ประสบการณ์ใช้บริการห้องฉุกเฉิน รพ.ธรรมศาสตร์

กระทู้สนทนา
เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม​ ๒๕๖๖ เวลาประมาณ ๐๓.๓๐​- ๐๕.๐๐ น.​ พาลูกวัย ๔ ขวบ​ ที่มีไข้ และเลือดกำเดาไหลเยอะมาก จนเลือกกลบปากจนกังวลว่าเลือดออกทางปากด้วยไหม ไปหาหมอที่ห้องฉุกเฉิน ไปถึงไม่มีเวรเปลอยู่ อุ้มลูกเข้าไปสอบถามพยาบาล (ชาย) นั่งอยู่ พยาบาล​ (พูดจาน่าฟัง น่ารัก) สอบถามอาการ และซักประวัติ คัดกรองเบื้องต้น วัดไข้ได้ ๔๐ องศา​ แจ้งอาการว่ายังไม่น่ากังวล และแจ้งการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเด็กเลือดกำเดาไหล โดยให้ก้มหน้าและบีบจมูก ประคบน้ำแข็ง พร้อมแจ้งว่าถ้าจะเข้าพบหมอต้องรอ เพราะจะรักษาเคสฉุกเฉินก่อน แนะนำว่าจะกลับบ้านเพื่อมาช่วงเช้าพบหมอเด็ก หรือจะรอพบหมอ ถ้ารอก็ให้นั่งรอ​ เราเลือกนั่งรอ 

นั่งรอซักพัก ลูกเลือดกำเดาไหล จึงเดินไปหาพยาบาล​ พยาบาลเรียกเวรเปล เวรเปลเข็นพาลูกเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
เข้าไปรอประมาณ ๕​- ๑๐​ นาที​ มีหมอเดินมาสอบถามอาการและซักประวัติสองคน (คนนึงใส่ชุดฟอร์มห้องฉุกเฉิน อีกคนใส่เสื้อขาว) แม่ก็เช็ดเลือดกำเดาลูกไปพลาง พร้อมแจ้งอาการ พยายามจะบีบจมูกลูก ลูกไม่ให้ความร่วมมือ จึงไม่บีบ หมอเสื้อขาวพูดเสียงดังเหมือนตะคอกว่า บีบจมูกสิ หมอ อีกคนพูดว่าน้องไม่ให้ความร่วมมือ  หมอสองคนยืนมองและพูดโดยไม่ตรวจอะไร แล้วก็เดินจากไป เราสังเกตด้านในห้องด้านใน  ณ​ เวลานั้น เจ้าหน้าที่นั่งทำงานไม่ได้วุ่นวายมาก

เรายืนเช็ดเลือดให้ลูก อีกประมาณ ๕-๑๐​ นาที​ (เวลากะเอา) มีเจ้าหน้าที่ถือกะละมังใส่น้ำเย็นน่าจะเท่าอุณหภูมิห้องแอร์ พร้อมเจลเดินมาบอกว่าให้เช็ดตัวน้อง และประคบ แล้วก็เดินไป โดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม
ลูกไม่ยอมเช็ดตัว บอกว่าจะนอน เราก็เช็ดได้นิดหน่อย ไม่อยากให้ลูกโวยวายมาก กลัวเลือดกำเดาไหลออกอีก

ตอนนี้เริ่มหดหู่ ทนไม่ไหว​ แต่ไม่อยากพูดอะไรออกไป เพราะรู้ตัวว่ากำลังโกรธ จึงเดินออกจากห้อง ไปมองห้องข้างในที่มีคนไข้นอนอยู่ และเจ้าหน้าที่ทำงานกัน สักพักมีเจ้าหน้าที่เดินมา จึงบอกว่า จะพาลูกกลับแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่า ไปโรงพยาบาลไหนก็ต้องแบบนี้ เช็ดตัวแล้วกินยา เรายืนยันว่าจะพาลูกกลับ 

เจ้าหน้าที่เดินไปในห้อง กลับมาพร้อมกับหมอคนเดิมที่ใส่ชุดของห้องฉุกเฉิน เรายืนยันว่า จะพาลูกกลับ หมอพูดไรไม่รู้ เพราะลูกร้องเสียงดัง สรุปคือให้กลับ เจ้าหน้าที่บอกว่า รอเอกสาร มีค่าใช้จ่าย ๑๗๐ ให้ไปจ่ายการเงินหน้าเซ่เว่น

เราอุ้มลูกออกมาด้วยใจที่เจ็บช้ำ เรามาที่นี่ด้วยความเชื่อมั่นในความเป็นโรงเรียนแพทย์​ ​เราเคยทำงานที่นี่ เข้าใจนะว่าหมอต้องรักษาเคสฉุกเฉินก่อน แต่ไม่เข้าใจว่ามาตรฐานการรักษาคือแค่ถามอาการ โดยไม่มาตรวจดูอาการอะไรเพิ่มเติมจากพยาบาลที่คัดกรองเลยเหรอ​ ความเชื่อมั่นของเรากลายเป็นศูนย์
​ จ่ายเงิน ๑๗๐​บาท​ จึงพากันกลับบ้าน

กลับบ้านมาให้ลูกกินยาลดไ้ข้ เช็ดตัว​ไข้ลดนิดหน่อย ลูกหลับๆ ตื่น​ๆ​ หาข้อมูลจากพี่ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่รู้จักกัน ว่าจะพาลูกไปหาหมอ​ที่ไหน จะไปเวลาปกติ นอกเวลา​ หรือพรีเมี่ยม ส่วนไหนดี ด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดต่างๆ ได้ข้อสรุปว่า พาไปเอกชนดีที่สุด พอลูกตื่นจึงพาไปหาหมอที่ รพ.เปาโล​ รังสิต​ พยาบาลวัดไข้ ไข้ยัง ๔๐​ พยาบาลช่วยกันเช็ดตัว ไข้ลดเหลือ ๓๙ และสวอปไปตรวจหาเชื้อโควิด RSV ไข้หวัดใหญ่​ ผล สรุปลูกเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์​เอ​ พบหมอ หมอถามว่าจะแอดมิทไหม เราไม่มีประกัน จึงยืนยันไม่นอน หมอทิ้งท้ายว่า ถ้าไข้สูง แม่ไม่ไหว อย่าทน ให้พามา รพ.​นะคะ  เราจ่ายเงิน รับยา กลับบ้าน​ ( ค่าใช้จ่ายประมาณ ๓๔๐๐ กว่า​ๆ)​ 

เราหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ การบริการของสอง รพ.​ แตกต่างกันมากทั้งบริการ และค่าใช้จ่าย  ซึ่งก็อาจมีเหตุทั้งจากเรื่องภาระงาน ค่าตอบแทน​ หรืออะไรอื่น ที่เราไม่รู้ข้อมูล ลองไช้วิจารณญาณของตัวเองกันเอง ถ้าจำเป็นต้องใช้บริการห้องฉุกเฉิน และยังมีโอกาสเลือกได้ ก็ไปเลือกให้เหมาะกับจริตและเงินในกระเป๋า ถ้าไม่มีทางเลือก จะได้เตรียมทำใจกันค่ะ​
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่