พิธา ยินดี ชัยธวัช เป็นผู้นำฝ่ายค้านเต็มตัว เชื่อทำหน้าที่ได้ดี มีประสบการณ์มา 4 ปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4339979
“พิธา” ยินดีกับ “ชัยธวัช” ขึ้นแท่นผู้นำฝ่ายค้านเต็มตัว เชื่อทำหน้าที่ได้ดีหลังมีประสบการณ์มา 4 ปีแล้ว
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณี นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว ว่า ขอยินดีกับนาย
ชัยธวัช ส่วนตัวคิดว่าเป็นคนที่มีความเหมาะสม ในเรื่องการกำหนดกลยุทธ์ของฝ่ายค้านเพื่อทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาล ในการตรวจสอบการทำงานงบประมาณ เรื่องการผลักดันกฎหมายก้าวหน้าการเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องหลักของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนขอให้กำลังใจกับหน้าที่กระชั้นชิด อย่างการตรวจสอบงบประมาณ ซึ่งมีทั้งนายชัยธวัช และรองหัวหน้าพรรคอีกหลายคนที่มีประสบการณ์เป็นขุนพลในการทำงานมา 4 ปี จะทำให้ภาษีของประชาชนคุ้มค่าที่สุด
ไอซ์ รักชนก แจงยิบ แม่บ้านแอบถ่ายห้องทำงาน แฉ ผู้ช่วยส.ส.ฟากรบ.สั่ง ขอทบทวนคำสั่งย้าย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4340371
ไอซ์ รักชนก แจงยิบ แม่บ้านแอบถ่ายห้องทำงาน แฉ ผู้ช่วยส.ส.ฟากรบ.สั่ง ขอทบทวนคำสั่งย้าย
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม น.ส.
รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก รักชนก ศรีนอก – Rukchanok Srinork ชี้แจงกรณีเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ออกมาแฉว่าแม่บ้านที่ถ่ายรูปห้องพัก น.ส.รักชนก และถูกกดดันให้ลาออก โดยระบุข้อความว่า
“สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาถ่ายรูปห้องทำงานที่สภาของไอซ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่สภา ตามมาด้วยความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากเรื่องการรักษาความปลอดภัยของสภาไปยังเรื่องอื่นๆ ไอซ์จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
1. ในสัปดาห์ที่แล้ว มีการนำภาพห้องทำงานของไอซ์ ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ชั้นในของรัฐสภา เผยแพร่บนเพจ Facebook เพจหนึ่งที่จัดตั้งไว้เพื่อกล่าวหาพรรคก้าวไกล และต่อมามีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าการเผยแพร่ดังกล่าวนำไปสู่การไล่แม่บ้านสภาออกจากงาน
2. พื้นที่บริเวณห้องทำงานของ สส.ทุกคน เป็นพื้นที่ชั้นในของรัฐสภา ระบบรักษาความปลอดภัยวางกฎไว้ว่าต้องมีการสแกนบัตรเพื่อเข้าถึง เมื่อเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาแอบถ่ายรูปหรือไม่ ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นแม่บ้านที่ไม่มีส่วนรับผิดชอบทำงานในบริเวณดังกล่าวเข้ามาถ่าย
เนื่องจากมีผู้ช่วย สส. พรรครัฐบาลบอกให้แม่บ้านสภาไปถ่ายรูปห้องดังกล่าว โดยอ้างว่าต้องการจะติดฟิล์มบนกระจกแบบห้องนั้น แม่บ้านจึงไปถ่ายรูปส่งให้
3. เนื่องจากในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์ที่มีบุคคลภายนอกแอบเข้ามาถ่ายรูปหรือขโมยเอกสารสำคัญ (ลองนึกถึงช่วงเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือข้อมูลทุจริตคอร์รัปชัน) ฝ่ายรักษาความปลอดภัยสภาจึงมีข้อตกลงกับฝ่ายรักษาความสะอาด ว่าจะมีการแบ่งแม่บ้านแต่ละคนให้ทำงานอยู่ประจำแต่ละโซน ไม่สามารถข้ามไปทำกิจกรรมนอกพื้นที่รับผิดชอบ เป็นกฎที่แม่บ้านทุกคนได้รับทราบก่อนเข้าทำงานที่รัฐสภา
4. เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพบว่าแม่บ้านคนดังกล่าวทำผิดกฎ จึงมีคำสั่งให้ย้ายไปทำงานแม่บ้านที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า แต่แม่บ้านทำหนังสือลาออกกลับมา
5. หลังจากไอซ์รับทราบเหตุการณ์ทั้งหมด จึงได้พูดคุยกับฝ่ายรักษาความปลอดภัย ขอให้ทบทวนคำสั่งย้าย ไม่ควรลงโทษแม่บ้านคนดังกล่าวที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นความผิดของผู้จ้างวานซึ่งรู้กฎของรัฐสภาอยู่แล้ว ไม่ใช่เจตนาโดยตรงของแม่บ้านที่จะละเมิดกฎความปลอดภัยของสภา ทั้งนี้ ไอซ์ได้ทำหนังสือถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัยและสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงเรื่องทั้งหมดแล้ว”
https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/372982838596816
‘กัณวีร์’ ชี้ต้องยกระดับกลไกส่งต่อระดับชาติ คัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ กวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4340205
‘กัณวีร์’ ชี้ต้องยกระดับกลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM) คัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ ขอบคุณทุกฝ่าย 2 เดือนช่วยคนไทยจากเล้าก์ก่าย 527 คน ระบุต้องทำงานต่อกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ
วันนี้ 20 ธันวาคม นาย
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน โดยนายก
มลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงกรณีการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์จากเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ตามที่นาย
จารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล ได้ยื่นหนังสือผ่านตนในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566
ซึ่งมีหน่วยงานทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน มาชี้แจงถึงกระบวนการในการช่วยเหลือคนไทย ที่ขณะนี้ได้กลับมาแล้ว 527 คน รวมถึงการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามที่มูลนิธิอิมมานูเอล ร้องเรียนว่า มีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์บางราย ถูกดำเนินคดีอาญาอย่างไม่เป็นธรรม
“
วันนี้ทางกรรมาธิการฯไม่ได้เชิญส่วนราชการมาตำหนิเรื่องการทำงานในกลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM เพราะท่านทำงานอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนไทยจากเมืองเล้าก์ก่ายให้ได้กลับมาหลายร้อยคน แต่อาจต้องปรับปรุงการทำงาน ที่ยอมรับว่าในช่วงแรกไม่มีเจ้าภาพที่ชัดเจน จึงต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น”
นาย
กัณวีร์กล่าวว่า ผ่านมา 2 เดือนที่ตนเองได้หารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขอความช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์จากเมืองเล้าก์ก่าย 116 คน เมื่อวันที่ 19 ต.ค.66 ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยคนไทยได้กลับมาแล้ว แต่เชื่อว่ายังเหลืออีกนับพันคนที่อยู่ตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา นอกจากการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์แล้ว รัฐบาลต้องกวาดล้างขบวนการจีนเทา ขบวนการค้ามนุษย์และอาชญากรรมนี้ เพื่อแก้ปัญหาที่รากเหง้า เพราะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยถูกหลอกลวงไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งผมจะเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป
ส่วนกรณีที่มูลนิธิอิมมานูเอล ขอความเป็นธรรมให้คนที่ถูกดำเนินคดีร้ายแรงนั้น นายกัณวีร์ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมให้ความเป็นธรรม และทางคณะกรรมาธิการจะติดตามเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้เสียหายด้วย
“
กลไกการส่งต่อระดับชาติ เราไม่ได้เชิญส่วนราชการมาตำหนิ เพราะทำงานอย่างเต็มที่ แต่กลไกนี้เพิ่งจัดตั้งมา 1 ปีกว่า ทำเป็นกลุ่มเล็ก แต่กรณีเล้าก์ก่าย มีหลายร้อยคน จึงต้องมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง หลังพบว่าไม่มีเจ้าภาพหลักในการดูแล NRM จึงมาพูดคุยว่าปัญหาอยู่ตรงไหนในการดูแลเหยื่อ”
นาย
กัณวีร์ได้ขอบคุณภาคประชาสังคม เหยื่อค้ามนุษย์ นำไปอยู่ในเมืองที่เข้าถึงยาก อย่างเช่นในเล้าก์ก่าย อยู่ในพื้นที่ชาติพันธุ์ มีคนไทยนับพันคนที่อยู่พื้นที่ชายแดนเพื่อนบ้าน ไทย-ลาว-กัมพูชา ต้องเตรียมพร้อม ต้องดูต้นเหตุปัญหาจีนไทย เราต้องทำรากเหง้า พี่น้องประชาชนทำให้กลุ่มคนใช้คนไปทำงานต่างประเทศ
“
กลไกช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ ต้องใช้กระบวนการนำเหยื่อมาไว้เป็นศูนย์กลางในการพิจารณา (victim-centered approach) โดยต้องมองข้ามการมองว่าผู้ที่อาจเป็นเหยื่อก่อนการคัดกรองนั้น อาจเป็นผู้ต้องหาได้ กลไกการคัดกรองและการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism-NRM) ต้องถูกยกระดับและพัฒนามาตรฐานให้เป็นสากล
แย่แล้ว อาหารสัตว์วิกฤติแน่ รัฐฯ ยังไม่ต่ออายุ ‘ประกาศนำเข้ากากถั่วเหลือง’
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1104622
ภาคปศุสัตว์เตรียมรับผลกระทบหนัก หลัง“ประกาศนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลือง” ปี 2563-2566 กำลังจะสิ้นสุด 31 ธันวาคมนี้ แม้มีกำหนดต่ออายุประกาศทุกๆ 3 ปี แต่ไม่เสนอให้คณะรัฐมนตรี( ครม.)พิจารณาหวั่น นำเข้าไม่ทันการณ์ ไม่มีวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ เดือดร้อนทั้งระบบ
นาย
พรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล เลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลืองปีละเกือบ 3 ล้านตันเพื่อผลิตอาหารสัตว์ เนื่องจากไทยผลิตถั่วเหลืองได้เพียงปีละ 2-3 หมื่นตัน ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ สินค้ากากถั่วเหลืองอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายอาหาร กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้พิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) โดยมีกำหนดพิจารณาคราวละ 3 ปี และประกาศนำเข้ากากถั่วเหลืองปี 2563-2566 กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาโดย ที่ประชุม ครม. ก่อนเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ สมาพันธ์ฯ ได้มีหนังสือติดตามความคืบหน้าการดำเนินการออกประกาศดังกล่าวไปแล้วหลายฉบับ ตั้งแต่ฉบับแรกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 - ฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคม 2566 - ฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 แต่ยังไม่เป็นผล จนกระทั่งวันที่ 20 ตุลาคม 2566 จึงมีการประชุม คณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ 1/2566 เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยกระทรวงพาณิชย์ มีหนังสือเสนอประกาศดังกล่าว เข้า ครม.ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 แต่ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ถูกบรรจุเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งกินเวลาร่วม 2 เดือนแล้ว
ล่าสุด จะถูกบรรจุวาระเข้าในการประชุม ครม.วันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่สุดท้ายกลับมีการถอนวาระดังกล่าวออกโดยไม่ทราบสาเหตุ และแจ้งว่าจะบรรจุเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้งในวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นวันประชุม ครม.วันสุดท้ายของปี 2566 และเป็นไปไม่ได้เลยที่การประกาศนำเข้ากากถั่วเหลืองจะดำเนินการได้ทัน เพราะภายหลังจากผ่านที่ประชุม ครม.แล้ว จะต้องมีกระบวนการออกประกาศยกเว้นอากรของกระทรวงการคลังอีกขั้นตอนหนึ่ง
ข้อมูลขณะนี้พบว่า วันที่ 3 มกราคม 2567 จะมีเรือขนถ่ายสินค้ากากถั่วเหลืองเข้าสู่ประเทศไทยเป็นลำแรก และตลอดเดือนมกราคม 67 จะมีเรือนำเข้ากากถั่วเหลืองจำนวน 4 ลำ รวมปริมาณ 2.1 แสนตัน ซึ่งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากประกาศนำเข้ากากถั่วเหลืองออกไม่ทัน ได้แก่
1.) เรือที่ขนถ่ายสินค้ากากถั่วเหลืองที่จะเข้ามาไทยจะไม่สามารถขนถ่ายสินค้าได้ และมีค่าใช้จ่าย (Demurrage Charge) วันละ 2.5 แสนบาท/ลำเรือ และเดือน มค. มีเรือเข้ามาพร้อมกัน 4 ลำ จะมีค่าใช้จ่ายรวม 1 ล้านบาท/วัน นับไปทุกวันจนกว่ารัฐบาลจะออกประกาศ
และ 2.) ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของอัตราดอกเบี้ยสูญเปล่า กรณีประกาศลดหย่อนอัตราภาษีของกระทรวงการคลังออกล่าช้า กรณี มค.67 มีรายการเข้ามาจำนวน 2.1 แสนตัน มูลค่านำเข้าประมาณ 4,200 ล้านบาท มูลค่าภาษีที่ต้องสำรองจ่ายจะสูงถึง 336 ล้านบาท และมีอัตราดอกเบี้ยสูญเปล่า 1.68 ล้านบาท/เดือน ระยะเวลาขอคืนภาษี 6 เดือน คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยสูญเปล่าในเดือน มค.รวม 10.08 ล้านบาท
JJNY : 5in1 พิธายินดีชัยธวัช│ไอซ์ขอทบทวนคำสั่งย้าย│‘กัณวีร์’ชี้ต้องยกระดับ│อาหารสัตว์วิกฤติแน่│อิสราเอลเตรียมขยายพื้นที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4339979
“พิธา” ยินดีกับ “ชัยธวัช” ขึ้นแท่นผู้นำฝ่ายค้านเต็มตัว เชื่อทำหน้าที่ได้ดีหลังมีประสบการณ์มา 4 ปีแล้ว
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณี นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านอย่างเต็มตัว ว่า ขอยินดีกับนายชัยธวัช ส่วนตัวคิดว่าเป็นคนที่มีความเหมาะสม ในเรื่องการกำหนดกลยุทธ์ของฝ่ายค้านเพื่อทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาล ในการตรวจสอบการทำงานงบประมาณ เรื่องการผลักดันกฎหมายก้าวหน้าการเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องหลักของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนขอให้กำลังใจกับหน้าที่กระชั้นชิด อย่างการตรวจสอบงบประมาณ ซึ่งมีทั้งนายชัยธวัช และรองหัวหน้าพรรคอีกหลายคนที่มีประสบการณ์เป็นขุนพลในการทำงานมา 4 ปี จะทำให้ภาษีของประชาชนคุ้มค่าที่สุด
ไอซ์ รักชนก แจงยิบ แม่บ้านแอบถ่ายห้องทำงาน แฉ ผู้ช่วยส.ส.ฟากรบ.สั่ง ขอทบทวนคำสั่งย้าย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4340371
ไอซ์ รักชนก แจงยิบ แม่บ้านแอบถ่ายห้องทำงาน แฉ ผู้ช่วยส.ส.ฟากรบ.สั่ง ขอทบทวนคำสั่งย้าย
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก รักชนก ศรีนอก – Rukchanok Srinork ชี้แจงกรณีเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ออกมาแฉว่าแม่บ้านที่ถ่ายรูปห้องพัก น.ส.รักชนก และถูกกดดันให้ลาออก โดยระบุข้อความว่า
“สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาถ่ายรูปห้องทำงานที่สภาของไอซ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่สภา ตามมาด้วยความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากเรื่องการรักษาความปลอดภัยของสภาไปยังเรื่องอื่นๆ ไอซ์จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้
1. ในสัปดาห์ที่แล้ว มีการนำภาพห้องทำงานของไอซ์ ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ชั้นในของรัฐสภา เผยแพร่บนเพจ Facebook เพจหนึ่งที่จัดตั้งไว้เพื่อกล่าวหาพรรคก้าวไกล และต่อมามีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าการเผยแพร่ดังกล่าวนำไปสู่การไล่แม่บ้านสภาออกจากงาน
2. พื้นที่บริเวณห้องทำงานของ สส.ทุกคน เป็นพื้นที่ชั้นในของรัฐสภา ระบบรักษาความปลอดภัยวางกฎไว้ว่าต้องมีการสแกนบัตรเพื่อเข้าถึง เมื่อเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาแอบถ่ายรูปหรือไม่ ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นแม่บ้านที่ไม่มีส่วนรับผิดชอบทำงานในบริเวณดังกล่าวเข้ามาถ่าย
เนื่องจากมีผู้ช่วย สส. พรรครัฐบาลบอกให้แม่บ้านสภาไปถ่ายรูปห้องดังกล่าว โดยอ้างว่าต้องการจะติดฟิล์มบนกระจกแบบห้องนั้น แม่บ้านจึงไปถ่ายรูปส่งให้
3. เนื่องจากในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์ที่มีบุคคลภายนอกแอบเข้ามาถ่ายรูปหรือขโมยเอกสารสำคัญ (ลองนึกถึงช่วงเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือข้อมูลทุจริตคอร์รัปชัน) ฝ่ายรักษาความปลอดภัยสภาจึงมีข้อตกลงกับฝ่ายรักษาความสะอาด ว่าจะมีการแบ่งแม่บ้านแต่ละคนให้ทำงานอยู่ประจำแต่ละโซน ไม่สามารถข้ามไปทำกิจกรรมนอกพื้นที่รับผิดชอบ เป็นกฎที่แม่บ้านทุกคนได้รับทราบก่อนเข้าทำงานที่รัฐสภา
4. เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพบว่าแม่บ้านคนดังกล่าวทำผิดกฎ จึงมีคำสั่งให้ย้ายไปทำงานแม่บ้านที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า แต่แม่บ้านทำหนังสือลาออกกลับมา
5. หลังจากไอซ์รับทราบเหตุการณ์ทั้งหมด จึงได้พูดคุยกับฝ่ายรักษาความปลอดภัย ขอให้ทบทวนคำสั่งย้าย ไม่ควรลงโทษแม่บ้านคนดังกล่าวที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นความผิดของผู้จ้างวานซึ่งรู้กฎของรัฐสภาอยู่แล้ว ไม่ใช่เจตนาโดยตรงของแม่บ้านที่จะละเมิดกฎความปลอดภัยของสภา ทั้งนี้ ไอซ์ได้ทำหนังสือถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัยและสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรชี้แจงเรื่องทั้งหมดแล้ว”
https://www.facebook.com/nanaicez112/posts/372982838596816
‘กัณวีร์’ ชี้ต้องยกระดับกลไกส่งต่อระดับชาติ คัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ กวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4340205
‘กัณวีร์’ ชี้ต้องยกระดับกลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM) คัดกรองเหยื่อค้ามนุษย์ ขอบคุณทุกฝ่าย 2 เดือนช่วยคนไทยจากเล้าก์ก่าย 527 คน ระบุต้องทำงานต่อกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ
วันนี้ 20 ธันวาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน โดยนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงกรณีการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์จากเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ตามที่นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล ได้ยื่นหนังสือผ่านตนในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566
ซึ่งมีหน่วยงานทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน มาชี้แจงถึงกระบวนการในการช่วยเหลือคนไทย ที่ขณะนี้ได้กลับมาแล้ว 527 คน รวมถึงการคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามที่มูลนิธิอิมมานูเอล ร้องเรียนว่า มีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์บางราย ถูกดำเนินคดีอาญาอย่างไม่เป็นธรรม
“วันนี้ทางกรรมาธิการฯไม่ได้เชิญส่วนราชการมาตำหนิเรื่องการทำงานในกลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM เพราะท่านทำงานอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนไทยจากเมืองเล้าก์ก่ายให้ได้กลับมาหลายร้อยคน แต่อาจต้องปรับปรุงการทำงาน ที่ยอมรับว่าในช่วงแรกไม่มีเจ้าภาพที่ชัดเจน จึงต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น”
นายกัณวีร์กล่าวว่า ผ่านมา 2 เดือนที่ตนเองได้หารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขอความช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์จากเมืองเล้าก์ก่าย 116 คน เมื่อวันที่ 19 ต.ค.66 ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยคนไทยได้กลับมาแล้ว แต่เชื่อว่ายังเหลืออีกนับพันคนที่อยู่ตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา นอกจากการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์แล้ว รัฐบาลต้องกวาดล้างขบวนการจีนเทา ขบวนการค้ามนุษย์และอาชญากรรมนี้ เพื่อแก้ปัญหาที่รากเหง้า เพราะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยถูกหลอกลวงไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งผมจะเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป
ส่วนกรณีที่มูลนิธิอิมมานูเอล ขอความเป็นธรรมให้คนที่ถูกดำเนินคดีร้ายแรงนั้น นายกัณวีร์ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมให้ความเป็นธรรม และทางคณะกรรมาธิการจะติดตามเพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้เสียหายด้วย
“กลไกการส่งต่อระดับชาติ เราไม่ได้เชิญส่วนราชการมาตำหนิ เพราะทำงานอย่างเต็มที่ แต่กลไกนี้เพิ่งจัดตั้งมา 1 ปีกว่า ทำเป็นกลุ่มเล็ก แต่กรณีเล้าก์ก่าย มีหลายร้อยคน จึงต้องมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง หลังพบว่าไม่มีเจ้าภาพหลักในการดูแล NRM จึงมาพูดคุยว่าปัญหาอยู่ตรงไหนในการดูแลเหยื่อ”
นายกัณวีร์ได้ขอบคุณภาคประชาสังคม เหยื่อค้ามนุษย์ นำไปอยู่ในเมืองที่เข้าถึงยาก อย่างเช่นในเล้าก์ก่าย อยู่ในพื้นที่ชาติพันธุ์ มีคนไทยนับพันคนที่อยู่พื้นที่ชายแดนเพื่อนบ้าน ไทย-ลาว-กัมพูชา ต้องเตรียมพร้อม ต้องดูต้นเหตุปัญหาจีนไทย เราต้องทำรากเหง้า พี่น้องประชาชนทำให้กลุ่มคนใช้คนไปทำงานต่างประเทศ
“กลไกช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ ต้องใช้กระบวนการนำเหยื่อมาไว้เป็นศูนย์กลางในการพิจารณา (victim-centered approach) โดยต้องมองข้ามการมองว่าผู้ที่อาจเป็นเหยื่อก่อนการคัดกรองนั้น อาจเป็นผู้ต้องหาได้ กลไกการคัดกรองและการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism-NRM) ต้องถูกยกระดับและพัฒนามาตรฐานให้เป็นสากล
แย่แล้ว อาหารสัตว์วิกฤติแน่ รัฐฯ ยังไม่ต่ออายุ ‘ประกาศนำเข้ากากถั่วเหลือง’
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1104622
ภาคปศุสัตว์เตรียมรับผลกระทบหนัก หลัง“ประกาศนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลือง” ปี 2563-2566 กำลังจะสิ้นสุด 31 ธันวาคมนี้ แม้มีกำหนดต่ออายุประกาศทุกๆ 3 ปี แต่ไม่เสนอให้คณะรัฐมนตรี( ครม.)พิจารณาหวั่น นำเข้าไม่ทันการณ์ ไม่มีวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ เดือดร้อนทั้งระบบ
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล เลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลืองปีละเกือบ 3 ล้านตันเพื่อผลิตอาหารสัตว์ เนื่องจากไทยผลิตถั่วเหลืองได้เพียงปีละ 2-3 หมื่นตัน ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ สินค้ากากถั่วเหลืองอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายอาหาร กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้พิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) โดยมีกำหนดพิจารณาคราวละ 3 ปี และประกาศนำเข้ากากถั่วเหลืองปี 2563-2566 กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาโดย ที่ประชุม ครม. ก่อนเข้าสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ สมาพันธ์ฯ ได้มีหนังสือติดตามความคืบหน้าการดำเนินการออกประกาศดังกล่าวไปแล้วหลายฉบับ ตั้งแต่ฉบับแรกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 - ฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคม 2566 - ฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 แต่ยังไม่เป็นผล จนกระทั่งวันที่ 20 ตุลาคม 2566 จึงมีการประชุม คณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ 1/2566 เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยกระทรวงพาณิชย์ มีหนังสือเสนอประกาศดังกล่าว เข้า ครม.ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 แต่ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ถูกบรรจุเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งกินเวลาร่วม 2 เดือนแล้ว
ล่าสุด จะถูกบรรจุวาระเข้าในการประชุม ครม.วันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่สุดท้ายกลับมีการถอนวาระดังกล่าวออกโดยไม่ทราบสาเหตุ และแจ้งว่าจะบรรจุเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้งในวันที่ 26 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นวันประชุม ครม.วันสุดท้ายของปี 2566 และเป็นไปไม่ได้เลยที่การประกาศนำเข้ากากถั่วเหลืองจะดำเนินการได้ทัน เพราะภายหลังจากผ่านที่ประชุม ครม.แล้ว จะต้องมีกระบวนการออกประกาศยกเว้นอากรของกระทรวงการคลังอีกขั้นตอนหนึ่ง
ข้อมูลขณะนี้พบว่า วันที่ 3 มกราคม 2567 จะมีเรือขนถ่ายสินค้ากากถั่วเหลืองเข้าสู่ประเทศไทยเป็นลำแรก และตลอดเดือนมกราคม 67 จะมีเรือนำเข้ากากถั่วเหลืองจำนวน 4 ลำ รวมปริมาณ 2.1 แสนตัน ซึ่งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากประกาศนำเข้ากากถั่วเหลืองออกไม่ทัน ได้แก่
1.) เรือที่ขนถ่ายสินค้ากากถั่วเหลืองที่จะเข้ามาไทยจะไม่สามารถขนถ่ายสินค้าได้ และมีค่าใช้จ่าย (Demurrage Charge) วันละ 2.5 แสนบาท/ลำเรือ และเดือน มค. มีเรือเข้ามาพร้อมกัน 4 ลำ จะมีค่าใช้จ่ายรวม 1 ล้านบาท/วัน นับไปทุกวันจนกว่ารัฐบาลจะออกประกาศ
และ 2.) ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนของอัตราดอกเบี้ยสูญเปล่า กรณีประกาศลดหย่อนอัตราภาษีของกระทรวงการคลังออกล่าช้า กรณี มค.67 มีรายการเข้ามาจำนวน 2.1 แสนตัน มูลค่านำเข้าประมาณ 4,200 ล้านบาท มูลค่าภาษีที่ต้องสำรองจ่ายจะสูงถึง 336 ล้านบาท และมีอัตราดอกเบี้ยสูญเปล่า 1.68 ล้านบาท/เดือน ระยะเวลาขอคืนภาษี 6 เดือน คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยสูญเปล่าในเดือน มค.รวม 10.08 ล้านบาท