ประสบการณ์ตรงจากคนที่เป็นสิวอักเสบหนักมาก แก้ม หน้าผาก คาง มีครบทุกที่
เรื่องมันมีอยู่ว่า เราอ่ะเป็นสิวอักเสบบ่อยมาก เป็นๆหายๆ อยู่แบบนี้เป็นวนลูปตั้งแต่มอต้นและ ไม่หายสักที รอยสิว ที่เป็นรอยแดงรอยดำที่เริ่มจะหาย สิวอักเสบตัวดีก็ขึ้นมาทับที่อีกแหละ จนแบบแม่เราคะยั้นคะยอให้เรากินอาหารเสริมตัวนึง ต้องบอกก่อนนะว่าแม่เราเป็นสาวกแบรนด์นี้มาเป็นปีๆแล้ว เวลาแม่เราซื้อทีนึงก็ตุนไว้เป็น 10 กว่ากระปุก เห็นโปรไม่ได้ต้องซื้อตุน (เป็นทาสการตลาดที่แท้ทรู) ตอนนั้นที่แม่เราแนะนำให้ลองเราก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะเรายังไม่มีความรู้หรือไม่เคยได้ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโพรไบโอติกแบบจริงๆจังๆ เลยเข้าใจว่าน้อนแค่ช่วยเรื่องขับถ่ายเป็นหลัก แล้วก็เป็นแบรนด์ที่เราไม่ค่อยรู้จักด้วย ตอนนั้นเราก็ยังไม่ลองเปิดใจทาน จนมีอยู่ช่วยนึงที่เราเข้ามหาลัยปี 1 ตอนนั้นโพรไบโอติกเป็นกระแสฮิตมากเราเลยลองศึกษาหาข้อมูลดู ก็เริ่มสนใจโพรไบโอติกมากขึ้น บวกกับตอนนั้นโพรไบโอติกที่แม่ทานอยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วย ช่วงที่มอปิดเทอมเราก็กลับไปอยู่บ้านพอดี ตอนนั้นก็เลยลองพักหน้า งดใช้สกินแคร์บางตัว ยกเว้นกันแดดกับมอยส์ แล้วก็ลองเปิดใจทานโพรไบโอติกดู
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยหลังจากทานไปได้แค่กระปุกแรก
สัปดาห์ที่ 1 การขับถ่ายดีขึ้นมาก ตื่นมาคือต้องถ่ายทุกเช้า (แอบผายลมบ่อยนิดนึง แต่ยังดีที่ไม่มีกลิ่น)
สัปดาห์ที่ 3 ระบบย่อยอาหารดีขึ้น กรดไหลย้อน คือ ช่วยได้เยอะเลย
สัปดาห์ที่ 4 รู้สึกว่าหน้าที่ดูหมองคล่ำก็ดูสุขภาพดีและใสขึ้น เพราะว่าได้ขับถ่ายเอาของเสียออกจากร่างกายทุกวัน
ทานกระปุกที่ 2 สิวที่อักเสบอยู่ลดลง หน้าที่เคยบวมจากการอักเสบของสิวก็ลดลง
ทานกระปุกที่ 3 ถามว่าตอนนั้นสิวอักเสบหายเลยมั้ย ก็ไม่นะ ก็ยังเป็นอยู่แต่แค่รู้สึกว่าตรงที่เป็นสิวอักเสบบ่อยๆ เริ่มอักเสบน้อยลดลง ไม่ค่อยบวมเป็นสิวหัวช้างแล้ว (จะบอกว่าตอนนั้นเรางดกินของจำพวกของหวาน เนย นม น้ำตาลทุกอย่างที่ทำให้เสี่ยงเป็นสิวด้วยนะ)
ทานกระปุกที่ 4 ผิวที่เป็นสิวอักเสบเริ่มแห้ง ผิวลอกหน่อยๆ แต่หัวสิวบางที่ก็ยังมีอยู่ เราเลยทยอยไปกดหัวสิวออกที่ร้าน
พักหลังๆ เพื่อนที่มอก็ทักว่าผิวดีขึ้นมาก แต่ก็นะรอยสิวที่เป็นรอยดำรอยแดงเราก็มารักษานอกรอบเอา พยายามมาร์คหน้าบ่อยๆ หาสกินแคร์ที่ลดรอยสิว หลังจากนั้นเราก็ทานโพรไบโอติกมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เราก็ยังทานยี่ห้อเดิมอยู่ ทานตั้งแต่แบรนด์นี้มีโพรไบโอติก 1 สูตรจนตอนนี้เค้ามี 3 สูตรแหละ จะบอกว่าสิวเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องวินัยในการรักษา แล้วก็เรื่องความน่าเชื่อถือของสินค้า อยากให้ทุกคนลองเช็คข้อมูลสินค้าที่เราจะใช้หรือทานให้ดีก่อนว่ามีผลข้างเคียงอะไรมั้ย เพราะผลลัพท์ดีหรือไม่ดี คนที่ได้รับผลเหล่านั้นก็คือตัวเรา
ดังนั้น ส่วนตัวเราสำหรับเราแล้วโพรไบโอติกก็เป็นอีก 1 ปัจจัยทางเลือก ที่สามารถช่วยลดสิวอักเสบ แต่ภาพรวมหลายๆอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยค่ะ แต่ถ้ามีติดตัวไว้ก็ดีค่ะ เพราะถ้าศึกษาข้อมูลจริงๆแล้วโพรไบโอติกไม่ได้แค่ช่วยเรื่องขับถ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยได้หลายเรื่องมากกว่าที่เราคิด ไม่งั้นแม่เราคงไม่ซื้อตุนไว้ทีละ 10 กว่ากระปุก แล้วก็อยากจะบอกคนที่รักษาสิวอยู่ต้องใจเย็นๆ เพราะของที่ดีจะต้องใช้เวลาค่ะ ยิ่งเป็นสิวหนักๆ จะให้หายหรือเห็นผลเลยภายใน 1-2 สัปดาห์ ยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ เพราะโพรไบโอติกส์ จริงๆแล้วน้อนเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ไม่ใช่อาหารเสริมหรือวิตามินที่เรารู้จักกันในท้องตลาดค่ะ ถ้าจะให้เห็นผลก็ต้องใช้ระยะเวลาในการให้จุลินทรีย์เติบโตในร่างกายของเราด้วย ถ้าเรากินแบบต่อเนื่อง+มีวินัยกับตัวเอง จะทำให้เรามีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ
โพรไบโอติกช่วยสิวอักเสบจริงมั้ย
เรื่องมันมีอยู่ว่า เราอ่ะเป็นสิวอักเสบบ่อยมาก เป็นๆหายๆ อยู่แบบนี้เป็นวนลูปตั้งแต่มอต้นและ ไม่หายสักที รอยสิว ที่เป็นรอยแดงรอยดำที่เริ่มจะหาย สิวอักเสบตัวดีก็ขึ้นมาทับที่อีกแหละ จนแบบแม่เราคะยั้นคะยอให้เรากินอาหารเสริมตัวนึง ต้องบอกก่อนนะว่าแม่เราเป็นสาวกแบรนด์นี้มาเป็นปีๆแล้ว เวลาแม่เราซื้อทีนึงก็ตุนไว้เป็น 10 กว่ากระปุก เห็นโปรไม่ได้ต้องซื้อตุน (เป็นทาสการตลาดที่แท้ทรู) ตอนนั้นที่แม่เราแนะนำให้ลองเราก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะเรายังไม่มีความรู้หรือไม่เคยได้ลองศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโพรไบโอติกแบบจริงๆจังๆ เลยเข้าใจว่าน้อนแค่ช่วยเรื่องขับถ่ายเป็นหลัก แล้วก็เป็นแบรนด์ที่เราไม่ค่อยรู้จักด้วย ตอนนั้นเราก็ยังไม่ลองเปิดใจทาน จนมีอยู่ช่วยนึงที่เราเข้ามหาลัยปี 1 ตอนนั้นโพรไบโอติกเป็นกระแสฮิตมากเราเลยลองศึกษาหาข้อมูลดู ก็เริ่มสนใจโพรไบโอติกมากขึ้น บวกกับตอนนั้นโพรไบโอติกที่แม่ทานอยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วย ช่วงที่มอปิดเทอมเราก็กลับไปอยู่บ้านพอดี ตอนนั้นก็เลยลองพักหน้า งดใช้สกินแคร์บางตัว ยกเว้นกันแดดกับมอยส์ แล้วก็ลองเปิดใจทานโพรไบโอติกดู
สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยหลังจากทานไปได้แค่กระปุกแรก
สัปดาห์ที่ 1 การขับถ่ายดีขึ้นมาก ตื่นมาคือต้องถ่ายทุกเช้า (แอบผายลมบ่อยนิดนึง แต่ยังดีที่ไม่มีกลิ่น)
สัปดาห์ที่ 3 ระบบย่อยอาหารดีขึ้น กรดไหลย้อน คือ ช่วยได้เยอะเลย
สัปดาห์ที่ 4 รู้สึกว่าหน้าที่ดูหมองคล่ำก็ดูสุขภาพดีและใสขึ้น เพราะว่าได้ขับถ่ายเอาของเสียออกจากร่างกายทุกวัน
ทานกระปุกที่ 2 สิวที่อักเสบอยู่ลดลง หน้าที่เคยบวมจากการอักเสบของสิวก็ลดลง
ทานกระปุกที่ 3 ถามว่าตอนนั้นสิวอักเสบหายเลยมั้ย ก็ไม่นะ ก็ยังเป็นอยู่แต่แค่รู้สึกว่าตรงที่เป็นสิวอักเสบบ่อยๆ เริ่มอักเสบน้อยลดลง ไม่ค่อยบวมเป็นสิวหัวช้างแล้ว (จะบอกว่าตอนนั้นเรางดกินของจำพวกของหวาน เนย นม น้ำตาลทุกอย่างที่ทำให้เสี่ยงเป็นสิวด้วยนะ)
ทานกระปุกที่ 4 ผิวที่เป็นสิวอักเสบเริ่มแห้ง ผิวลอกหน่อยๆ แต่หัวสิวบางที่ก็ยังมีอยู่ เราเลยทยอยไปกดหัวสิวออกที่ร้าน
พักหลังๆ เพื่อนที่มอก็ทักว่าผิวดีขึ้นมาก แต่ก็นะรอยสิวที่เป็นรอยดำรอยแดงเราก็มารักษานอกรอบเอา พยายามมาร์คหน้าบ่อยๆ หาสกินแคร์ที่ลดรอยสิว หลังจากนั้นเราก็ทานโพรไบโอติกมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เราก็ยังทานยี่ห้อเดิมอยู่ ทานตั้งแต่แบรนด์นี้มีโพรไบโอติก 1 สูตรจนตอนนี้เค้ามี 3 สูตรแหละ จะบอกว่าสิวเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องวินัยในการรักษา แล้วก็เรื่องความน่าเชื่อถือของสินค้า อยากให้ทุกคนลองเช็คข้อมูลสินค้าที่เราจะใช้หรือทานให้ดีก่อนว่ามีผลข้างเคียงอะไรมั้ย เพราะผลลัพท์ดีหรือไม่ดี คนที่ได้รับผลเหล่านั้นก็คือตัวเรา
ดังนั้น ส่วนตัวเราสำหรับเราแล้วโพรไบโอติกก็เป็นอีก 1 ปัจจัยทางเลือก ที่สามารถช่วยลดสิวอักเสบ แต่ภาพรวมหลายๆอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยค่ะ แต่ถ้ามีติดตัวไว้ก็ดีค่ะ เพราะถ้าศึกษาข้อมูลจริงๆแล้วโพรไบโอติกไม่ได้แค่ช่วยเรื่องขับถ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยได้หลายเรื่องมากกว่าที่เราคิด ไม่งั้นแม่เราคงไม่ซื้อตุนไว้ทีละ 10 กว่ากระปุก แล้วก็อยากจะบอกคนที่รักษาสิวอยู่ต้องใจเย็นๆ เพราะของที่ดีจะต้องใช้เวลาค่ะ ยิ่งเป็นสิวหนักๆ จะให้หายหรือเห็นผลเลยภายใน 1-2 สัปดาห์ ยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ เพราะโพรไบโอติกส์ จริงๆแล้วน้อนเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ไม่ใช่อาหารเสริมหรือวิตามินที่เรารู้จักกันในท้องตลาดค่ะ ถ้าจะให้เห็นผลก็ต้องใช้ระยะเวลาในการให้จุลินทรีย์เติบโตในร่างกายของเราด้วย ถ้าเรากินแบบต่อเนื่อง+มีวินัยกับตัวเอง จะทำให้เรามีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ