ฝ่ายค้านเตรียมกระทู้ถามรัฐบาล หลังวานนี้สภาล่ม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_653389/
ฝ่ายค้านเตรียมตั้งกระทู้ถามรัฐบาล เรื่องการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินของกระทรวงมหาดไทย หลังวานนี้ สภาล่ม ประเดิมเปิดสมัยประชุม เพราะ รัฐบาลจ้องปัดตก-ขวางส่งร่างข้อบังคับพรรคก้าวไกล
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (14 ธ.ค.66) หลังการการปรึกษาหารือตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของสมาชิกถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาขนแล้ว เป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถาม ทั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาและกระทู้ถามทั่วไป ที่สมาชิกตั้งถามรัฐบาลหลายเรื่อง เช่น เรื่องการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินของกระทรวงมหาดไทยที่รัฐมนตรีประกาศล่าสุด , เรื่อง การจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในวันสงกรานต์พระประแดง และเรื่องมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูเก็บเกี่ยวปี 2566 จากนั้น ประธานแจ้งที่ประชุมรับทราบต่างๆ เช่น รับทราบเรื่อง วุฒิสภาได้พิจารณารับทราบร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2565-2567 , รับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 และรับทราบนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีวาระพิจารณาเรื่องที่ค้างพิจารณากว่า 31 เรื่อง เช่น ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนปีงบประมาณให้เหมาะสมแก่ฤดูกาลเพื่อการแก้ไขปัญหาทางสังคม การลงทุน และการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง
ขณะเดียวกัน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้เป็นวันแรก (13 ธันวาคม) หลังเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญที่ 2 ประจำปี 2566 ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในช่วงเย็น เวลา 18.47 น. ได้สั่งปิดการปิดประชุม เนื่องจาก องค์ประชุมไม่ครบ ระหว่างการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรก้าวหน้า ที่นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ โดยมีหลักการใหม่ ๆ เช่น ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่กี่ยวข้องกับการเงิน โดย สส. หรือภาคประชาชน หากนายกรัฐมนตรี ไม่อนุมัติกลับมายังสภาฯ ให้ถือว่า นายกรัฐมนตรีอนุมัติ, การเพิ่มกระทู้ถามสด ระหว่างนายกรัฐมนตรี กับผู้นำฝ่ายค้านฯ
และ สส.คนอื่น ๆ ประมาณ 5 คน / สัปดาห์ หรือ PrimeMinister’sQuestion ตามแบบสภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักร รวมถึงการกำหนดให้ สส.ฝ่ายค้านจะต้องทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต, กรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการใช้งบประมาณ และกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น
โดยในการอภิปรายของ สส.พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่นั้น ไม่เห็นด้วยกับร่างข้อบังคับดังกล่าว ซึ่งก่อนที่จะมีการลงมตินั้น นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอญัตติให้ชะลอการลงมติไว้ก่อน เพื่อส่งร่างข้อบังคับฉบับนี้ ให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา หรือส่งร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรฉบับพรรคร่วมรัฐบาล มาประกบฉบับของพรรคก้าวไกล แต่นายศรัณฑ์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ได้ยืนยันว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลได้มีมติแล้วว่า จะไม่ส่งไปให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และขอให้มีการลงมติต่อเนื่องในทันที ทำให้ที่ประชุมต้องลงมติว่าจะเห็นด้วยกับการส่งร่างข้อบังคับการประชุมฯ ฉบับพรรคก้าวไกล ไปให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาก่อนหรือไม่ โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 223 เสียง ต่อ 151 เสียง ไม่ให้ส่งไปกรรมาธิการฯ พิจารณาก่อน ซึ่งผลคะแนนที่ปรากฏดังกล่าว สะท้อนว่า มี สส.พรรคร่วมรัฐบาล เข้าร่วมการประชุม 223 คน จากทั้งหมด 499 คน
จากนั้น ที่ประชุมฯ ได้เข้าสู่ขั้นตอนการลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล ในวาระแรก โดยมีการตรวจสอบองค์ประชุม ซึ่งมี สส.แสดงตน 332 คน ก่อนจะมีมติเสียงข้างมาก 223 เสียง ต่อ 1 เสียง ไม่รับหลักการร่างข้อบังคับการประชุมดังกล่าว จากจำนวนผู้ลงมติ 228 เสียง ซึ่งไม่ครบองค์ประชุม
ทำให้เกิดการประท้วงกันในที่ประชุม โดยนาย
ภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ได้โต้แย้งว่า ประธานในที่ประชุม ได้ตรวจสอบองค์ประชุมแล้ว ซึ่งมีจำนวน สส.แสดงตนครบองค์ประชุม ดังนั้น ในการลงมติผู้ที่ไม่กดมติ จึงเท่ากับไม่มีเจตนาจะลงมติ ไม่ใช่องค์ประชุมให้ครบ จึงขอให้ประธานฯ วินิจฉัยให้ดี ก่อนที่นาย
ณัฐพงษ์ จะลุกขึ้นโต้แย้ง นาย
ภราดร เนื่องจาก ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว สมัยนาย
ชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ที่ในขั้นตอนการแสดงตนครบองค์ประชุม แต่ในการลงมติกลับไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งนาย
ชวน ให้ถือว่า ไม่ครบองค์ประชุม และต้องปิดการประชุม
ขณะที่ นาย
วรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้เรียกร้องให้นาย
ปดิพัทธ์ วินิจฉัยให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคต เนื่องจาก ในอดีตตนไม่ขอวินิจฉัย แต่ในวันนี้ (13 ธ.ค.) นายปดิพัทธ์ ได้ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุม จึงขอให้มีการวินิจฉัยด้วย เช่นเดียวกับ นางสาว
แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ที่ขอให้นาย
ปดิพัทธ์ ทบทวนการวินิจฉัย เพราะองค์ประชุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร คือ สส.ที่อยู่ในห้องประชุม ไม่ว่าฝ่ายใดจะมามากหรือมาน้อย
จนท้ายที่สุด นาย
ปดิพัทธ์ ได้ยืนยันว่า ในขั้นตอนการลงมตินั้น องค์ประชุมที่ประชุมครบ แต่ในการลงมติเพื่อให้ได้รับความเห็นชอบในการพิจารณานั้น จะต้องมีองค์ประชุมมากกว่ากึ่งหนึ่ง จะใช้เฉพาะเสียงข้างมากเพียงอย่างเดียวไม่ได้ พร้อมสั่งปิดการประชุม ทำให้เหตุการณ์สภาล่มครั้งนี้ ถือเป็นการล่มครั้งแรก ประเดิมการเปิดสมัยประชุมสภาที่ 2 ประจำปี 2566
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ภายหลังการลงมติญัตติของนาย
ณัฐพงษ์ ที่ขอให้ที่ประชุมส่งร่างข้อบังคับการประชุมฯ ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล ไปให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรไปพิจารณาก่อนนั้น สส.พรรคก้าวไกล พบว่า สส.พรรคร่วมรัฐบาล อยู่เข้าร่วมประชุมไม่ถึงครึ่งหนึ่งขององค์ประชุมที่มี ทำให้ในการลงมติวาระแรกนั้น สส.พรรคก้าวไกล ไม่ได้มีการกดการลงคะแนน จึงทำให้องค์ประชุมดังกล่าว ไม่ครบ จนเป็นเหตุให้ปิดการประชุมในที่สุด
หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อรับสร้างบ้าน ‘กทม.-ปริมณฑล’ ซึมหนัก เบนเข็มเจาะพ่อเลี้ยงภาคเหนือ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4330009
หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อรับสร้างบ้าน ‘กทม.-ปริมณฑล’ ซึมหนัก เบนเข็มเจาะพ่อเลี้ยงภาคเหนือ
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นาย
โอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ผลจาภภาวะเศรษฐกิจในปี 2566 ไม่ค่อยดี ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ทำให้ตลาดรับสร้างบ้านทรงตัว ไม่เติบโต เนื่องจากตลาดบ้านหลังเล็ก ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของธุรกิจรับสร้างบ้าน กำลังซื้อชะลอตัว โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ซบเซากว่าต่างจังหวัด แต่ตลาดบ้านไฮเอนด์และหลังใหญ่ ยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง จึงทำให้ตลาดรวมไม่หดตัวมากนัก ทำให้ไม่มั่นใจว่าปีนี้มูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง(เฉพาะสมาชิกสมาคม) จะเป็นไปตามเป้า 13,250 ล้านบาทหรือไม่
ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในปีหน้าสมาคมจะจัดงานรับสร้างบ้านเร็วขึ้นตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2567 ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-16 บาท ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการสร้างบ้าน เพราะปัจจุบันบริษัทรับสร้างจ่ายค่าแรงอยู่ที่ 450-600 บาท เกินจากค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว นาย
วรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านและประธานบริหารบริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังไม่ค่อยดี ทำให้กำลังซื้อกลุ่มบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาทไม่ค่อยดี และมีปัญหาธนาคารไม่ปล่อยกู้สินเชื่อให้ โดยเฉพาะตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กำลังซื้อชะลอตัวกว่าภาคอื่นๆ ทั้งที่ช่วงไตรมาส4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น แต่ปีนี้ค่อนข้างเงียบ คาดเป็นผลจากเศรษฐกิจไม่ดีที่กระทบต่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้ลูกค้าระมัดระวังการใช้เงินและชะลอการสร้างบ้านออกไปก่อน
“
จากกำลังซื้อที่ชะลอตัว ทำให้ปีนี้ผลประกอบการบริษัทจะอยู่ที่ 200 กว่าล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท ประมาณ 20-25% ส่วนปี 2567 จะปรับแผนหันไปเจาะตลาดบ้านหลังใหญ่ ขนาดพื้นที่ 700-1,000 ตารางเมตร ราคามากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมจับตลาดไม่เกิน 30 ล้านบาท เพราะมองว่าตลาดไฮเอนด์ยังเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ อีกทั้งขยายตลาดไปสู่พื้นที่ใหม่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ชะอำ หัวหิน ขณะนี้มีลูกค้าเป็นนักธุรกิจส่งออกจากเชียงใหม่ติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว” นาย
วรวุฒิกล่าว
“ทุเรียนเวียดนาม” มาแรง จีนนำเข้าพุ่ง 5.4 หมื่นล้าน คู่แข่งสำคัญ”ทุเรียนไทย”
https://www.prachachat.net/world-news/news-1459289
จีนเปิดข้อมูลนำเข้า “ทุเรียนเวียดนาม” พุ่ง 5.43 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3,084% เผยฤดูเก็บเกี่ยวยาวนานกว่า และราคาถูกกว่าทุเรียนไทย ผู้นำเข้าผลไม้จีนแห่ทำสัญญาชาวสวนเวียดนาม
วันที่ 14 ธันวาคม 2566 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า “
ด่านโหย่วอี้กวน” ซึ่งเป็นด่านนำเข้าทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ และคุ้นเคยกับการนำเข้าทุเรียนจากไทยเป็นหลัก และได้รับรองการนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามนับตั้งแต่มีการอนุญาตทุเรียนเวียดนามเข้าถึงตลาดจีนเมื่อปีก่อน
นาย
หนงหลี่ชิง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนำเข้าและส่งออกแห่งหนึ่งในเมืองผิงเสียงของกว่างซี ซึ่งเป็นที่ตั้งของด่านบกโหย่วอี้กวน ที่สามารถขนส่งทุเรียนสดใหม่ถึงมือลูกค้าในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ที่อยู่ใกล้เคียง และมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนอย่างรวดเร็ว
“
ปีนี้เรานำเข้าทุเรียนมากกว่า 1,600 ตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อนับถึงเดือนธันวาคม โดยนอกจากไทย เราได้เริ่มนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามด้วย ซึ่งในแต่ละวันมีการนำเข้าทุเรียนหลายสิบตู้คอนเทนเนอร์” นาย
หนงหลี่ชิงกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า ปี 2022 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าทุเรียนรวม 825,000 ตัน โดยข้อมูลศุลกากรระบุว่าทุเรียนครองอันดับหนึ่งในหมู่ผลไม้นำเข้าของจีน คิดเป็นมูลค่า 4.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.43 แสนล้านบาท)
สำหรับ “
ทุเรียนเวียดนาม” ซึ่งเป็นที่รู้จักว่ามีฤดูเก็บเกี่ยวยาวนานกว่า และราคาถูกกว่าได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดจีนภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในปี 2022 โดยปัจจุบันจีนกลายเป็นตลาดส่งออกทุเรียนแห่งหลักของเวียดนาม
“ใ
นช่วงสิบกว่าปีก่อน ผลไม้จากประเทศอาเซียนอย่างทุเรียน มังคุด และมะพร้าว ถือเป็นของหายากในจีน แต่ตอนนี้พบเจอได้ตามแผงขายผลไม้ในแทบทุกเมืองใหญ่และมีราคาย่อมเยามากขึ้น” นาย
หวังเจิ้งโป๋ ประธานบริษัทผลไม้ในกว่างซีกล่าว
บริษัทของนาย
หวังได้เข้าสู่วงการนำเข้าทุเรียนเวียดนาม โดยปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงนามสัญญากับสวนทุเรียนหลายแห่งในเวียดนาม ซึ่งมีพื้นที่รวมเกือบ 3,000 เฮกตาร์ (ราว 18,750 ไร่) และปีนี้มีแผนนำเข้าทุเรียนเวียดนามมากกว่า 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ 60,000 ตัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดจีน
ขณะที่นาย
ด่ง กวาง หาย นักธุรกิจชาวเวียดนาม ที่เป็นเจ้าของสวนทุเรียนในเวียดนามกล่าวว่า ทุเรียนเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน มีความต้องการจากผู้บริโภคและศักยภาพทางการตลาดสูงมาก
ปัจจุบันด่านโหยวอี้กวนกลายเป็นด่านบกสำหรับการแลกเปลี่ยนทางพรมแดนระหว่างจีนและเวียดนามที่คึกคักและสะดวกมากที่สุด สามารถขนส่งทุเรียนและผลไม้ถึงมือลูกค้าในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ที่อยู่ใกล้เคียง และมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนอย่างรวดเร็ว โดยสถานี
JJNY : เตรียมกระทู้ถามหลังวานนี้สภาล่ม│หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อรับสร้างบ้าน│“ทุเรียนเวียดนาม”มาแรง│จีน-เวียดนามเห็นพ้อง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_653389/
ฝ่ายค้านเตรียมตั้งกระทู้ถามรัฐบาล เรื่องการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินของกระทรวงมหาดไทย หลังวานนี้ สภาล่ม ประเดิมเปิดสมัยประชุม เพราะ รัฐบาลจ้องปัดตก-ขวางส่งร่างข้อบังคับพรรคก้าวไกล
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (14 ธ.ค.66) หลังการการปรึกษาหารือตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรของสมาชิกถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาขนแล้ว เป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถาม ทั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาและกระทู้ถามทั่วไป ที่สมาชิกตั้งถามรัฐบาลหลายเรื่อง เช่น เรื่องการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินของกระทรวงมหาดไทยที่รัฐมนตรีประกาศล่าสุด , เรื่อง การจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในวันสงกรานต์พระประแดง และเรื่องมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูเก็บเกี่ยวปี 2566 จากนั้น ประธานแจ้งที่ประชุมรับทราบต่างๆ เช่น รับทราบเรื่อง วุฒิสภาได้พิจารณารับทราบร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2565-2567 , รับทราบรายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 และรับทราบนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีวาระพิจารณาเรื่องที่ค้างพิจารณากว่า 31 เรื่อง เช่น ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนปีงบประมาณให้เหมาะสมแก่ฤดูกาลเพื่อการแก้ไขปัญหาทางสังคม การลงทุน และการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง
ขณะเดียวกัน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้เป็นวันแรก (13 ธันวาคม) หลังเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญที่ 2 ประจำปี 2566 ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในช่วงเย็น เวลา 18.47 น. ได้สั่งปิดการปิดประชุม เนื่องจาก องค์ประชุมไม่ครบ ระหว่างการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรก้าวหน้า ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ โดยมีหลักการใหม่ ๆ เช่น ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่กี่ยวข้องกับการเงิน โดย สส. หรือภาคประชาชน หากนายกรัฐมนตรี ไม่อนุมัติกลับมายังสภาฯ ให้ถือว่า นายกรัฐมนตรีอนุมัติ, การเพิ่มกระทู้ถามสด ระหว่างนายกรัฐมนตรี กับผู้นำฝ่ายค้านฯ
และ สส.คนอื่น ๆ ประมาณ 5 คน / สัปดาห์ หรือ PrimeMinister’sQuestion ตามแบบสภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักร รวมถึงการกำหนดให้ สส.ฝ่ายค้านจะต้องทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต, กรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการใช้งบประมาณ และกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น
โดยในการอภิปรายของ สส.พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่นั้น ไม่เห็นด้วยกับร่างข้อบังคับดังกล่าว ซึ่งก่อนที่จะมีการลงมตินั้น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอญัตติให้ชะลอการลงมติไว้ก่อน เพื่อส่งร่างข้อบังคับฉบับนี้ ให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา หรือส่งร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรฉบับพรรคร่วมรัฐบาล มาประกบฉบับของพรรคก้าวไกล แต่นายศรัณฑ์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ได้ยืนยันว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลได้มีมติแล้วว่า จะไม่ส่งไปให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และขอให้มีการลงมติต่อเนื่องในทันที ทำให้ที่ประชุมต้องลงมติว่าจะเห็นด้วยกับการส่งร่างข้อบังคับการประชุมฯ ฉบับพรรคก้าวไกล ไปให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาก่อนหรือไม่ โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 223 เสียง ต่อ 151 เสียง ไม่ให้ส่งไปกรรมาธิการฯ พิจารณาก่อน ซึ่งผลคะแนนที่ปรากฏดังกล่าว สะท้อนว่า มี สส.พรรคร่วมรัฐบาล เข้าร่วมการประชุม 223 คน จากทั้งหมด 499 คน
จากนั้น ที่ประชุมฯ ได้เข้าสู่ขั้นตอนการลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล ในวาระแรก โดยมีการตรวจสอบองค์ประชุม ซึ่งมี สส.แสดงตน 332 คน ก่อนจะมีมติเสียงข้างมาก 223 เสียง ต่อ 1 เสียง ไม่รับหลักการร่างข้อบังคับการประชุมดังกล่าว จากจำนวนผู้ลงมติ 228 เสียง ซึ่งไม่ครบองค์ประชุม
ทำให้เกิดการประท้วงกันในที่ประชุม โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ได้โต้แย้งว่า ประธานในที่ประชุม ได้ตรวจสอบองค์ประชุมแล้ว ซึ่งมีจำนวน สส.แสดงตนครบองค์ประชุม ดังนั้น ในการลงมติผู้ที่ไม่กดมติ จึงเท่ากับไม่มีเจตนาจะลงมติ ไม่ใช่องค์ประชุมให้ครบ จึงขอให้ประธานฯ วินิจฉัยให้ดี ก่อนที่นายณัฐพงษ์ จะลุกขึ้นโต้แย้ง นายภราดร เนื่องจาก ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ที่ในขั้นตอนการแสดงตนครบองค์ประชุม แต่ในการลงมติกลับไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งนายชวน ให้ถือว่า ไม่ครบองค์ประชุม และต้องปิดการประชุม
ขณะที่ นายวรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้เรียกร้องให้นายปดิพัทธ์ วินิจฉัยให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคต เนื่องจาก ในอดีตตนไม่ขอวินิจฉัย แต่ในวันนี้ (13 ธ.ค.) นายปดิพัทธ์ ได้ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุม จึงขอให้มีการวินิจฉัยด้วย เช่นเดียวกับ นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ที่ขอให้นายปดิพัทธ์ ทบทวนการวินิจฉัย เพราะองค์ประชุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร คือ สส.ที่อยู่ในห้องประชุม ไม่ว่าฝ่ายใดจะมามากหรือมาน้อย
จนท้ายที่สุด นายปดิพัทธ์ ได้ยืนยันว่า ในขั้นตอนการลงมตินั้น องค์ประชุมที่ประชุมครบ แต่ในการลงมติเพื่อให้ได้รับความเห็นชอบในการพิจารณานั้น จะต้องมีองค์ประชุมมากกว่ากึ่งหนึ่ง จะใช้เฉพาะเสียงข้างมากเพียงอย่างเดียวไม่ได้ พร้อมสั่งปิดการประชุม ทำให้เหตุการณ์สภาล่มครั้งนี้ ถือเป็นการล่มครั้งแรก ประเดิมการเปิดสมัยประชุมสภาที่ 2 ประจำปี 2566
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ภายหลังการลงมติญัตติของนายณัฐพงษ์ ที่ขอให้ที่ประชุมส่งร่างข้อบังคับการประชุมฯ ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล ไปให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรไปพิจารณาก่อนนั้น สส.พรรคก้าวไกล พบว่า สส.พรรคร่วมรัฐบาล อยู่เข้าร่วมประชุมไม่ถึงครึ่งหนึ่งขององค์ประชุมที่มี ทำให้ในการลงมติวาระแรกนั้น สส.พรรคก้าวไกล ไม่ได้มีการกดการลงคะแนน จึงทำให้องค์ประชุมดังกล่าว ไม่ครบ จนเป็นเหตุให้ปิดการประชุมในที่สุด
หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อรับสร้างบ้าน ‘กทม.-ปริมณฑล’ ซึมหนัก เบนเข็มเจาะพ่อเลี้ยงภาคเหนือ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4330009
หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อรับสร้างบ้าน ‘กทม.-ปริมณฑล’ ซึมหนัก เบนเข็มเจาะพ่อเลี้ยงภาคเหนือ
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ผลจาภภาวะเศรษฐกิจในปี 2566 ไม่ค่อยดี ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ทำให้ตลาดรับสร้างบ้านทรงตัว ไม่เติบโต เนื่องจากตลาดบ้านหลังเล็ก ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของธุรกิจรับสร้างบ้าน กำลังซื้อชะลอตัว โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ซบเซากว่าต่างจังหวัด แต่ตลาดบ้านไฮเอนด์และหลังใหญ่ ยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง จึงทำให้ตลาดรวมไม่หดตัวมากนัก ทำให้ไม่มั่นใจว่าปีนี้มูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง(เฉพาะสมาชิกสมาคม) จะเป็นไปตามเป้า 13,250 ล้านบาทหรือไม่
ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในปีหน้าสมาคมจะจัดงานรับสร้างบ้านเร็วขึ้นตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2567 ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-16 บาท ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการสร้างบ้าน เพราะปัจจุบันบริษัทรับสร้างจ่ายค่าแรงอยู่ที่ 450-600 บาท เกินจากค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว นายวรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านและประธานบริหารบริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังไม่ค่อยดี ทำให้กำลังซื้อกลุ่มบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาทไม่ค่อยดี และมีปัญหาธนาคารไม่ปล่อยกู้สินเชื่อให้ โดยเฉพาะตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กำลังซื้อชะลอตัวกว่าภาคอื่นๆ ทั้งที่ช่วงไตรมาส4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น แต่ปีนี้ค่อนข้างเงียบ คาดเป็นผลจากเศรษฐกิจไม่ดีที่กระทบต่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้ลูกค้าระมัดระวังการใช้เงินและชะลอการสร้างบ้านออกไปก่อน
“จากกำลังซื้อที่ชะลอตัว ทำให้ปีนี้ผลประกอบการบริษัทจะอยู่ที่ 200 กว่าล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท ประมาณ 20-25% ส่วนปี 2567 จะปรับแผนหันไปเจาะตลาดบ้านหลังใหญ่ ขนาดพื้นที่ 700-1,000 ตารางเมตร ราคามากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมจับตลาดไม่เกิน 30 ล้านบาท เพราะมองว่าตลาดไฮเอนด์ยังเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ อีกทั้งขยายตลาดไปสู่พื้นที่ใหม่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ชะอำ หัวหิน ขณะนี้มีลูกค้าเป็นนักธุรกิจส่งออกจากเชียงใหม่ติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว” นายวรวุฒิกล่าว
“ทุเรียนเวียดนาม” มาแรง จีนนำเข้าพุ่ง 5.4 หมื่นล้าน คู่แข่งสำคัญ”ทุเรียนไทย”
https://www.prachachat.net/world-news/news-1459289
จีนเปิดข้อมูลนำเข้า “ทุเรียนเวียดนาม” พุ่ง 5.43 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3,084% เผยฤดูเก็บเกี่ยวยาวนานกว่า และราคาถูกกว่าทุเรียนไทย ผู้นำเข้าผลไม้จีนแห่ทำสัญญาชาวสวนเวียดนาม
วันที่ 14 ธันวาคม 2566 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า “ด่านโหย่วอี้กวน” ซึ่งเป็นด่านนำเข้าทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ และคุ้นเคยกับการนำเข้าทุเรียนจากไทยเป็นหลัก และได้รับรองการนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามนับตั้งแต่มีการอนุญาตทุเรียนเวียดนามเข้าถึงตลาดจีนเมื่อปีก่อน
นายหนงหลี่ชิง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนำเข้าและส่งออกแห่งหนึ่งในเมืองผิงเสียงของกว่างซี ซึ่งเป็นที่ตั้งของด่านบกโหย่วอี้กวน ที่สามารถขนส่งทุเรียนสดใหม่ถึงมือลูกค้าในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ที่อยู่ใกล้เคียง และมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนอย่างรวดเร็ว
“ปีนี้เรานำเข้าทุเรียนมากกว่า 1,600 ตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อนับถึงเดือนธันวาคม โดยนอกจากไทย เราได้เริ่มนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามด้วย ซึ่งในแต่ละวันมีการนำเข้าทุเรียนหลายสิบตู้คอนเทนเนอร์” นายหนงหลี่ชิงกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า ปี 2022 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าทุเรียนรวม 825,000 ตัน โดยข้อมูลศุลกากรระบุว่าทุเรียนครองอันดับหนึ่งในหมู่ผลไม้นำเข้าของจีน คิดเป็นมูลค่า 4.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.43 แสนล้านบาท)
สำหรับ “ทุเรียนเวียดนาม” ซึ่งเป็นที่รู้จักว่ามีฤดูเก็บเกี่ยวยาวนานกว่า และราคาถูกกว่าได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดจีนภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ในปี 2022 โดยปัจจุบันจีนกลายเป็นตลาดส่งออกทุเรียนแห่งหลักของเวียดนาม
“ในช่วงสิบกว่าปีก่อน ผลไม้จากประเทศอาเซียนอย่างทุเรียน มังคุด และมะพร้าว ถือเป็นของหายากในจีน แต่ตอนนี้พบเจอได้ตามแผงขายผลไม้ในแทบทุกเมืองใหญ่และมีราคาย่อมเยามากขึ้น” นายหวังเจิ้งโป๋ ประธานบริษัทผลไม้ในกว่างซีกล่าว
บริษัทของนายหวังได้เข้าสู่วงการนำเข้าทุเรียนเวียดนาม โดยปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงนามสัญญากับสวนทุเรียนหลายแห่งในเวียดนาม ซึ่งมีพื้นที่รวมเกือบ 3,000 เฮกตาร์ (ราว 18,750 ไร่) และปีนี้มีแผนนำเข้าทุเรียนเวียดนามมากกว่า 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ 60,000 ตัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดจีน
ขณะที่นายด่ง กวาง หาย นักธุรกิจชาวเวียดนาม ที่เป็นเจ้าของสวนทุเรียนในเวียดนามกล่าวว่า ทุเรียนเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน มีความต้องการจากผู้บริโภคและศักยภาพทางการตลาดสูงมาก
ปัจจุบันด่านโหยวอี้กวนกลายเป็นด่านบกสำหรับการแลกเปลี่ยนทางพรมแดนระหว่างจีนและเวียดนามที่คึกคักและสะดวกมากที่สุด สามารถขนส่งทุเรียนและผลไม้ถึงมือลูกค้าในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ที่อยู่ใกล้เคียง และมณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีนอย่างรวดเร็ว โดยสถานี