โรม เตือนความจำ เพื่อไทย หลังสภาล่มนัดแรก ย้ำ หน้าที่รัฐบาล รักษาองค์ประชุม
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8008364
“โรม” เตือนความจำ “เพื่อไทย” เคยอ้างหน้าที่รักษาองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เหน็บ แล้ววันนี้ใครเป็นรัฐบาล หลังองค์ประชุมสภาล่มนัดแรก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงปัญหาสภาล่ม ระหว่างการลงมติรับหลักการร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฉบับแก้ไข เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ต้องดูคำชี้แจงของพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่เคยพูดเอาไว้ว่าองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า แล้ววันนี้ใครเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ องค์ประชุมไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลแล้วหรือ ส่วนฝ่ายค้านมีเจตนาทำหน้าที่ตรวจสอบว่า สส.ของพรรครัฐบาลมาทำหน้าที่ในจำนวนเท่าไหร่ ครบองค์ประชุมหรือไม่
“
วันแรกของการเปิดประชุมสภาฯ หากเปรียบเป็นวันแรกของการเปิดเทอม นี่ก็คือวันแรกที่นักเรียนจะต้องมาเรียนครบ แต่พบว่ากลับมาไม่ถึง 250 คนหรือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แปลว่าอะไร เราไม่ได้ตั้งใจจะให้ล่ม ตั้งใจว่าหักเสียงของรัฐบาลถึง 250 เสียง เราตั้งใจว่าจะเติม
แต่เราก็ต้องการให้ประชาชนตรวจสอบว่า สส.ของรัฐบาล สุดท้ายมากันครบหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าการทำงานของรัฐบาลที่อยากจะเข้ามาเป็น สส.กันนักหนา สุดท้ายอยู่ทำหน้าที่หรือไม่” นาย
รังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบที่เสียหายต่อภาพลักษณ์ของสภาฯ หรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ทุกคนเห็นอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายค้านต้องการปกป้องภาพลักษณ์ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า หากเป็นการปกป้องแล้ว แต่ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น จึงคิดว่าหากได้เห็นว่ามี สส.บางกลุ่มตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ เชื่อว่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า
ก้าวไกล จี้ทส. สอบ บริษัทซื้อขายคาร์บอนเครดิต หวั่น เข้าข่ายต้มตุ๋น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4330194
ก้าวไกล จี้ กระทรวงทรัพยากรฯ ตรวจสอบ บริษัทซื้อขายคาร์บอนเครดิต หวั่น เป็นกระบวนการต้มตุ๋น
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่รัฐสภา นาย
มานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ
นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวกรณีที่มีบริษัทดำเนินการเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต ว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่า มีบริษัทจำนวนมากดำเนินการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ได้เข้าสู่กระบวนการของบริษัท
โดยกรณีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตนั้น เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่หลายประเทศได้ลงนามในการลดคาร์บอนโดยการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่ชัดเจนในเรื่องของการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และกำลังอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
โดยเคยสอบถามทางองค์การฯ ว่ามีมาตรการแนวทางในการดำเนินการซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างไร ซึ่งทางองค์การฯ ยืนยันว่ายังไม่มีกลไกที่ชัดเจนในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต แต่กลับมีกลุ่มบริษัทจำนวนมากตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทนในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยเข้าไปพูดคุยกับประชาชนให้เข้ามาปลูกป่าในที่ดินของตนซึ่งเป็นที่ที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการสร้างแรงจูงใจว่าจะมีรายได้ ทำให้ตนมีความห่วงใยว่าบริษัทเหล่านี้ใช้อำนาจ กลไก หรือมาตรการใดในการตั้งเป็นบริษัทที่จะซื้อขายคาร์บอนเครดิต ในขณะที่ทางราชการเองยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ทำให้เข้าใจได้ว่าจะเป็นกระบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงพี่น้องประชาชนหรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ช่วยตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ เนื่องจากหากไม่มีการป้องปรามจะเกิดผลเสียหายต่อพี่น้องประชาชนอย่างมาก
สว.อุปกิต อ่วม อัยการสั่งฟ้อง 6 ฐานความผิด ทั้งคดียาเสพติด-ฟอกเงิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4330215
สว.อุปกิต อ่วม อัยการสั่งฟ้อง 6 ฐานความผิด ทั้งคดียาเสพติด-ฟอกเงิน
วันที่ 14 ธันวาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นาย
ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้า คดียื่นฟ้องนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ว่า วันนี้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 9 ยื่นฟ้องนายอุปกิตใน 6 ฐานความผิด
1. เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมทบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันโดยการกระทำมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป
2. ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
3. เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
4. เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันฟอกเงิน
5. เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อจะทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
6.มีส่วนร่วมกระทำการใดๆไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรง
ทั้งนี้ ศาลรับคำฟ้องเป็นคดีดำที่ ย. 1445/2566 โดยสารได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้วจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 9:00 น
นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาที่มีการสั่งฟ้อง นายอุปกิต มีการแจ้งเพิ่มเติมในชั้นสอบสวน บางข้อกล่าวหา และคงไม่ขอให้มีการรวมสำนวนคดีกับคดีของนายทุน มิน ลัต ที่อยู่ในชั้นศาลขณะนี้ เพราะศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปไกล สืบพยานเสร็จสิ้นหมดแล้ว และศาลได้นัดฟังคำพิพากษา คดีของนายทุน มิน ลัต ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 นี้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายอุปกิต พร้อมทนายความได้เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามกำหนดนัดของอัยการ และขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัวต่อศาล โดยมีรายงานว่าในอุปกิตใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท การยื่นขอประกันตัว และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
JJNY : โรมเตือนความจำ│ก้าวไกลจี้สอบบ.ซื้อขายคาร์บอนเครดิต│สว.อุปกิตอ่วม อัยการสั่งฟ้อง│เมียนมายันมุ่งมั่นเอาชนะเผด็จการ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8008364
“โรม” เตือนความจำ “เพื่อไทย” เคยอ้างหน้าที่รักษาองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เหน็บ แล้ววันนี้ใครเป็นรัฐบาล หลังองค์ประชุมสภาล่มนัดแรก
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงปัญหาสภาล่ม ระหว่างการลงมติรับหลักการร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ฉบับแก้ไข เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ต้องดูคำชี้แจงของพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่เคยพูดเอาไว้ว่าองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า แล้ววันนี้ใครเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ องค์ประชุมไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลแล้วหรือ ส่วนฝ่ายค้านมีเจตนาทำหน้าที่ตรวจสอบว่า สส.ของพรรครัฐบาลมาทำหน้าที่ในจำนวนเท่าไหร่ ครบองค์ประชุมหรือไม่
“วันแรกของการเปิดประชุมสภาฯ หากเปรียบเป็นวันแรกของการเปิดเทอม นี่ก็คือวันแรกที่นักเรียนจะต้องมาเรียนครบ แต่พบว่ากลับมาไม่ถึง 250 คนหรือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง แปลว่าอะไร เราไม่ได้ตั้งใจจะให้ล่ม ตั้งใจว่าหักเสียงของรัฐบาลถึง 250 เสียง เราตั้งใจว่าจะเติม
แต่เราก็ต้องการให้ประชาชนตรวจสอบว่า สส.ของรัฐบาล สุดท้ายมากันครบหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าการทำงานของรัฐบาลที่อยากจะเข้ามาเป็น สส.กันนักหนา สุดท้ายอยู่ทำหน้าที่หรือไม่” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบที่เสียหายต่อภาพลักษณ์ของสภาฯ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทุกคนเห็นอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายค้านต้องการปกป้องภาพลักษณ์ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า หากเป็นการปกป้องแล้ว แต่ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น จึงคิดว่าหากได้เห็นว่ามี สส.บางกลุ่มตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองก็จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ เชื่อว่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า
ก้าวไกล จี้ทส. สอบ บริษัทซื้อขายคาร์บอนเครดิต หวั่น เข้าข่ายต้มตุ๋น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4330194
ก้าวไกล จี้ กระทรวงทรัพยากรฯ ตรวจสอบ บริษัทซื้อขายคาร์บอนเครดิต หวั่น เป็นกระบวนการต้มตุ๋น
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวกรณีที่มีบริษัทดำเนินการเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต ว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่า มีบริษัทจำนวนมากดำเนินการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ได้เข้าสู่กระบวนการของบริษัท
โดยกรณีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตนั้น เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่หลายประเทศได้ลงนามในการลดคาร์บอนโดยการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่ชัดเจนในเรื่องของการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และกำลังอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
โดยเคยสอบถามทางองค์การฯ ว่ามีมาตรการแนวทางในการดำเนินการซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างไร ซึ่งทางองค์การฯ ยืนยันว่ายังไม่มีกลไกที่ชัดเจนในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต แต่กลับมีกลุ่มบริษัทจำนวนมากตั้งขึ้นมาเป็นตัวแทนในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต โดยเข้าไปพูดคุยกับประชาชนให้เข้ามาปลูกป่าในที่ดินของตนซึ่งเป็นที่ที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการสร้างแรงจูงใจว่าจะมีรายได้ ทำให้ตนมีความห่วงใยว่าบริษัทเหล่านี้ใช้อำนาจ กลไก หรือมาตรการใดในการตั้งเป็นบริษัทที่จะซื้อขายคาร์บอนเครดิต ในขณะที่ทางราชการเองยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ทำให้เข้าใจได้ว่าจะเป็นกระบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงพี่น้องประชาชนหรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ช่วยตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ เนื่องจากหากไม่มีการป้องปรามจะเกิดผลเสียหายต่อพี่น้องประชาชนอย่างมาก
สว.อุปกิต อ่วม อัยการสั่งฟ้อง 6 ฐานความผิด ทั้งคดียาเสพติด-ฟอกเงิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4330215
สว.อุปกิต อ่วม อัยการสั่งฟ้อง 6 ฐานความผิด ทั้งคดียาเสพติด-ฟอกเงิน
วันที่ 14 ธันวาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้า คดียื่นฟ้องนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ว่า วันนี้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 9 ยื่นฟ้องนายอุปกิตใน 6 ฐานความผิด
1. เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมทบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันโดยการกระทำมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป
2. ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน
3. เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
4. เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันฟอกเงิน
5. เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อจะทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
6.มีส่วนร่วมกระทำการใดๆไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรง
ทั้งนี้ ศาลรับคำฟ้องเป็นคดีดำที่ ย. 1445/2566 โดยสารได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้วจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 9:00 น
นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาที่มีการสั่งฟ้อง นายอุปกิต มีการแจ้งเพิ่มเติมในชั้นสอบสวน บางข้อกล่าวหา และคงไม่ขอให้มีการรวมสำนวนคดีกับคดีของนายทุน มิน ลัต ที่อยู่ในชั้นศาลขณะนี้ เพราะศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปไกล สืบพยานเสร็จสิ้นหมดแล้ว และศาลได้นัดฟังคำพิพากษา คดีของนายทุน มิน ลัต ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 นี้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายอุปกิต พร้อมทนายความได้เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามกำหนดนัดของอัยการ และขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัวต่อศาล โดยมีรายงานว่าในอุปกิตใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท การยื่นขอประกันตัว และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล