ผมก็ไม่ได้อายุมากครับ อีกเดือนนึงผมก็จะ 17 แต่ก็เรียกได้ว่าตั้งแต่เข้าเรียนมา ผมไม่มีดวงเรื่องเพื่อนจริงๆ
ตอนประถมผมสอบติดโครงการพิเศษของที่โรงเรียนครับ เป็นโครงการสำหรับเด็กที่เก่งคณิต วิทย์ ช่วงเวลาประถมเป็นช่วงที่ความสำพันธ์คือบากบั่นมาก บอกได้เลย ตลอด6ปี ผมมีเพื่อนปีละหนึ่งคน คือผมเป็นคนขี้สงสารมากแล้วผมจะชอบไปคบกับคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน แล้วก็จะสนิทกันแบบไปไหนไปกัน แต่พอเหมือนเพื่อนค้นพบตัวเอง เขาก็ค่อยๆตีตัวออกห่างจากผมแล้วไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนใหม่ ในสมัยนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็แค่รู้สึกยินดีกับเขาด้วยที่หาที่ของเขาได้ แต่สุดท้ายก็เป็นเราที่ต้องโดดเดี่ยว แล้วผมก็จะไปคบกับเพื่อนคนใหม่ รู้ตัวอีกทีตลอด6ปีในการเรียนประถม ผมก็ไม่มีเพื่อนไปซะแล้ว🥲 เหลือแต่จิตใจที่บอบช้ำที่โดนเพื่อนทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอมาขึ้นตอนมัธยม ผมก็สอบติดโรผมงเรียนชายล้วนแห่งนึงในโครงการ EP ผมก็ตั้งเป้ากับตัวเอง เอาวะกูต้องเปลี่ยน กูต้องทุ่มเทให้เพื่อน แล้วผมก็อยู่กับเพื่อนกลุ่มนึงที่เป็นกลุ่มออกแนวเด็กติดเกม แต่เป็นเด็กติดเกมที่รู้หน้าที่ รู้เวลาตัวเอง ผมก็เลยสนิทกับเพื่อนคนนึง สนิทแบบมากๆ แล้วเราก็อยู่เป็นกลุ่มกัน 6 คน พอขึ้นมัธยมทำให้ผมก็ได้มีเวลากับเพื่อนมากขึ้น ทั้งกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน ค่ายของโครงการ มันก็ทำให้พวกผมสนิทกันมากขึ้นในระดับเกาะกลุ่มกันไปทุกที่ แล้วพอมีโควิดเข้ามาก็ยิ่งทำให้พวกผมแชร์อะไรหลายๆอย่างด้วยกันมากขึ้น ทั้งเล่นเกมส์กัน อะไรกัน เรียกได้ว่าสิงดิสคอร์ดแทบ24 ชม. ผมได้แชร์อะไรต่างๆมากมาย ทั้งเพื่อนช่วยให้ได้แฟนคนแรก ตอนเลิกกันก็เป็นพวกเขาที่อยู่กับผม พอมีปัญหาอะไรก็ขึ้นมองขึ้นไปก็เจอพวกมัน แบบเป็นความรู้สึกที่ เออนี่สิเพื่อน เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึกเมื่อตอนประถม รู้สึกว่า เออ นี่แหละ safe zone กู
แล้วพอเปิดโควิดขึ้นม.4 ก็มีเพื่อนใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคนเพื่อนคนนึงในกลุ่ม ก็เข้ามาแล้วคือกลุ่มก็ยิ่งสนุกกันเฮฮา กันมากขึ้น ยิ่งตอนไปต่างประเทศด้วยกันกับโรงเรียนเกือบยกกลุ่ม ก็คือสนิทกันสุดๆ ได้เจออะไรต่างๆด้วยกัน สู้กับปัญหาด้วยกัน ผมทุ่มให้เพื่อนสุดตัว ซัพพอร์ตเพื่อน พอวันเกิดเพื่อนผมก็ซื้อของขวัญ จัดงานเล็กๆให้ ซื้อของให้เพื่อนถ้ามันอยากได้จริงๆ คือแบบ ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะไม่อยากจะเสียพวกมันไปเหมือนตอนประถม มันฝังใจผมมาตลอด คอยหลอกหลอนว่าไม่อยากจะกลับไปอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ไม่อยากโดดเดี่ยวอีกแล้ว พอได้แล้ว แต่แล้ว จุดเปลี่ยนก็มาถึง
ในโครงการพิเศษทุกเย็นจะมีจัดเหมือนครูพิเศษครับให้มาสอน แล้วตอน ม.4 ก็ได้มีครูที่เป็นศิษย์เก่าเข้ามาสอนเคมี,ชีวะ เขาคือคนที่พยายามจะยัดความคิดให้กับเด็กห้องผม ว่า เป็นหมอซะ เข้าหมอซะ แล้วเขาก็สนิทกับเพื่อนคนนึงที่ไม่อยู่ในกลุ่มผมครับ ผมจะเรียกมัน ไอ ป. ไอป.คือเป็นคนที่มีแพสชั่นอยากเข้าเรียนหมอ แล้วเป็นคนประเภท Anthrosexual ด้วย ทำให้ครูที่เป็นเพศทางเลือกแล้วด้วย เขาก็ยิ่งสนิทกับ ไอป. แล้วไอป.ก็เหมือนค่อยมาตีสนิทกับกลุ่มผม กลุ่มผมก็สนิทกับเขาขึ้นเรื่อยๆ ผมก็สนิทกับมัน แต่ไอป.เป็นคนที่ ติดเที่ยว ติดปาร์ตี้มาก แล้วเป็นคนที่ยึดขติว่า (พ่อแม่ให้กูเกิดมาก็ควรให้กูเอ็นจอยกับชีวิตมั้ย กูไม่ได้เลือกเกิดซักหน่อย) ก็เลยเที่ยวแบบ ดึกดื่น เที่ยงคืน ตีหนึ่ง แล้วเขาก็เริ่มมีอิทธิพลกับกลุ่มผมเรื่อยๆ กลุ่มผมเริ่มเปลี่ยนไป รวมถึงครูพิเศษคนนั้นที่มีอิทธิพลกับกลุ่มผมมาก และซัพพอร์ตไอป.ทุกเรื่อง แล้วกลุ่มของผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
พอขึ้นม.5 ไอป.ก็อยู่ในกลุ่มผมเราก็ไปเที่ยวด้วยกัน อะไรด้วยกันเป็นปกติ ยิ่งสนิทกันมากขึ้นด้วย ในระดับตอนสอบปลายภาคเสร็จ แม่ผมเลี้ยงบุฟเฟต์เพื่อนหัวละเกือบสามพันทุดคน แล้วเราก็ได้มีโอกาสไปตปท.กันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกเลยว่ามันต้องมีอะไรไม่เหมือนเดิม พอเราไปถึงตปท.คืนแรก ไอป.เริ่มเลย ชวนเพื่อนไปปาร์ตี้ที่ห้องแบบ เหล้าไม่ขาด (คือไอป. เป็นคนที่ชอบเหล้ามากแบบ ขาดไม่ได้ แล้วก็เป็นคนประเภทที่ ไร้มารยาท และก็เป็นคนประเภท พอใครทำดีด้วยมันจะไม่รู้สึกอะไรเลย และไม่รู้คำว่าสำนึกบุญคุณ เป็นคนกน้าด้านแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุดของคำว่าไอหน้าด้าน)แล้วผมเป็นคนที่ไม่กิน ผมก็เลยไปนั่งดูเพื่อนกินแทน แล้วก็ส่วนใหญ่ก็รอเพื่อนสนิทผมที่ห้อง แล้วเป็นแบบนี้แทบจะทุกวันตลอดทริป ตอนอยู่รถบัสพอเราคุยไรกัน ไอป.ก็พูดเข้ามาแล้วพูดโยงไปถึงเรื่องเมื่อวานในวงเหล้า แล้วเพื่อนผมก็หันไปคุยกับมัน แล้วผมก็คือแบบ อ้ำอึ้งๆคือโดนพูดแทรก แล้วมันก็ทิ้งผมค้างทั้งที่ยังคุยไม่จบอะ แล้วเป็นตลอดๆ แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ตอนนั้นที่พวกไปเดินกับกลุ่มใหญ่ แล้วเขาบอกว่าปล่อยเดินเที่ยวได้ แล้วผมก็รัตัว เพื่อนในกลุ่มทิ้งผมไปแบบสิ้นเชิง เดินไปกับ ไอป. ไม่หันมามองหรือหันมาคุยกับผมด้วยซ้ำ ผมอยู่คนเดียวอีกครั้ง แล้วก็เป็นแบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อนกลุ่มผม ที่ไม่แม้กระทั้งมองหน้าผม จนวันนึงตอนฝนตก พวกผมก็เดินกันตามปกติ แล้วเพื่อนผมก็รอผมหน้าไฟแดง ตอนนั้นคือผมใจฟูมากแล้วก็บอกตัวเอง (เออกูคิดไปเองแหละ ไม่มีอะไรหรอก) ผมก็กำลังเดินข้ามถนน แล้วผมก็รัแลย คนที่มันรอไม่ใช่กู เพื่อนผมอีกคนเดินผ่ายผมไปแล้วพอมันข้ามเสร็จ เพื่อนกลุ่มผมก็เดินไป ไม่สนใจผม ให้ผมตากฝนมองพวกมันเดินด้วยกัน ขำด้วยกัน เป็นความรู้สึกที่เหมือนขยี้หัวใจผมเป็นเสี่ยงๆ ผมไม่เหลืออะไรแล้วในตอนนั้น ภาพความทรงจำตอนที่มีความสุขกัน ตอนที่ผมไปเที่ยวกับพวกมัน หัวเราะด้วยกัน ฉลองด้วยกัน พวกมันชวนผมไปนู่นไปนี่ พังทลายไปในเพียงแค่หนึ่งเดือน จากกลุ่มเด็กเล่นเกมส์ มันกลายเป็นกลุ่มติดเที่ยว ติดเหล้าไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยฝีมือของคนที่เข้ากลุ่มมาแค่ปีเดียว ส่วนผมที่ไม่เข้าพวก ก็ถูกถีบส่งแบบไม่ใยดี ทั้งที่ผมเป็นคนที่ให้ค่ากับความสัมพันธ์นี้มาก ผมไม่เคยปล่อยให้พวกมันอยู่คนเดียวในตอนที่พวกมันดำดิ่ง ในตอนที่มันไขว้เขว ก็เป็นผมที่เข้าไปช่วย ในตอนลำบาก ผมก็ไปลำบากกับมัน เพราะพวกมันทำให้ผมรู้ว่า คำว่าเพื่อนจริงๆคืออะไร ทำให้ผมรู้คุณค่าของชีวิต คอยดึงผมขึ้นมาจากความว่างเปล่า จากแม่ที่มองตัวเองเป็นสูญกลางจักรวาล แต่กลับถีบไสผมอย่างไม่ใยดี เหมือนความสัมพันธ์ตลอด5ปี เป็นแค่ภาพลวงตา เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมันไร้ค่า เรียกได้เลยว่า ผมเกลียด ไอป.แบบเข้ากระดูกดำ ตอนนี้แค่หน้าก็ไม่อยากเห็น แค่รู้ว่ามันยังหายใจอยู่ก็รู้สึกกระอักกระอ้วนขึ้นมาทันที สุดท้ายผมก็กลับมาสู่จุดเดิม ความอ้างว่าง โดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็ไม่เจอใคร ได้แต่ถามกับตัวเองทุกวัน ร้องไห้อยู่ข้างใน กูทำอะไรผิดวะ ทำไมกูทุ่มเทให้พวก แต่กูกลับโดนถีบอย่างกับหมา แค่คำพูดจะคุยกับกูซักคำยังไม่มี แค่หน้ากูก็ยังไม่มอง กูทำอะไรผิดวะ แล้วกูควรจะทำยังไงต่อไปดี แล้วผมก็ได้แต่ถามซ้ำๆอยู่ในหัวทุกวัน จนดิ่งไปเรื่อยๆกับเพื่อนสนิทผมที่ชื่อว่า ความโดดเดี่ยว มันไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย ไม่ว่าผมจะไปไหน ความโดดเดี่ยวก็ไปกับผมทุกที่ จนผมต้องถามตัวเองว่า กูอยู่ทำไมวะ ทั้งหมดที่กูทำไป กูทำไปทำไมวะ
สุดท้ายก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านจบนะครับ อาจจะยาวหรืออ่านยาก วกวนงง ซักหน่อยขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ถนัดเขียนอะไรแบบนี้จริงๆ
แต่ก็มาแชร์ประสบการณ์กันนะครับ แล้วมีใครเคยเจอแบบผมกันบ้างมั้ยครับ เราให้เขาไปทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันเรียกว่ามิตรภาพไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ก็มาแชร์ๆกันนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม
แชร์ประสบการณ์เรื่องเพื่อนกันครับ
ตอนประถมผมสอบติดโครงการพิเศษของที่โรงเรียนครับ เป็นโครงการสำหรับเด็กที่เก่งคณิต วิทย์ ช่วงเวลาประถมเป็นช่วงที่ความสำพันธ์คือบากบั่นมาก บอกได้เลย ตลอด6ปี ผมมีเพื่อนปีละหนึ่งคน คือผมเป็นคนขี้สงสารมากแล้วผมจะชอบไปคบกับคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน แล้วก็จะสนิทกันแบบไปไหนไปกัน แต่พอเหมือนเพื่อนค้นพบตัวเอง เขาก็ค่อยๆตีตัวออกห่างจากผมแล้วไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนใหม่ ในสมัยนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็แค่รู้สึกยินดีกับเขาด้วยที่หาที่ของเขาได้ แต่สุดท้ายก็เป็นเราที่ต้องโดดเดี่ยว แล้วผมก็จะไปคบกับเพื่อนคนใหม่ รู้ตัวอีกทีตลอด6ปีในการเรียนประถม ผมก็ไม่มีเพื่อนไปซะแล้ว🥲 เหลือแต่จิตใจที่บอบช้ำที่โดนเพื่อนทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอมาขึ้นตอนมัธยม ผมก็สอบติดโรผมงเรียนชายล้วนแห่งนึงในโครงการ EP ผมก็ตั้งเป้ากับตัวเอง เอาวะกูต้องเปลี่ยน กูต้องทุ่มเทให้เพื่อน แล้วผมก็อยู่กับเพื่อนกลุ่มนึงที่เป็นกลุ่มออกแนวเด็กติดเกม แต่เป็นเด็กติดเกมที่รู้หน้าที่ รู้เวลาตัวเอง ผมก็เลยสนิทกับเพื่อนคนนึง สนิทแบบมากๆ แล้วเราก็อยู่เป็นกลุ่มกัน 6 คน พอขึ้นมัธยมทำให้ผมก็ได้มีเวลากับเพื่อนมากขึ้น ทั้งกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน ค่ายของโครงการ มันก็ทำให้พวกผมสนิทกันมากขึ้นในระดับเกาะกลุ่มกันไปทุกที่ แล้วพอมีโควิดเข้ามาก็ยิ่งทำให้พวกผมแชร์อะไรหลายๆอย่างด้วยกันมากขึ้น ทั้งเล่นเกมส์กัน อะไรกัน เรียกได้ว่าสิงดิสคอร์ดแทบ24 ชม. ผมได้แชร์อะไรต่างๆมากมาย ทั้งเพื่อนช่วยให้ได้แฟนคนแรก ตอนเลิกกันก็เป็นพวกเขาที่อยู่กับผม พอมีปัญหาอะไรก็ขึ้นมองขึ้นไปก็เจอพวกมัน แบบเป็นความรู้สึกที่ เออนี่สิเพื่อน เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึกเมื่อตอนประถม รู้สึกว่า เออ นี่แหละ safe zone กู
แล้วพอเปิดโควิดขึ้นม.4 ก็มีเพื่อนใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทคนเพื่อนคนนึงในกลุ่ม ก็เข้ามาแล้วคือกลุ่มก็ยิ่งสนุกกันเฮฮา กันมากขึ้น ยิ่งตอนไปต่างประเทศด้วยกันกับโรงเรียนเกือบยกกลุ่ม ก็คือสนิทกันสุดๆ ได้เจออะไรต่างๆด้วยกัน สู้กับปัญหาด้วยกัน ผมทุ่มให้เพื่อนสุดตัว ซัพพอร์ตเพื่อน พอวันเกิดเพื่อนผมก็ซื้อของขวัญ จัดงานเล็กๆให้ ซื้อของให้เพื่อนถ้ามันอยากได้จริงๆ คือแบบ ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะไม่อยากจะเสียพวกมันไปเหมือนตอนประถม มันฝังใจผมมาตลอด คอยหลอกหลอนว่าไม่อยากจะกลับไปอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ไม่อยากโดดเดี่ยวอีกแล้ว พอได้แล้ว แต่แล้ว จุดเปลี่ยนก็มาถึง
ในโครงการพิเศษทุกเย็นจะมีจัดเหมือนครูพิเศษครับให้มาสอน แล้วตอน ม.4 ก็ได้มีครูที่เป็นศิษย์เก่าเข้ามาสอนเคมี,ชีวะ เขาคือคนที่พยายามจะยัดความคิดให้กับเด็กห้องผม ว่า เป็นหมอซะ เข้าหมอซะ แล้วเขาก็สนิทกับเพื่อนคนนึงที่ไม่อยู่ในกลุ่มผมครับ ผมจะเรียกมัน ไอ ป. ไอป.คือเป็นคนที่มีแพสชั่นอยากเข้าเรียนหมอ แล้วเป็นคนประเภท Anthrosexual ด้วย ทำให้ครูที่เป็นเพศทางเลือกแล้วด้วย เขาก็ยิ่งสนิทกับ ไอป. แล้วไอป.ก็เหมือนค่อยมาตีสนิทกับกลุ่มผม กลุ่มผมก็สนิทกับเขาขึ้นเรื่อยๆ ผมก็สนิทกับมัน แต่ไอป.เป็นคนที่ ติดเที่ยว ติดปาร์ตี้มาก แล้วเป็นคนที่ยึดขติว่า (พ่อแม่ให้กูเกิดมาก็ควรให้กูเอ็นจอยกับชีวิตมั้ย กูไม่ได้เลือกเกิดซักหน่อย) ก็เลยเที่ยวแบบ ดึกดื่น เที่ยงคืน ตีหนึ่ง แล้วเขาก็เริ่มมีอิทธิพลกับกลุ่มผมเรื่อยๆ กลุ่มผมเริ่มเปลี่ยนไป รวมถึงครูพิเศษคนนั้นที่มีอิทธิพลกับกลุ่มผมมาก และซัพพอร์ตไอป.ทุกเรื่อง แล้วกลุ่มของผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
พอขึ้นม.5 ไอป.ก็อยู่ในกลุ่มผมเราก็ไปเที่ยวด้วยกัน อะไรด้วยกันเป็นปกติ ยิ่งสนิทกันมากขึ้นด้วย ในระดับตอนสอบปลายภาคเสร็จ แม่ผมเลี้ยงบุฟเฟต์เพื่อนหัวละเกือบสามพันทุดคน แล้วเราก็ได้มีโอกาสไปตปท.กันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกเลยว่ามันต้องมีอะไรไม่เหมือนเดิม พอเราไปถึงตปท.คืนแรก ไอป.เริ่มเลย ชวนเพื่อนไปปาร์ตี้ที่ห้องแบบ เหล้าไม่ขาด (คือไอป. เป็นคนที่ชอบเหล้ามากแบบ ขาดไม่ได้ แล้วก็เป็นคนประเภทที่ ไร้มารยาท และก็เป็นคนประเภท พอใครทำดีด้วยมันจะไม่รู้สึกอะไรเลย และไม่รู้คำว่าสำนึกบุญคุณ เป็นคนกน้าด้านแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุดของคำว่าไอหน้าด้าน)แล้วผมเป็นคนที่ไม่กิน ผมก็เลยไปนั่งดูเพื่อนกินแทน แล้วก็ส่วนใหญ่ก็รอเพื่อนสนิทผมที่ห้อง แล้วเป็นแบบนี้แทบจะทุกวันตลอดทริป ตอนอยู่รถบัสพอเราคุยไรกัน ไอป.ก็พูดเข้ามาแล้วพูดโยงไปถึงเรื่องเมื่อวานในวงเหล้า แล้วเพื่อนผมก็หันไปคุยกับมัน แล้วผมก็คือแบบ อ้ำอึ้งๆคือโดนพูดแทรก แล้วมันก็ทิ้งผมค้างทั้งที่ยังคุยไม่จบอะ แล้วเป็นตลอดๆ แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ตอนนั้นที่พวกไปเดินกับกลุ่มใหญ่ แล้วเขาบอกว่าปล่อยเดินเที่ยวได้ แล้วผมก็รัตัว เพื่อนในกลุ่มทิ้งผมไปแบบสิ้นเชิง เดินไปกับ ไอป. ไม่หันมามองหรือหันมาคุยกับผมด้วยซ้ำ ผมอยู่คนเดียวอีกครั้ง แล้วก็เป็นแบบนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อนกลุ่มผม ที่ไม่แม้กระทั้งมองหน้าผม จนวันนึงตอนฝนตก พวกผมก็เดินกันตามปกติ แล้วเพื่อนผมก็รอผมหน้าไฟแดง ตอนนั้นคือผมใจฟูมากแล้วก็บอกตัวเอง (เออกูคิดไปเองแหละ ไม่มีอะไรหรอก) ผมก็กำลังเดินข้ามถนน แล้วผมก็รัแลย คนที่มันรอไม่ใช่กู เพื่อนผมอีกคนเดินผ่ายผมไปแล้วพอมันข้ามเสร็จ เพื่อนกลุ่มผมก็เดินไป ไม่สนใจผม ให้ผมตากฝนมองพวกมันเดินด้วยกัน ขำด้วยกัน เป็นความรู้สึกที่เหมือนขยี้หัวใจผมเป็นเสี่ยงๆ ผมไม่เหลืออะไรแล้วในตอนนั้น ภาพความทรงจำตอนที่มีความสุขกัน ตอนที่ผมไปเที่ยวกับพวกมัน หัวเราะด้วยกัน ฉลองด้วยกัน พวกมันชวนผมไปนู่นไปนี่ พังทลายไปในเพียงแค่หนึ่งเดือน จากกลุ่มเด็กเล่นเกมส์ มันกลายเป็นกลุ่มติดเที่ยว ติดเหล้าไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยฝีมือของคนที่เข้ากลุ่มมาแค่ปีเดียว ส่วนผมที่ไม่เข้าพวก ก็ถูกถีบส่งแบบไม่ใยดี ทั้งที่ผมเป็นคนที่ให้ค่ากับความสัมพันธ์นี้มาก ผมไม่เคยปล่อยให้พวกมันอยู่คนเดียวในตอนที่พวกมันดำดิ่ง ในตอนที่มันไขว้เขว ก็เป็นผมที่เข้าไปช่วย ในตอนลำบาก ผมก็ไปลำบากกับมัน เพราะพวกมันทำให้ผมรู้ว่า คำว่าเพื่อนจริงๆคืออะไร ทำให้ผมรู้คุณค่าของชีวิต คอยดึงผมขึ้นมาจากความว่างเปล่า จากแม่ที่มองตัวเองเป็นสูญกลางจักรวาล แต่กลับถีบไสผมอย่างไม่ใยดี เหมือนความสัมพันธ์ตลอด5ปี เป็นแค่ภาพลวงตา เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมันไร้ค่า เรียกได้เลยว่า ผมเกลียด ไอป.แบบเข้ากระดูกดำ ตอนนี้แค่หน้าก็ไม่อยากเห็น แค่รู้ว่ามันยังหายใจอยู่ก็รู้สึกกระอักกระอ้วนขึ้นมาทันที สุดท้ายผมก็กลับมาสู่จุดเดิม ความอ้างว่าง โดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็ไม่เจอใคร ได้แต่ถามกับตัวเองทุกวัน ร้องไห้อยู่ข้างใน กูทำอะไรผิดวะ ทำไมกูทุ่มเทให้พวก แต่กูกลับโดนถีบอย่างกับหมา แค่คำพูดจะคุยกับกูซักคำยังไม่มี แค่หน้ากูก็ยังไม่มอง กูทำอะไรผิดวะ แล้วกูควรจะทำยังไงต่อไปดี แล้วผมก็ได้แต่ถามซ้ำๆอยู่ในหัวทุกวัน จนดิ่งไปเรื่อยๆกับเพื่อนสนิทผมที่ชื่อว่า ความโดดเดี่ยว มันไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย ไม่ว่าผมจะไปไหน ความโดดเดี่ยวก็ไปกับผมทุกที่ จนผมต้องถามตัวเองว่า กูอยู่ทำไมวะ ทั้งหมดที่กูทำไป กูทำไปทำไมวะ
สุดท้ายก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านจบนะครับ อาจจะยาวหรืออ่านยาก วกวนงง ซักหน่อยขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ถนัดเขียนอะไรแบบนี้จริงๆ แต่ก็มาแชร์ประสบการณ์กันนะครับ แล้วมีใครเคยเจอแบบผมกันบ้างมั้ยครับ เราให้เขาไปทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันเรียกว่ามิตรภาพไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ก็มาแชร์ๆกันนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม