชาชนได้เลือกตั้งเสร็จสิ้นไปแล้ว เสียงประชาชนเท่าไหร่ก็ควรเท่านั้น สมาชิกรัฐสภาต้องเคารพ ไม่ต้องมีการส่งสัญญาณอะไร และฝากไปยัง ส.ว. ให้เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน นายกรัฐมนตรีต้องชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพราะหากคารพเจตนารมณ์ของประชาชน จะไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า แม้พล.อ.ประยุทธ์วางมือ แต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังอยู่ นายอดิศร กล่าวว่า ทั้งหมดก็อยู่ในค่ายทหาร จับไม้จับมือกันมา เอาเป็นว่า ใครทำรัฐประหาร และจะวางมือกันง่ายๆ ไม่ได้หรอก ต้องมีการชำระสะสาง
ต่อข้อถามว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีรอบนี้เหมือนจะมีกลิ่นของรัฐประหาร นายอดิศร กล่าวว่า อย่ามีเลย ตนก็มีเพื่อนเป็นทหารเยอะ เขาก็ไม่พอใจที่ทหารจะมาทำการรัฐประหาร คนที่ทำรัฐประหารก็เป็นแค่ส่วนน้อย ทหารส่วนใหญ่ไม่ได้อยากให้เกิด การเลือกตั้งรอบนี้ทหารเขาก็ได้ใช้สิทธิ์ตรงข้ามกับผู้บัญชาการ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า มีการแจกกล้วยกันในกลุ่มส.ว. นายอดิศร กล่าวว่า ส.ว.เป็นผู้มีคุณวุฒิ มีข่าวแบบนี้ มันไม่ดีต่อท่าน ดังนั้น ควรแสดงออกถึงจุดยืนซ้ำในวันพรุ่งนี้ (13 กรกฎาคม) เพราะหากท่านเดินตรงข้ามกับประชาชน วุฒิสภาคงขาดความศรัทธา
พิธา หวังมี ‘ปชช.’ ในสมการ #SAVESENATE ขออย่าดึงสถาบัน อ้างไม่เลือกตามเสียงข้างมาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4075398
พิธา หวังมี ‘ประชาชน’ ในสมการ #SAVESENATE ขออย่าดึงสถาบันเป็นข้ออ้างไม่โหวตนายกฯตามเสียงข้างมาก ยืนยันจงรักภักดี อยากเห็นสถาบันอยู่คู่สังคมไทยต่อไป
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ประเด็นที่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการ ระบุว่า ส.ว.อ้างว่ามีการส่งข้อความ #SAVESENATE ส.ว.มีอิสระในการเลือก รวมทั้งจะโนโหวตวันที่ 13 ก.ค.นี้ ว่อนไลน์
นายพิธากล่าวว่า เพิ่งเคยเห็น ข้อความที่ระบุว่า “ส.ว.มีอิสระในการเลือกคนดี มีความซื่อสัตย์ ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ยึดโยงกับผลการเลือกตั้ง ส.ส.แต่อย่างใด” คิดว่าควรมีคำว่า “ประชาชน” อยู่ในนั้นด้วย และถ้ามีคำว่า “ประชาชน” อยู่ในสมการนี้ก็ต้องยึดโยงกับผลเลือกตั้ง ส.ส. นั่นคือหลักการของรัฐบาลเสียงข้างมาก ไม่อย่างนั้นจะเลือกตั้งทำไม (ใช้งบ) ตั้งหลายพันล้าน เพื่อไปเลือกคนที่อยากให้เป็นนายกฯ ไปมอบฉันทะให้ไปจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผมตั้งแล้ว ได้มา 8 พรรค ได้มา 312 เสียง ตรงนี้คิดว่ามีเอกสิทธิ์ในการเลือก แต่ท่านต้องเลือกตามหลักการ ทั้งนี้ เรื่องความซื่อสัตย์ คนดี แต่ระบบต้องดีกว่า เพื่อคัดกรองความซื่อสัตย์ การไม่คอร์รัปชั่น
นายพิธากล่าวว่า ส่วนยึดมั่นความเป็นชาติ แน่นอนว่าศาสนาโอบรับความหลากหลาย โดยสถาบันกษัตริย์และสถาบันประชาชนต้องอยู่คู่กัน ถ้าท่านคิดแบบนี้ เอาสถาบันมาอ้างยิ่งทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเสียงของประชาชนที่ได้เลือกตั้งมา ผมว่าไม่เป็นผลดีกับสถาบัน เพราะพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง ไม่ควรเอามาเป็นเหตุและผลตรงนี้ เข้าใจว่ามีกลุ่มคนหลายคนที่ไม่อยากเห็นผมเป็นนายกฯ ไม่ว่าเขาจะสูญเสียสัมปทาน สูญเสียผลประโยชน์ที่เขาเคยมีอยู่ แต่ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ แล้วอ้างสถาบันมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าใช้เป็นเหตุผลแบบนี้ไม่ประโยชน์กับสถาบันไหนเลยในประเทศไทย
“อยากจะขอให้หยุดเถอะครับ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง อย่าดึงพระองค์ท่านลงมาแล้วใช้เป็นข้ออ้างบังหน้าแล้วบอกว่าจะไม่เลือกตามเสียงข้างมาก ผมว่าอันตรายเกินไป และไมได้เป็นเรื่องของผมเลย เป็นหลักการการบริหารประเทศทั่วไป” นายพิธาระบุ
นายสรยุทธกล่าวถึง นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่เปิดเผยวานนี้ (11 กรกฎาคม) กังวลว่าจะมีการชูเรื่องความจงรักภักดีในการโหวตหรือไม่โหวตให้นายพิธา
นายพิธาระบุว่า แสดงให้เห็นว่าพวกเรามีเป้าหมายเดียวกับท่าน มีวิธีการแสดงความจงรักภักดีของเรา เชื่อว่าการแสดงความจงรักภักดีทำให้สถาบันธำรงอยู่คือการไม่ให้ใครเอาสถาบันลงมาเป็นข้ออ้างในการไม่ทำตามมติประชาชน หรือโจมตีคนอื่น รังแกคนเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับว่าใน 20 ปีที่ผ่านมามีการขู่แบบนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เราไม่ยอมแก้ออก และใช้จนถึงทุกวันนี้
นายสรยุทธกล่าวว่า ถึงกังวลว่าถ้าเลือกนายพิธาเหมือนไม่จงรักภักดี? นายพิธาชี้แจงว่า เป็นการอนุมานที่ผิดมาก เป้าหมายตรงกัน ประเมินกับวิธีการต่างกัน นี่คือสิ่งที่ได้คุยกับวุฒิสภา ยังยืนยันว่า พระองค์ท่านควรอยู่เหนือการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่เป็นระบอบที่ดีที่สุดของไทย
นายสรยุทธ์ถามย้ำว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกลจงรักภักดี? นายพิธากล่าวว่า แน่นอน และต้องการให้ธำรงระบบแบบนี้ ไม่ให้ใครเอาพระองค์ท่านลงมาสู่การเมือง
นายสรยุทธ์ระบุว่า หากโหวตให้นายพิธาไม่ได้หมายความว่าจะผ่านร่างแก้ ม.112? นายพิธากล่าวว่า ถูกต้อง มีขั้น มีตอน ยังยืนยันอย่างเดิมว่าทั้งพระราชฐานะและพระราชอำนาจต้องคิดถึงอย่างประณีต ทำให้สถาบันอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไปในอนาคต
นายพิธากล่าวต่อว่า 20 ปีที่ผ่านมาลองคิดดูดีๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้ว 20 ปีต่อจากนี้ถ้าเรายังใช้วิธีเดิม แบบเดิม จะเป็นผลดี หรือเป็นผลเสียกันแน่ คิดถึงเยาวชน คนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้สึกไม่เหมือนพวกเราที่ผ่านมาก่อน อีก 20 ปีข้างหน้าเรายังจะใช้วิธีแบบเดิมหรือ การที่คุณเป็นอนุรักษนิยม คุณต้องการอนุรักษ์บางสิ่งบางอย่าง คุณต้องการให้ธำรงอยู่แบบเดิม โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปกับยุคสมัย หรือต้องการเดินน้าไปพร้อมกับสังคม เดินหน้าเข้าสู่ศตวรรษที่ 21
ค่าเงินบาทวันนี้ แข็งค่าระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4075443
ค่าเงินบาทวันนี้ แข็งค่าระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.76 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทโดยรวมเคลื่อนไหว sideway ในกรอบ 34.75-34.85 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามปัจจัยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI ในวันนี้ (19.30 น.) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตาสถานการณ์การเมืองไทยที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ ในวันที่ 13 กรกฎาคม
วันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน โดยบรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI อาจชะลอลงสู่ระดับ 3.1% จาก 4% ในเดือนก่อนหน้า ตามการปรับตัวลดลงของราคาพลังงานและผลของฐานราคาสินค้าและบริการที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญ อาจชะลอลงสู่ระดับ 5% ซึ่งอาจเป็นระดับที่เฟดยังคงกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อได้ ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงมากกว่าคาด เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มปรับลดมุมมองต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟดได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าว ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานนั้นชะลอลงกว่าคาด เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลักอื่นๆ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักในระยะถัดไป
แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า แม้เงินบาทจะแข็งค่าหลุดโซนแนวรับที่เราประเมินไว้แถว 34.90 บาทต่อดอลลาร์ จนทดสอบโซน 34.75 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาด แต่โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้างในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยเราเห็นสัญญาณการทยอยขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติเพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ก่อนรับรู้ผลการโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ โซน 34.55-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ก็เป็นช่วงที่ผู้เล่นในตลาด อย่าง ผู้นำเข้าต่างก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นในตลาดที่กลับมา Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) ในช่วงเงินบาทแข็งค่าขึ้นหลุดระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจทยอยขายทำกำไรได้บ้าง
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยหากอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ไม่ได้ชะลอลงตามคาด หรือ อาจปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาด ก็อาจกดดันให้ ผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่า เฟดก็มีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ อย่างน้อย อัตราดอกเบี้ยนโยบายก็อาจอยู่ในระดับสูงได้นานขึ้น (Higher For Longer) ซึ่งมุมมองดังกล่าว อาจช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลง ทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งเรามองว่า เงินบาทก็อาจอ่อนค่ามาติดโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI สหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด หรือ ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ แต่อาจไม่มากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างได้มองว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่า Dot Plot ล่าสุด และในกรณีดังกล่าว เราคาดว่า หากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาทองคำก็อาจรีบาวด์ขึ้นทดสอบโซน 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสูงกว่านั้น ซึ่งจะช่วยหนุนให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซน 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ (ซึ่งก็เป็นแนวรับที่ผู้นำเข้าต่างก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์เช่นกัน)