เรื่องราวนี้เป็นแนวเรื่องเล่าสตอรี่ที่เจอระหว่างทาง ไม่ค่อยมีสาระไกด์ไลน์นำเที่ยวนะ รวมๆ เรื่องราวที่เราคิดว่าพีคมากๆ ที่เคยเจอ มีทั้งเรื่องราวสุขใจ ตกใจ และใจฟู อ่อมีเรื่องผู้ด้วยนะ เพราะปัจจุบันเที่ยวจนได้ผู้มาแล้ว แต่เราคิดว่าเรื่องราวของเรามันไม่ได้หวานหยดย้อยจนชวนหมั่น คิดว่าทุกคนน่าจะอ่านได้แบบไม่รำคาญใจ อะ ก่อนอื่นเรามารู้จักคำว่า "introvert" ก่อน ปัจจุบันนี้เราจะเห็นมีคนหยิบคำนี้มาพูดเล่นขำๆ ว่า นึกว่าตัวเป็น introvert ที่ไหนได้ตังหมด ไม่มีตังส์ออกจากบ้านอะไรประมาณนี้ จริงๆ แล้วคนที่เข้าข่าย introvert มีอยู่จริงๆ และไม่น้อยเลย
introvert คือคนประเภทไม่ค่อยชอบเข้าสังคม หรือแค่สถานที่หรือสถานการณ์ที่มีคนเยอะมากๆ นี่ก็จะแย่แล้ว เพราะพื้นฐานแล้วเราชาว introvert นั้นจะชอบอยู่คนเดียว ชอบดื่มด่ำอยู่กับความคิดของตัวเอง คิดเรื่องเดิมวนไปวนมา ชอบความเงียบ ไม่ชอบพูดมากแต่ในขณะเดียวกันในบางคนก็ไม่ชอบฟังด้วยแบบเราที่ไม่ชอบพูดแล้วยังรู้สึกรำคาญง่ายถ้ามีคนมาพูดอะไรเยอะๆ ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องรู้ คุยงาน คุยเรื่องจำเป็นอะได้ แต่ถ้าเมาส์มอยหรือเซ้าซี้หรือแม้แต่การต้องอธิบายอะไรซ้ำๆ อันนี้จะรู้สึกรำคาญอยากปลีกตัวออกไปมากๆ หรือก็คือ "โลกส่วนตัวสูง" ไม่ได้ขี้อายนะแค่ไม่อยากพูด พูดน้อย ถ้าต้องพูดในพื้นที่สาธารณะเช่น พรีเซนต์งานหรือเริ่มบทสนทนากับคนที่ไม่รู้จักก่อน อย่างแรกคือจะประหม่ามาก แต่ถ้าต้องพูดก็พูดได้แต่พอแล้วเสร็จจะรู้สึกเหมือนถูกสูบพลังชีวิตไปหมด เป็นพวกคิดมาก ไม่ชอบมีปัญหา ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ได้รู้สึกปลื้มปริ่มถ้ามีคนมารุมล้อม แต่เรา...เป็น introvert ที่ดันตกหลุมรักอินเดีย ประเทศที่แสนจะวุ่นวาย แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ไปกี่ครั้งก็มีสายจับจ้องและ แห่ เข้า มา รุม ล้อม ฮ่าๆๆ
พร้อมแล้วเราไปอ่านเรื่องราวกันเลย แต่ แต่ แต่ ถ้ามันไม่โดนใจใคร หรือมีความเห็นต่างคอมเมนต์ได้นะ แต่ไม่แรงไม่หยายนะ ส่วนหนึ่งที่เราหยุดเขียนบนพันทิปไปนานมากเพราะเคยโดนลบกระทู้ด้วยเรื่องการแนบลิงก์ด้านนอกบวกกับจิตตกกับบางคอมเมนต์เลยหายไปนานมาก ตอนนี้ก็ลองกลับมาดูอีกสักตั้ง
ตัวเรานั้นนอกจากจะเป็นคนเก็บตัวแล้ว ยังเป็นสาวอ้วนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองสวยจนจะมีใครมาขายขนมจีบแต่ไปที่นี่ ส่วนตัวรู้สึกว่าชาวต่างชาติก็สวยหมดแหละสำหรับพวกเขา เคยไปจอร์ดปูร์ เมืองสีฟ้า ระหว่างเที่ยวชมเดินเตร่อยู่นั้นก็มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นมาขอถ่ายรูปและบอกว่า "คุณสวยคุณไนท์มาก บลาๆๆๆ" แล้วพอเดินผ่านไปมีกลุ่มสาวฝรั่งเดินเที่ยวตามหลังเรามา กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็เข้าไปขอถ่ายรูปแล้วชมเชยพวกเธอเช่นกัน ไม่มีไทป์ที่ชัดเจนแค่เป็นชาวต่างชาติก็สะดุดตาแล้ว จากวันแรกที่ไปอินเดีย ตอนนั้นอายุประมาณ 24-25 ก็เคยแอบคิดนะ "เออหรือฉันสวยจริงวะ" แต่ตอนนี้จากที่ไปบ่อยไปทุกปีปีล่ะหลายครั้ง ไปอยู่แรมเดือนจนตอนนี้ย่างเข้าอายุ 32 บอกเลยว่า "ไม่ใช่อะ ฉันไม่ได้สวยขนาดนั้น ฉันเป็นคนต่างชาติต่างหาก" ฮ่าๆๆ แน่นอนว่าคนเก็บตัวที่ไม่ชอบเจอผู้คนไม่ชอบคุย มาอินเดียได้คุยแน่นอน ทั้งคุยทั้งฟังเลยแหละ
คนอินเดียจะเฟรนลี่มาก ขึ้นรถไฟนี่ยังไงก็โดนชวนคุย จะอายุวัยไหนก็จะชอบพูดคุย บางคนพูดอังกฤษไม่ได้แต่ก็อยากคุย เราไปอัมริตสาร์คุณตาที่นั่งไปข้างๆ เขาไม่พูดอังกฤษนะ แต่เขาก็ถามบ้างคุยบ้างแต่ฟังไม่รู้เรื่อง ตอนหลังคุณตาเลยไม่ชวนคุยแต่ซื้อขนมกินแล้วแบ่งเราตลอด ซึ่งในทริปนั้นเราพยายามอั้นปัสสาวะอยู่ลำบากใจมากๆ เพราะขนมมันทำให้คอแห้งแต่คุณตาก็ไม่ยอมหยุดแบ่งเลย
ตัวเราเมื่อก่อนเป็นคนไม่พูดเลย ถ้าไม่รู้จักคือไม่คุยเลยจนมีคนเคยบอกว่า "หยิ่งเนอะ" แต่ป่าว!!! ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่รู้จะเริ่มคุยยังไง เวลาหัวหน้าบอกให้โทรไปถามไปตามงานที่สำนักงานอื่น สมัยนั้นเราจะถามหัวหน้าเลยว่า "หนูต้องพูดว่าอะไร" ใช่! เป็นคนตื่นคนแบบสุดๆ ไม่รู้วิธีคุยเพราะปกติอยู่คนเดียว คุยกับตัวเอง หรือไม่ก็ครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่การไปอินเดีย "ไม่พูดไม่ได้เพราะเขาคุยกันเก่งมาก" เราก็เลยเริ่มคุยเป็น แต่ก็ยังไม่ชอบคุยนะ แต่ถ้าต้องไปออกงาน ไปนำเสนองาน ไปคุยงานคือเริ่มคุยได้ ปั้นหน้ายิ้มได้ เพราะอินเดียเลย
ด้วยความไปอินเดียบ่อยปัจจุบันเราก็จะมีทั้งเพื่อนและแฟน และทุกคนล้วนแล้วแต่พูดเก่งทั้งนั้น แฟนขับรถพาเที่ยวก็มีแต่เสียงแฟนพูดๆ บนรถ เพื่อนสนิทอีกคนรู้จักกัน 6-7 ปีเวลาไปนิวเดลีเขาก็จะพยายามพาเราไปพบเพื่อนๆ ของเขาเราถามว่าทำไมชอบพาเราไปไหนมาไหนไปเจอผู้คน เขาบอก "คุณจะได้รู้วิธีพูดคุย" ถามฉันบ้างฉันอาจจะอยากอยู่เงียบๆ ก็ได้นะ เพื่อนที่เจอกันในโฮสเทลเช้ามาเธอก็จะอรุณสวัสดิ์แล้วก็พูดๆๆๆ เราก็จะ อ่า อ่อ อืม เยส โอว ยาส์ และตอบกลับเมื่อมันเป็นคำถาม แต่ไม่เล่าเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องที่เจอในแต่ละวันยกเว้นจำเป็น มันก็จะเหมือนเธอคนนั้นกำลังสนทนากับกำแพง จนบางครั้งคู่สนทนาเงียบไปเองและถามว่า "ฉันรบกวนเวลาคุณหรือเปล่า" ฮ่าๆๆๆ ก็อยากจะตอบว่าชอบอยู่เงียบๆ มากกว่าแต่แบบนั้นน่าจะไม่ดี เลยตอบว่าไม่ และบอกว่าไม่ค่อยรู้วิธีผูกมิตรเท่าไหร เท่านั้นแหละ...บทสนทนาจะไม่มีทางสิ้นสุดง่ายๆ ส่วนมากฝั่งตรงข้ามก็จะตอบกลับว่า "โอ้ว ไม่ต้องกังวล ฉันผูกมิตรเก่ง" บางคนถึงขั้นรื้อถุงช็อปปิ้งแล้วโชว์เป็นชิ้นๆ ซื้อจากไหนราคาเท่าไร บรรยายสรรพคุณ ฟังจนเวียนหัวเลยทีนี้...
(( เราก็จะไม่มีรูปตัวเองกับผู้คนเท่าไรนะ ก็นะแค่หาเรื่องคุยยังยากนับประสาอะไรกับการขอถ่ายรูปกับคนอื่น ไร้ความสามารถทางด้านนี้จริงๆ ))
ผู้ชายและผู้หญิงบางคนแลดูเงียบนะ แบบดูจากภายนอกดูสุขุมดูเงียบแต่...พอได้คุย โอ้โห้วเท่าที่เจอคือพูดเก่งทุกคน บางคนเช่นผู้ของเรา บ่นเก่งมาก ที่บ้านเราก็บ่นเก่ง แม่ น้องสาว เป็นพยาบาลนี่ก็บ่นเก่ง (เพราะเรานอนดึกงานเยอะ และดื่มกาแฟ 2-3 แก้วต่อวัน) แต่ที่เขาบ่นที่เขาพูดเยอะก็เพราะใส่ใจนั้นแหละนะ เราว่าใครที่มีแฟน หรือคนรอบข้างบ่นเก่งแบบนี้อย่าไปหงุดหงิดเลย ถ้าเขาไม่บ่นเลยนั่นคือเขาไม่สนใจนะ ไม่สนใจคือไม่ได้อยู่ในสายตานะ เราเลยให้บ่นได้ บ่นไปเถอะเราไม่ว่าไม่เถียงเพราะเราก็ไม่ได้ฟัง... อ่อแต่ต้องแยกให้ออกนะว่า บ่น หรือเจ้ากีเจ้าการบงการชีวิต ถ้าเจ้ากี้เจ้าการเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน
อยู่ไทยถ้าเราเจอผู้หญิงด้วยกันแต่งตัวดีหรือโดนใจเรา แบบว่าเห้ยชุดสวยวะ แต่ไม่รู้จักก็คงเก็บคำถามว่า "ซื้อชุดที่ไหนไว้ในใจ" มากกว่าเดินเข้าไปถาม แต่ถ้าเจอในโซเชียลอาจจะขออนุญาตถามไป แต่ที่อินเดีย เราเดินเที่ยวอยู่ที่คอนน็อตเพลต นิวเดลี เดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่มีการฮัลโหลหรือแนะนำตัวใดๆ เธอทักเฮย์ แต่เราเดินผ่าน แต่หูได้ยินแต่ไม่รู้ใช่เราหรือป่าวที่เธอเฮย์ ประโยคต่อจากเฮย์คือ "กางเกงของคุณซื้อที่ไหน" เราเลยหยุดเดินและหันไปมองหน้าเธอแบบงงๆ เธอพูดซ้ำอีกรอบว่า "ฉันชอบดีไซน์กางเกงของคุณ ซื้อที่ช็อปไหน พาฉันไปได้ไหม" อันนี้บอกก่อนว่าคอนน็อตเพลตมันเป็นแหล่งช็อปปิ้งด้วยแหละเธออาจจะคิดว่าเราซื้อมันจากที่นี่แต่ใครเขาจะซื้อแล้วใส่เลยกันล่ะ ใดๆ คือเราสั่งออนไลน์ร้านในไทย เธอก็ถามนะว่าเธอสามารถสั่งได้ไหมซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าร้านจะส่งข้ามประเทศไหม แต่สุดท้ายก็ยืนฟังเธอออกความเห็นประนึ่งว่ารีวิวความประทับใจในดีไซน์กางเกงของเรา ฟังจบเธอก็เซย์บายแล้วเดินจากไป อยู่ไทยฉันก็ไม่เคยยืนรอคู่สนทนารีวิวกางเกงของฉันอะนะ
บนรถไฟอินเดีย เราจะเจอเรื่องหลากหลายสารพันรูปแบบ เช่น การขอเปลี่ยนที่นั่ง แบบว่าแลกบ่นล่างกัน ที่นี่ขอแลกกันแบบปกติมากๆ นะ ให้หรือไม่ให้ก็ตามสะดวก การเบียดกันขึ้นลงรถไฟ คนที่ไม่ชอบการมีปัญหาแบบเราจังหวะนี้ไม่ชอบยังไงก็ต้องสู้ค่ะ เบียดมาเบียดกลับต้องเบียดนะไม่งั้นขึ้นไม่ทัน อย่าไปมัวยืนงง ไม่กล้าแล้วเอาแต่รอๆ ข้างล่างก็จะขึ้นอย่างเดียวคนข้างบนยังไม่ได้ลงเลย บางที่ก็ต้องตะเบงเสียงใส่ไปบ้างไม่งั้นลงไม่ได้สู้ชีวิตสุดแม้ว่าจะเป็นชั้นดีๆ ก็ตาม ชั้นที่ไม่ต้องเบียดมากก็พวกเฟิร์สคลาส หรือไม่ก็ต้องขึ้นที่ต้นทางและลงสถานีปลายทางไปเลย แต่ถ้าเป็นสถานีระหว่างทาง จอดประมาณ 5-10 นาทีต้องเบียดต้องรีบสุดชีวิต ขึ้นไปได้ถอนหายใจทุกรอบอะ บางทีก็ถามตัวเองว่า "นี่ฉันพาตัวฉันมาเจออะไรนิ" แต่ก็นะ...มันก็สนุกดีนะ ใช่ค่ะ มันสนุกดีถ้ามันไม่มีปัญหา... การเดินทางในช่วงหน้าหนาว สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้คือ "โอกาสรถไฟดีเลย์" มีมากกว่าปกติ และดันเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครโวยวาย... รอบล่าสุดเจอดีเลย์ 10 ชม. ยืนเหวอไปเลย
แต่ความโชคดีของเราคือเรามีทั้งแฟนทั้งคนรู้จัก ถึงจะลุยเดี่ยวแต่พอมันเกิดปัญหามันไม่ได้แก้ไขตัวคนเดียวไง เราก็บ่นนะแต่ผู้ของเราเขาพูดแค่ว่า "มันดีเลย์เป็นปกติ มันเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือหาตั๋วใหม่แล้วไปรีฟันด์ตั๋วเก่าที่หลัง" เคสเรานี้คือต้องขึ้นรถไฟตอนห้าโมงเย็นแต่รถไฟดีเลย์จะเข้ามาตอนเที่ยงคืน แต่ตอนประมาณสองทุ่มเช็คอีก เวลามันก็ดีเลย์ไปเรื่อยๆ ผู้เราบอกอย่ารอเลยเขาเลยจองตั๋วใหม่เป็นรอบเที่ยงคืน แต่ชั้นดีๆ มันเต็มแล้วได้เป็น SL แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยมันก็มีที่นั่งแต่.... ถึงเวลาจริง คนมันเยอะมากชนิดที่ยืนเบียดมันเหมือนมีคนแอบขึ้นอะแล้วพอเราไปบอกว่านี่ที่นั่งเราเขาไม่ลุก เราไม่รู้ว่าเขาไม่รู้ภาษาอังกฤษหรือเขาแกล้งมึน แต่มนุษย์ป้าคนนั้นไม่ยอมลุก คนหลังก็ดันคนนั่งก็มึน ฉันไม่ชอบการถกเถียงไม่ชอบมีปัญหาไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ณ ตอนนั้นมันมาหมดเลย ต้องพยายามบอกทั้งคนนั่งและคนข้างๆ คนนั่งเพื่อขอที่นั่งของเรา และทุกคนก็แค่มองเฉยๆ เลย ก็ถูกคนหลังที่ดันอยู่เริ่มเสียงดังใส่ ทำอะไรไม่ได้เลยลงไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างล่างสถานี เขาว่าให้ไปยืนในชั้น AC เราก็ถามย้ำว่าจะไม่มีปัญหาหรอ เขาบอกมาดามไปยืนใน AC คลาสได้เลย อะ...ก็ไป ไปถึง เจ้าหน้าที่ชั้น AC ไม่ยอม เขาบอกถ้าเจ้าหน้าที่คนอื่นอนุญาตต้องมีลายเซนต์ คนไม่ชอบพูดแต่ต้องพยายามอธิบาย เขาบอกเราว่า "พูดฮินดี" เราก็บอกเราไม่รู้ฮินดีเราไม่ใช่คนอินเดีย แต่เขาก็ยังบอกว่าให้พูดฮินดี เถียงกันนาน จนเขาพูด Eng กับเราว่า "ถ้าจะขึ้นก็จ่ายมา" แล้วทำมือแบบถูนิ้ว ท่าไถเงินอะ จนรถไฟทำท่าจะออกเราก็ไม่สนปีนขึ้นไป และต้องพยายามอธิบายเรื่องราวแต่เขาก็ไม่ฟังแล้วบอกให้จ่ายเงินมา เขาขอ 500 rs เราไม่ให้เขาเลยบอกงั้น 300 rs สุดท้ายเราเลยบอกจะจ่ายตอนถึงแล้ว ขึ้นไปก็คือ "ยืน" ไปนะ... ตอนขึ้นไปได้รู้สึกเหมือนพลังชีวิตหมดเลย ตอนนั้นคือบอกตัวเองว่า "ไม่น่ามาโมราดาบัดเลยจริงๆ"
(( มีต่อนะ ยังไม่จบ ))
บันทึกเรื่องราวเที่ยวอินเดีย ฉบับชาว introvert ที่ไม่ชอบความวุ่นวายแต่ดันตกหลุมรักอินเดียเฉยเลย
introvert คือคนประเภทไม่ค่อยชอบเข้าสังคม หรือแค่สถานที่หรือสถานการณ์ที่มีคนเยอะมากๆ นี่ก็จะแย่แล้ว เพราะพื้นฐานแล้วเราชาว introvert นั้นจะชอบอยู่คนเดียว ชอบดื่มด่ำอยู่กับความคิดของตัวเอง คิดเรื่องเดิมวนไปวนมา ชอบความเงียบ ไม่ชอบพูดมากแต่ในขณะเดียวกันในบางคนก็ไม่ชอบฟังด้วยแบบเราที่ไม่ชอบพูดแล้วยังรู้สึกรำคาญง่ายถ้ามีคนมาพูดอะไรเยอะๆ ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องรู้ คุยงาน คุยเรื่องจำเป็นอะได้ แต่ถ้าเมาส์มอยหรือเซ้าซี้หรือแม้แต่การต้องอธิบายอะไรซ้ำๆ อันนี้จะรู้สึกรำคาญอยากปลีกตัวออกไปมากๆ หรือก็คือ "โลกส่วนตัวสูง" ไม่ได้ขี้อายนะแค่ไม่อยากพูด พูดน้อย ถ้าต้องพูดในพื้นที่สาธารณะเช่น พรีเซนต์งานหรือเริ่มบทสนทนากับคนที่ไม่รู้จักก่อน อย่างแรกคือจะประหม่ามาก แต่ถ้าต้องพูดก็พูดได้แต่พอแล้วเสร็จจะรู้สึกเหมือนถูกสูบพลังชีวิตไปหมด เป็นพวกคิดมาก ไม่ชอบมีปัญหา ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ได้รู้สึกปลื้มปริ่มถ้ามีคนมารุมล้อม แต่เรา...เป็น introvert ที่ดันตกหลุมรักอินเดีย ประเทศที่แสนจะวุ่นวาย แต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ไปกี่ครั้งก็มีสายจับจ้องและ แห่ เข้า มา รุม ล้อม ฮ่าๆๆ
พร้อมแล้วเราไปอ่านเรื่องราวกันเลย แต่ แต่ แต่ ถ้ามันไม่โดนใจใคร หรือมีความเห็นต่างคอมเมนต์ได้นะ แต่ไม่แรงไม่หยายนะ ส่วนหนึ่งที่เราหยุดเขียนบนพันทิปไปนานมากเพราะเคยโดนลบกระทู้ด้วยเรื่องการแนบลิงก์ด้านนอกบวกกับจิตตกกับบางคอมเมนต์เลยหายไปนานมาก ตอนนี้ก็ลองกลับมาดูอีกสักตั้ง
คนอินเดียจะเฟรนลี่มาก ขึ้นรถไฟนี่ยังไงก็โดนชวนคุย จะอายุวัยไหนก็จะชอบพูดคุย บางคนพูดอังกฤษไม่ได้แต่ก็อยากคุย เราไปอัมริตสาร์คุณตาที่นั่งไปข้างๆ เขาไม่พูดอังกฤษนะ แต่เขาก็ถามบ้างคุยบ้างแต่ฟังไม่รู้เรื่อง ตอนหลังคุณตาเลยไม่ชวนคุยแต่ซื้อขนมกินแล้วแบ่งเราตลอด ซึ่งในทริปนั้นเราพยายามอั้นปัสสาวะอยู่ลำบากใจมากๆ เพราะขนมมันทำให้คอแห้งแต่คุณตาก็ไม่ยอมหยุดแบ่งเลย
ตัวเราเมื่อก่อนเป็นคนไม่พูดเลย ถ้าไม่รู้จักคือไม่คุยเลยจนมีคนเคยบอกว่า "หยิ่งเนอะ" แต่ป่าว!!! ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่รู้จะเริ่มคุยยังไง เวลาหัวหน้าบอกให้โทรไปถามไปตามงานที่สำนักงานอื่น สมัยนั้นเราจะถามหัวหน้าเลยว่า "หนูต้องพูดว่าอะไร" ใช่! เป็นคนตื่นคนแบบสุดๆ ไม่รู้วิธีคุยเพราะปกติอยู่คนเดียว คุยกับตัวเอง หรือไม่ก็ครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น แต่การไปอินเดีย "ไม่พูดไม่ได้เพราะเขาคุยกันเก่งมาก" เราก็เลยเริ่มคุยเป็น แต่ก็ยังไม่ชอบคุยนะ แต่ถ้าต้องไปออกงาน ไปนำเสนองาน ไปคุยงานคือเริ่มคุยได้ ปั้นหน้ายิ้มได้ เพราะอินเดียเลย
ด้วยความไปอินเดียบ่อยปัจจุบันเราก็จะมีทั้งเพื่อนและแฟน และทุกคนล้วนแล้วแต่พูดเก่งทั้งนั้น แฟนขับรถพาเที่ยวก็มีแต่เสียงแฟนพูดๆ บนรถ เพื่อนสนิทอีกคนรู้จักกัน 6-7 ปีเวลาไปนิวเดลีเขาก็จะพยายามพาเราไปพบเพื่อนๆ ของเขาเราถามว่าทำไมชอบพาเราไปไหนมาไหนไปเจอผู้คน เขาบอก "คุณจะได้รู้วิธีพูดคุย" ถามฉันบ้างฉันอาจจะอยากอยู่เงียบๆ ก็ได้นะ เพื่อนที่เจอกันในโฮสเทลเช้ามาเธอก็จะอรุณสวัสดิ์แล้วก็พูดๆๆๆ เราก็จะ อ่า อ่อ อืม เยส โอว ยาส์ และตอบกลับเมื่อมันเป็นคำถาม แต่ไม่เล่าเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องที่เจอในแต่ละวันยกเว้นจำเป็น มันก็จะเหมือนเธอคนนั้นกำลังสนทนากับกำแพง จนบางครั้งคู่สนทนาเงียบไปเองและถามว่า "ฉันรบกวนเวลาคุณหรือเปล่า" ฮ่าๆๆๆ ก็อยากจะตอบว่าชอบอยู่เงียบๆ มากกว่าแต่แบบนั้นน่าจะไม่ดี เลยตอบว่าไม่ และบอกว่าไม่ค่อยรู้วิธีผูกมิตรเท่าไหร เท่านั้นแหละ...บทสนทนาจะไม่มีทางสิ้นสุดง่ายๆ ส่วนมากฝั่งตรงข้ามก็จะตอบกลับว่า "โอ้ว ไม่ต้องกังวล ฉันผูกมิตรเก่ง" บางคนถึงขั้นรื้อถุงช็อปปิ้งแล้วโชว์เป็นชิ้นๆ ซื้อจากไหนราคาเท่าไร บรรยายสรรพคุณ ฟังจนเวียนหัวเลยทีนี้...