เมื่อเวลาชีวิตเริ่มถอยหลัง จะทำอะไรให้รู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้เกิดมา

สวัสดีค่ะ คือมีเรื่องจะถามชาวพันทิปที่แวะเข้ามาว่า หากรู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้ายที่มีชีวิตอยู่ได้ไปเกินสองปีบวกลบนิดหน่อย จะทำอะไรกันบ้างคะ 

ตอนนี้เรียนจบและมีแฟนอยู่คนหนึ่ง ตามจีบอยู่นานมากค่ะ กว่าเขาจะรับรักและเปลี่ยนสถานะเป็นแฟน จนเคยแพลนที่จะแต่งงานกันถ้าพร้อมทั้งด้านการเงินและเวลาเหมาะสม ก่อนเรียนจบปริญญาตีก็รู้สึกปวดขาตรงข้อเข่า เดินทีเจ็บทีแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากค่ะ ก็มันเจ็บๆหายๆ พอผ่านไปก็คิดว่าตัวเองเป็นข้ออักเสบหรือเปล่า เห็นมันนูนๆเป็นก้อน ก็ไปหาหมอหมอก็จ่ายยาให้ปกติ แต่ประเด็นคือมันไม่หาย ก็แบบเอ๊ะ ทำไมไม่หาย เลยกลับไปหาหมออีกครั้งโดยเปลี่ยนคลินิก จนนู่นนี่นั่นก็ได้ไปตรวจ เอ็กซเรย์ ct scan ก็พบก้อนแต่ตอนนั้นคือไม่รู้ว่ามันเป็นก้อนอะไร ตอนนั้นใจเสียไปหมดเลยค่ะ คิดว่า เนื้อร้ายแน่ๆ แต่ก็ต้องส่งชิ้นเนื้อไปตรวจถึงจะรู้

ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะได้รู้นานพอเริ่มทำใจได้เลยค่ะ เกือบปี (คิวเอยอะไรเอยคือนานมากค่ะ ไม่มีเส้นมีสายหรือมีกำลังทรัพย์พอที่จะเดินเรื่องกับรพ.เอกชน) ตอนที่ไปตรวจไปทำอะไรคือแฟนไม่รู้ แต่พ่อแม่รู้ 

พอว่าวันนี้ผลออกมาแล้วค่ะ หมอสรุปให้ฟัง ตอนแรกหมอบอกแค่พ่อแม่ แต่เราคืออยากรู้ให่มันจบๆ ว่าเราเผชิญกับอะไรอยู่ จะได้มีคำตอบให้กับตัวเองด้วย และวางแผนอนาคตต่อไป หมอเลยบอกว่าเราเป็นมะเร็งกระดูกที่หาได้ยาก แต่เรายังถือว่าโชคดีที่อายุเลยยี่สิบกว่าถึงจะเป็น ส่วนมากจะเด็กๆ 10-20 จะเป็นกัน ตอนนี้อยู่ระยะ 1

กลับมาบ้านวันนั้นคือซึมเลยค่ะ กลัวว่าจะไม่หาย ยิ่งพอเห็นข่าวหมอที่เป็นมะเร็งปอดที่เพิ่งเสียชีวิตก็ยิ่งใจเสีย หมดอาลัยตายอยากเลยค่ะ ห่างเหินกับแฟนไปพักหนึ่งเลย ไม่กล้าบอก แฟนก็คอยถามวว่าช่วงงานหนักเหรอ พักผ่อนเยอะๆนะ ไว้วันหยุดไปเที่ยวกัน ตอนนี้คือไม่มีอารมณ์เลยค่ะ

เราเลยถามคุณหมอว่า เราจะอยู่ได้กี่ปีหากว่ารักษาไม่หาย คุณหมอบอกว่าส่วนมากผู้ป่วยจะมีอายุไม่เกินสองปี แต่ก็มีเกินบ้างหากดูแลตัวเองดีและสุขภาพจิตดี และเข้ารับการรักษา ก็ต่อเวลาชีวิตได้อีกหน่อย แต่ของเราอาจจะมีโอกาสเพราะสามารถผ่าตัดเอาออกได้ 

เกิดมายังไม่ทันได้ชดใช้บุญคุณพ่อแม่ก็รู้สึกว่ายังคงเป็นภาระให้พวกท่านอยู่ดี และอาจเป็นภาระไปจนกระทั่งเราเสียชีวิต ตอนนี้คิดถึงประกันก่อนเลยค่ะ ดียะที่คุณพ่อทำไว้ให้ก่อนหน้านี้

เราเป็นเด็กจบใหม่ที่งานการยังไม่มั่นคง แต่ก็ต้องหาเงินมาเป็นค่ารักษามะเร็ง แค่คิดว่าในอนาคตตัวเองต้องเข้าออกโรงพยาบาลก็ท้อแล้วค่ะ อยากหายไหมก็อยากหายแน่นอนค่ะ แต่ภาระมันมากเสียเหลือเกิน แต่พ่อแม่จะปลอบเสมอว่าเราต้องหายแน่นอน คนที่เป็นระยะ4ยังหายก็มีมเราอค่ระยะสอง โอกาสหายนั้นเยอะมากๆ

ช่วงนี้ร้องไห้ทุกวัน แม้กระทั่งตอนคุยกับแฟน ก็ได้แต่อ้างว่าอ่านนิยายไปด้วยแล้วอิน ที่จริงคือคิดเรื่องอาการป่วยของตัวเอง จนคิดว่า เออ คิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา จริงๆแฟนรู้นานแล้วค่ะว่าเราป่วย แม่เราแอบโทรไปบอกเขา แม่บอกว่าเขาร้องไห้เลย ตั้งแต่คบกันมาเราไม่เคยเห็นเขาร้องไห้ ตอนฟังที่แม่บอกเราก็คิดว่าจะจริงเหรอ แต่เขาทำเป็นไม่รู้เพราะเราไม่อยากให้เขารู้ แต่เราก็พอสังเกตได้เพราะเขาคุยกับเราทุกครั้งที่ว่าง พาไปกินของคลีนๆเป็นประจำ ซื้อผลไม้มาฝากบ่อยๆ  จนเราถามเขาตรงๆว่ารู้แล้วเหรอ เขาก็ตอบว่ารู้นานแล้ว แม่เธอบอก

จนตอนนี้มะเร็งเข้าสู่ระยะที่2 มันเร็วมากเลยค่ะ กลัวมากกว่าเดิมอีก เราคิดหนักมากเลยค่ะว่าจะบอกเลิกแฟนดีไหม ให้เขาไปหาคนรักใหม่ที่จะอยู่กับเขาได้นานกว่าเรา แต่อีกใจคือไม่อยากเลิกเลยค่ะ รักเขามาก ตามจีบมาอย่างยากลำบากจะให้ปล่อยเขาไปคือยากมาก ทำใจไม่ได้อีก ไม่อยากจะเห็นว่าข้างๆเขามีผู้หญิงคนอื่น เราจะดูเห็นแก่ตัวไปไหมถ้าคิดแบบนี้ 

คำถามตามต้นกระทู้เลยค่ะ ว่าจะทำอะไรกันบ้างเมื่อเวลามันเริ่มถอยหลัง 

แฟนเคยเปรยขึ้นมาว่าไว้ปีหน้าแต่งงานกันไหม คือเราไม่ต่อไม่ถูกเลยค่ะ ถ้าเราไม่ได้ป่วยคงจะดีใจมากแทบกระโดดโลดเต้น แต่พอป่วย อนาคตที่วางไว้มันโดนถอนไปเหล่อแต่ การดูแลตัวเอง ดูเวลาที่หมอนัด เวลาหมดไปกับการหาหมอจนไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ในอนาคตกับแฟนเลย เราก็เลี่ยงตอบไปแบบว่า  ไว้เค้าผมยาวก่อนนะ ไว้แต่งงานกัน พูดขำๆไป แต่ในใจคือจะร้องไห้ ทำไมถึงต้องเป็นเราด้วยนะที่ป่วยเป็นโรคนี้

ถ้าเป็นคุณคุณจะแต่งงานไหมคะ ตอนที่เราเห็นหมอที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดแต่งงานคือมันทั้งเศร้าและสุขมากเลยนะสำหรับเรา แต่เราคิดว่าเราคงรู้สึกผิดที่ผูกมัดเขาด้วยแหวนและทิ้งเขาไปให้อยู่ตามลำพัง เราคิดว่าจากเป็นยังคงดีกว่าจากตาย เราเป็นห่วงเขามาก อยากให้เขามีความสุข การที่เขาอยู่กับเรามันอาจจะทำให้เขาเสียเวลาที่จะเจอกับคนดีๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่