JJNY : อิสราเอลยอมรับผิดเหตุตัวประกันดับ│"วิโรจน์"ฮึ่มซ้อมพลทหาร│สธ.สิงคโปร์ตื่นตัว หลังติดโควิดเพิ่ม│จับตาสัญญาณเงินทุน

อิสราเอลยอมรับผิดเหตุตัวประกันดับ
https://tna.mcot.net/world-1289000
 
 
อิสราเอล 16 ธ.ค.- กองทัพอิสราเอล ยอมรับความผิดพลาดที่นำไปสู่การเสียชีวิตของ 3 ตัวประกัน กำลังสอบสวนกรณีนี้อย่างโปร่งใส
 
กองทัพอิสราเอล แถลงยอมรับความผิดพลาดที่นำไปสู่การเสียชีวิตของตัวประกัน 3 คน ในระหว่างการบุกทางภาคพื้น ในเขตทางเหนือของฉนวนกาซา ทหารอิสราเอล เข้าใจผิดคิดว่าตัวประกัน 3 คนที่ถูกกลุ่มฮามาสจับลักพาตัว ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. เป็นภัยคุกคาม จึงยิงใส่ทำให้ 3 คน คือ นายโยตัม ฮาอิม นายซาเมอร์ ทาลัลกา และ นายแอรอน ชามริซ เสียชีวิตทั้งหมด
  
กองทัพอิสราเอลและทหารอิสราเอล รู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดและจะต้องเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น และกำลังสอบสวนกรณีนี้อย่างโปร่งใส วันเดียวกัน กองทัพอิสราเอล ยังพบร่างตัวประกันที่เสียชีวิต 3 คน แบ่งเป็นพลเรือน 1 คน และทหาร 2 นาย ก่อนนำกลับเข้าอิสราเอลเพื่อแจ้งญาติ หรือ ครอบครัว แล้ว .-สำนักข่าวไทย



"วิโรจน์" ฮึ่ม ปมครูฝึกซ้อมพลทหาร "ชลบุรี" ตั้งเป้าตายในค่ายต้องเป็นศูนย์
https://www.thairath.co.th/news/politic/2748278
 
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฮึ่ม ปมครูฝึกซ้อมพลทหาร ที่ จ.ชลบุรี ยัน กมธ.ทหาร จะเร่งสอบข้อเท็จจริง จ่อผุด โครงการทหารเกณฑ์ปลอดภัย ตั้งเป้าตายในค่ายต้องเป็นศูนย์จริง
 
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรค ก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกมธ.การทหาร สภาฯ ได้รีทวีตข้อความของ "Red skull" ซึ่งทวีตข้อความพร้อมภาพผ่าน X เรื่องทหารเกณฑ์ ถูกครูฝึกทำร้ายร่างกาย ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 112 (ร.112พัน.1) อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ว่า เฉพาะหน้า กมธ.ทหาร จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่ทหารเกณฑ์ถูกทำร้าย ทั้งกรณีการเสียชีวิตที่เชียงราย และกรณีนี้ที่ จ.ชลบุรี และในต้นปีหน้านี้ กมธ.ทหาร จะเปิดโครงการ ทหารเกณฑ์ปลอดภัย รับเรื่องร้องเรียน และทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อจัดการกับกรณีเช่นนี้อย่าง เด็ดขาด ทันท่วงที
 
นายวิโรจน์ ระบุว่า โครงการทหารเกณฑ์ปลอดภัย ที่ กมธ.ทหาร วางแผนจะดำเนินการในต้นปีหน้า จะเป็นช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนจากทหารเกณฑ์ ที่ถูกกระทำ ดังนี้ 
1. ถูกทำร้ายในค่ายทหาร 
2. ถูกลงโทษอย่างผิดระเบียบ 
3. ถูกดำเนินการใดๆ อย่างไม่เป็นธรรม 
 
โดย กมธ.ทหาร จะเร่งประสานให้หน่วยงานภายในของกระทรวงกลาโหม ที่ได้ทำความร่วมมือกันไว้ ช่วยระงับยับยั้ง และช่วยเหลือผู้ถูกกระทำ มีเป้าหมาย คือ "การตายในค่ายทหารต้องเป็นศูนย์" และในกรณีที่พบการกระทำที่ผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ทาง กมธ.ทหาร จะประสานเพื่อร้องทุกข์กับ DSI ทันที
 
https://twitter.com/wirojlak/status/1735834839197364712
https://twitter.com/wirojlak/status/1735859838473920995
https://twitter.com/wirojlak/status/1735860709110796650
 


สธ.สิงคโปร์ตื่นตัว กระตุ้นปชช. สวมหน้ากาก หลังยอดติดโควิดเพิ่มต่อเนื่อง ชี้ส่วนใหญ่สายพันธุ์ย่อย JN.1
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4333599

สธ.สิงคโปร์ตื่นตัว กระตุ้นปชช. สวมหน้ากาก หลังยอดติดโควิดเพิ่มต่อเนื่อง ชี้ส่วนใหญ่สายพันธุ์ย่อย JN.1
 
จากการมีจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศสิงคโปร์ ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ออกมากระตุ้นอย่างแข็งขันให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีฝูงชนรวมตัวกันหนาแน่น แม้ว่าจะไม่ได้ป่วยก็ตาม โดยเฉพาะในสถานที่ปิดหรือการไปพบปะกับกลุ่มคนเปราะบาง
 
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์แถลงเมื่อวัน 15 ธันวาคม ประมานการว่าช่วงตั้งแต่วันที่ 3-9 ธันวาคม สิงคโปร์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 56,043 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับยอดผู้ติดเชื้อรวม 32,035 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะผู้ติดเชื้อโควิดที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเฉลี่ยตกวันละจาก 225 ราย เพิ่มเป็น 350 ราย และมีผู้ที่ต้องพักรักษาตัวในห้องไอซียูเพิ่มขึ้นจากวันละ 4 ราย เป็น 9 ราย โดยผู้ป่วยโควิดส่วนใหญ่พบว่าติดเชื้อสายพันธุ์ย่อย JN.1 ซึ่งกลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ BA.2.86.
 
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่า จากข้อมูลระหว่างประเทศและท้องถิ่นที่มีอยู่ ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าโควิดสายพันธุ์ BA.2.86 หรือ JN.1 สามารถแพร่เชื้อได้หรือทำให้เกิดโรคที่รุนแรงกว่าเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่กระจายอื่นๆ

จากสถานการณ์นี้ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ได้ร้องขอความร่วมมือจากประชาชนในการรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม โดยขอให้ผู้ที่มีอาการไม่สบายจากการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน ควรอยู่บ้านและหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้อื่น สำหรับผู้เดินทางควรสวมใส่หน้ากากป้องกันในสนามบิน ซื้อประกันการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนแออัดซึ่งมีการถ่ายเทอากาศที่ไม่ดีพอ และขอให้ผู้ที่ต้องรับการรักษาพยาบาลที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล เฉพาะในกรณีฉุกเฉินร้ายแรงหรือคุกคามถึงถึงชีวิตเท่านั้น ซึ่งจะช่วยรักษาศักยภาพของโรงพยาบาลไว้สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลในโรงพยาบาลแบบฉับพลันอย่างแท้จริง และช่วยให้ผู้ที่เจ็บป่วยรุนแรงได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
 
สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เมื่อเร็วๆ นี้ ทางการเพิ่มมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศตนเองเพิ่มสูงขึ้น โดยก่อนหน้านั้นกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียประกาศว่ารัฐบาลอาจประกาศคำสั่งเพิ่มเติมในการรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ที่อาจรวมถึงการให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเฉพาะในกลุ่มคนเปราะบาง จากที่ได้มีการแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันในการรวมตัวกันไปแล้ว หลังจากมาเลเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวที่ 12,757 ราย ในช่วงวันที่ 3-9 ธันวาคมเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
 
ส่วนอินโดนีเซีย เมื่อต้นสัปดาห์นี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิดทั้งสิ้น 6,223 ราย เพิ่มขึ้น 298 รายจากสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ออกหนังสือเวียนให้องค์กรต่างๆ ติดตามผู้ป่วยรายใหม่อย่างจริงจังและประกันความพร้อมของวัคซีนที่มีอยู่ในคลินิกสุขภาพของรัฐบาลทุกแห่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่