“ศิโรตม์” มองยกต่อไปการเมืองไทย เปิดสภา เพื่อไทย – ก้าวไกล “รบกัน” หรือ “ร่วมกัน”
https://www.matichon.co.th/clips/news_4322652
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ มองยกต่อไปการเมืองไทย เปิดสมัยประชุมสภา 12 ธ.ค. โดยเฉพาะ เพื่อไทย กับ ก้าวไกล ว่าความสัมพันธ์จะเป็นการ รบกัน หรือ ร่วมกัน
ส.ส.ก้าวไกล ชี้ ขึ้นค่าแรงไม่ควรต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ หวัง ทุกพรรคหนุน กม.คุ้มครองแรงงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4322927
‘สหัตวัต’ ชี้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยั่งยืน ต้องเพิ่มค่าแรงทุกปีอัตโนมัติ ไม่ให้ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ เผย ‘ก้าวไกล’ ยื่นกฎหมายเข้าสภาแล้ว หวังเป็นวาระร่วมที่ทุกพรรคสนับสนุน
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นาย
สหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการไตรภาคีมีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั้ง 77 จังหวัด ในอัตรา 2-16 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ เตรียมนำเข้า ครม. ในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ เพื่อรับรองและให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นไป ว่า เรื่องนี้ทำให้มีการถกเถียงกันว่าการขึ้นค่าแรงแบบนี้เพียงพอหรือไม่ อย่างไร ปัญหาค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย และเป็นนโยบายที่หลายพรรคการเมืองใช้หาเสียงมาตลอด
นาย
สหัสวัตกล่าวว่า ปัญหาค่าแรงขั้นต่ำ เกิดขึ้นเพราะการขึ้นค่าแรงแต่ละครั้งต้องผ่านคณะกรรมการไตรภาคี ทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่แน่นอนว่าเมื่อไรจะได้ขึ้นต่าแรงขั้นต่ำ นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้จริงๆ แล้วแต่ละปีแรงงานไทยได้ค่าแรงลดลงทุกปีโดยที่เราไม่รู้ตัว เนื่องจากสภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทุกปี เช่น หากเรามีค่าแรง 400 บาท แต่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% หมายความว่าเราจะเหลือค่าแรงจริงเพียง 388 บาท หากไม่มีการขึ้นค่าแรง
นาย
สหัสวัตกล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลเห็นว่าการแก้ปัญหาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำอย่างยั่งยืน คือการทำอย่างไรให้ค่าแรงไม่ถูกลด หรือสู้กับอัตราเงินเฟ้อได้ เราจึงเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน โดยหนึ่งในสาระสำคัญของร่าง คือการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำทุกปีอย่างอัตโนมัติ โดยต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าเงินเฟ้อ หมายความว่า หากได้รับค่าแรง 400 บาท อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% จะได้รับค่าแรง 412 บาทอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรอการประชุมไตรภาคี พรรคก้าวไกลเชื่อว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ จะอุดช่องว่างปัญหาค่าแรงขั้นต่ำได้อย่างยั่งยืน เพื่อที่แรงงานไทยจะไม่ต้องเผชิญปัญหาแบบปัจจุบัน ที่ในอดีตอาหารตามสั่งจานละ 35 บาท ผ่านมาสิบปี ขึ้นเป็นจานละ 60-70 บาท แต่ค่าแรงยังขึ้นไม่ถึงไหน และเพื่อที่จะไม่ต้องมาลุ้นนโยบายค่าแรงขั้นต่ำใหม่ๆ ทุกการเลือกตั้ง ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
“
ตอนนี้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เข้าสภาแล้ว หวังว่าเมื่อร่างฉบับนี้เข้าสู่วาระพิจารณา จะได้รับการสนับสนุนจากเพื่อน ส.ส.ทุกพรรคการเมือง เพราะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรเป็นวาระที่ทุกพรรคเห็นร่วมกันได้ เพื่อทำให้พี่น้องแรงงานได้รับค่าแรงที่เป็นธรรม” นาย
สหัสวัตกล่าว
เอ็นพีเอ พุ่ง! 10 เดือน แตะ 2.54 แสนล้านบาท
https://www.thansettakij.com/finance/financial-banking/582905
แบงก์ชี้เอ็นพีเอยังเพิ่ม แม้ยึดนโยบายธปท. เร่งช่วยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการชำระทรัพย์ วงในเผยสถาบันการเงินเร่งระบายทรัพย์หนีกันสำรองปีหน้า “กสิกรไทย” เพิ่มช่องทางโบรกเกอร์พร้อมปรับปรุงทรัพย์พร้อมขายในไตรมาส 4 ลดสูงสุดถึง 70%
สินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ)หรือ NPA ณ สิ้นเดือน ตุลาคม 2566 รวมมูลค่า 253,525 ล้านบาท แบ่งเป็น
• ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง มูลค่ารวม 160,719 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.84% จาก 143,701 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อน
• บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM 23,332 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 69,806 ล้านบาท
• บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) อีก 23,000 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินเปิดเผย
“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มปี 2567 สถาบันการเงินในระบบทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันฟการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มีความเป็นไปได้ที่จะต้องขออนุญาตกระทรวงการคลังเป็นรายปี กรณีถือครองเอ็นพีเอ 5-10 ปี หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2565-2566) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนคลายเกณฑ์เอ็นพีเอ โดยให้สถาบันการเงินถือครองทรัพย์ เท่ากันทุกรายการเป็นเวลา 5 ปีและผ่อนผันได้อีก 5 ปี โดยที่สถาบันการเงินต้องกันสำรอง 100% ของมูลค่าตามราคาประเมิน
ขณะเดียวกันยังผ่อนผันเอ็นพีเอ สำหรับพื้นที่เสี่ยง เช่น ในเขตพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา (บางอำเภอ) หรือพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตป่าสงวน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นต้น
นาย
ชัยยศ ตันพิสุทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคาร กสิกรไทยกล่าวกับ “
ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ท่ามกลางปัจจัยท้าทายทั้งในและต่างประเทศ ปริมาณทรัพย์เอ็นพีเอยังมีแนวโน้มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่มีจำนวนไม่มากนัก ขณะที่ธนาคารต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ ตามมาตรการของธปท.
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยนั้น แนวทางการตลาดเอ็นพีเอในไตรมาส 4 ปีนี้ ธนาคารได้เร่งปรับปรุงทรัพย์ให้พร้อมขาย เจรจากับผู้อยู่อาศัยเดิมในเชิงรุก และเพิ่มช่องทางโบรกเกอร์ในการสนับสนุนการขาย คาดว่า ตัวเลขยอดขายในปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับยอดขายเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง
ทั้งนี้ ในช่วงปิดท้ายปี 2566 ธนาคารได้ปล่อยแคมเปญ บ้านมือสองกสิกรไทย “
คุ้มแรง” โดยคัดทรัพย์มือสองคุณภาพดี ทำเลเยี่ยม หลากหลายประเภท ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่า และทรัพย์เพื่อทำธุรกิจ เช่น โกดัง โรงงาน อพาร์ตเมนต์ ลดแรงสูงสุดถึง 70% ฟรีค่าโอนสูงสุด 300,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% นาน 1 ปีแรก กู้ได้สูงสุด 110% กรณีที่กู้ไม่ผ่านทางธนาคารจะคืนเงินมัดจำ
สินทรัพย์รอการขายของธนาคารพาณิชย์ในระบบ
“
เมื่อซื้อทรัพย์มือสองในกลุ่มทรัพย์ดับเบิ้ลคุ้ม รับฟรีบัตรของขวัญเซ็นทรัลมูลค่า 15,000 บาท (จำนวนจำกัด) พร้อมส่วนลดสำหรับซื้อและติดตั้งโซลาร์รูฟ จาก PSI มูลค่าสูงสุด 121,000 บาท การันตี คัด คุ้ม ครบ ไม่ว่าซื้อเพื่ออยู่อาศัย หรือลงทุนปล่อยเช่า-ขายต่อก็คุ้มค่า โดยระยะเวลาแคมเปญตั้งแต่พฤศจิกายน ถึง 29 ธันวาคม 2566”
นาย
ชัยยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดขายเอ็นพีเอของธนาคารกสิกรไทยในปีนี้ ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อนโดยมีปัจจัยท้าทายจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ระยะเวลาการจัดตั้งรัฐบาล อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จากมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 5 ครั้งรวม 1.25% กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นความต้องการซื้อในตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ ค่าธรรมเนียมในการโอน ปี 2565 เท่ากับ 0.01% ส่วนปี 2566 เท่ากับ 1% และค่าจดจำนอง 0.01% (ปี 2565- 2566)
นอกจากนั้น ยังมีความท้าทายในต่างประเทศ ได้แก่ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล- ปาเลสไตน์ ที่กระทบความเชื่อมั่นในภาพรวม ในขณะที่นโยบายเปิดประเทศของจีนมีส่วนหนุนการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยอยู่บ้าง แต่ด้วยโควต้าต่างชาติที่มีอยู่จำกัด จึงไม่ส่งผลกับการเพิ่มยอดซื้อขายที่อยู่อาศัยมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทรัพย์มือสอง NPA โดยตัวเลขยอดขายที่ลดลงนี้ สอดคล้องกับการประมาณยอดโอนกรรมสิทธิที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะหดตัวประมาณ 7.8% ในปี 2566
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK ระบุว่า ภาพรวมเอ็นพีเอสิ้นเดือนกันยายน ที่มีจำนวน 8,314 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ เอ็นพีเอทั่วไป กับเอ็นพีเอที่อยู่ในโครงการพักทรัพย์พักหนี้ (Asset Warehousing) โดยเอ็นพีเอทั่วไป 1,500 ล้านบาท จะเป็นลักษณะ Long-term ดังนั้นภาพรวมยังคงทรง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันมากนะ ยังสามารถบริหารจัดการได้
นอกจากนั้นยังมีเอ็นพีเอที่อยู่ในโครงการ Asset Warehousing อีกราว 6,800 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการที่มีอายุ 3-5 ปี และเพิ่งมีการปิดโครงการไป ดังนั้น ลูกค้าเพิ่งอยู่กับธนาคารได้ประมาณ 6 เดือน จึงยังไม่เห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีลูกค้าบางกลุ่ม เช่น กลุ่มห้องชุดมีการมาซื้อคืนบ้าง แต่ยังไม่มีสัญญาณที่ลูกค้าจะไม่มาซื้อคืนหรือต้องขายออก
อย่างไรก็ตาม เฉพาะเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ที่มีเอ็นพีเอเพิ่มขึ้น 5 แห่งได้แก่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 960% ธนาคาร เกียรตินาคิน 32.96% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 25.47% กสิกรไทย 15.09% และไทยพาณิชย์ 13.74%
JJNY : “ศิโรตม์”มองยกต่อไปการเมืองไทย│ก้าวไกลหวังหนุนกม.คุ้มครองแรงงาน│เอ็นพีเอพุ่ง!│ทหารเมียนมาทิ้งระเบิดใส่เมืองน้ำคำ
https://www.matichon.co.th/clips/news_4322652
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ มองยกต่อไปการเมืองไทย เปิดสมัยประชุมสภา 12 ธ.ค. โดยเฉพาะ เพื่อไทย กับ ก้าวไกล ว่าความสัมพันธ์จะเป็นการ รบกัน หรือ ร่วมกัน
ส.ส.ก้าวไกล ชี้ ขึ้นค่าแรงไม่ควรต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ หวัง ทุกพรรคหนุน กม.คุ้มครองแรงงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4322927
‘สหัตวัต’ ชี้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยั่งยืน ต้องเพิ่มค่าแรงทุกปีอัตโนมัติ ไม่ให้ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ เผย ‘ก้าวไกล’ ยื่นกฎหมายเข้าสภาแล้ว หวังเป็นวาระร่วมที่ทุกพรรคสนับสนุน
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการไตรภาคีมีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั้ง 77 จังหวัด ในอัตรา 2-16 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ เตรียมนำเข้า ครม. ในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ เพื่อรับรองและให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นไป ว่า เรื่องนี้ทำให้มีการถกเถียงกันว่าการขึ้นค่าแรงแบบนี้เพียงพอหรือไม่ อย่างไร ปัญหาค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย และเป็นนโยบายที่หลายพรรคการเมืองใช้หาเสียงมาตลอด
นายสหัสวัตกล่าวว่า ปัญหาค่าแรงขั้นต่ำ เกิดขึ้นเพราะการขึ้นค่าแรงแต่ละครั้งต้องผ่านคณะกรรมการไตรภาคี ทำให้ไม่มีช่วงเวลาที่แน่นอนว่าเมื่อไรจะได้ขึ้นต่าแรงขั้นต่ำ นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้จริงๆ แล้วแต่ละปีแรงงานไทยได้ค่าแรงลดลงทุกปีโดยที่เราไม่รู้ตัว เนื่องจากสภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทุกปี เช่น หากเรามีค่าแรง 400 บาท แต่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% หมายความว่าเราจะเหลือค่าแรงจริงเพียง 388 บาท หากไม่มีการขึ้นค่าแรง
นายสหัสวัตกล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลเห็นว่าการแก้ปัญหาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำอย่างยั่งยืน คือการทำอย่างไรให้ค่าแรงไม่ถูกลด หรือสู้กับอัตราเงินเฟ้อได้ เราจึงเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน โดยหนึ่งในสาระสำคัญของร่าง คือการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำทุกปีอย่างอัตโนมัติ โดยต้องไม่ต่ำกว่าอัตราค่าเงินเฟ้อ หมายความว่า หากได้รับค่าแรง 400 บาท อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% จะได้รับค่าแรง 412 บาทอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรอการประชุมไตรภาคี พรรคก้าวไกลเชื่อว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ จะอุดช่องว่างปัญหาค่าแรงขั้นต่ำได้อย่างยั่งยืน เพื่อที่แรงงานไทยจะไม่ต้องเผชิญปัญหาแบบปัจจุบัน ที่ในอดีตอาหารตามสั่งจานละ 35 บาท ผ่านมาสิบปี ขึ้นเป็นจานละ 60-70 บาท แต่ค่าแรงยังขึ้นไม่ถึงไหน และเพื่อที่จะไม่ต้องมาลุ้นนโยบายค่าแรงขั้นต่ำใหม่ๆ ทุกการเลือกตั้ง ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
“ตอนนี้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เข้าสภาแล้ว หวังว่าเมื่อร่างฉบับนี้เข้าสู่วาระพิจารณา จะได้รับการสนับสนุนจากเพื่อน ส.ส.ทุกพรรคการเมือง เพราะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรเป็นวาระที่ทุกพรรคเห็นร่วมกันได้ เพื่อทำให้พี่น้องแรงงานได้รับค่าแรงที่เป็นธรรม” นายสหัสวัตกล่าว
เอ็นพีเอ พุ่ง! 10 เดือน แตะ 2.54 แสนล้านบาท
https://www.thansettakij.com/finance/financial-banking/582905
แบงก์ชี้เอ็นพีเอยังเพิ่ม แม้ยึดนโยบายธปท. เร่งช่วยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการชำระทรัพย์ วงในเผยสถาบันการเงินเร่งระบายทรัพย์หนีกันสำรองปีหน้า “กสิกรไทย” เพิ่มช่องทางโบรกเกอร์พร้อมปรับปรุงทรัพย์พร้อมขายในไตรมาส 4 ลดสูงสุดถึง 70%
สินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ)หรือ NPA ณ สิ้นเดือน ตุลาคม 2566 รวมมูลค่า 253,525 ล้านบาท แบ่งเป็น
• ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง มูลค่ารวม 160,719 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.84% จาก 143,701 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อน
• บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM 23,332 รายการ มูลค่าราคาประเมิน 69,806 ล้านบาท
• บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) อีก 23,000 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากสถาบันการเงินเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มปี 2567 สถาบันการเงินในระบบทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันฟการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มีความเป็นไปได้ที่จะต้องขออนุญาตกระทรวงการคลังเป็นรายปี กรณีถือครองเอ็นพีเอ 5-10 ปี หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2565-2566) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนคลายเกณฑ์เอ็นพีเอ โดยให้สถาบันการเงินถือครองทรัพย์ เท่ากันทุกรายการเป็นเวลา 5 ปีและผ่อนผันได้อีก 5 ปี โดยที่สถาบันการเงินต้องกันสำรอง 100% ของมูลค่าตามราคาประเมิน
ขณะเดียวกันยังผ่อนผันเอ็นพีเอ สำหรับพื้นที่เสี่ยง เช่น ในเขตพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา (บางอำเภอ) หรือพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตป่าสงวน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นต้น
นายชัยยศ ตันพิสุทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคาร กสิกรไทยกล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ท่ามกลางปัจจัยท้าทายทั้งในและต่างประเทศ ปริมาณทรัพย์เอ็นพีเอยังมีแนวโน้มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่มีจำนวนไม่มากนัก ขณะที่ธนาคารต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ ตามมาตรการของธปท.
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยนั้น แนวทางการตลาดเอ็นพีเอในไตรมาส 4 ปีนี้ ธนาคารได้เร่งปรับปรุงทรัพย์ให้พร้อมขาย เจรจากับผู้อยู่อาศัยเดิมในเชิงรุก และเพิ่มช่องทางโบรกเกอร์ในการสนับสนุนการขาย คาดว่า ตัวเลขยอดขายในปีนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับยอดขายเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง
ทั้งนี้ ในช่วงปิดท้ายปี 2566 ธนาคารได้ปล่อยแคมเปญ บ้านมือสองกสิกรไทย “คุ้มแรง” โดยคัดทรัพย์มือสองคุณภาพดี ทำเลเยี่ยม หลากหลายประเภท ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่า และทรัพย์เพื่อทำธุรกิจ เช่น โกดัง โรงงาน อพาร์ตเมนต์ ลดแรงสูงสุดถึง 70% ฟรีค่าโอนสูงสุด 300,000 บาท รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% นาน 1 ปีแรก กู้ได้สูงสุด 110% กรณีที่กู้ไม่ผ่านทางธนาคารจะคืนเงินมัดจำ
สินทรัพย์รอการขายของธนาคารพาณิชย์ในระบบ
“เมื่อซื้อทรัพย์มือสองในกลุ่มทรัพย์ดับเบิ้ลคุ้ม รับฟรีบัตรของขวัญเซ็นทรัลมูลค่า 15,000 บาท (จำนวนจำกัด) พร้อมส่วนลดสำหรับซื้อและติดตั้งโซลาร์รูฟ จาก PSI มูลค่าสูงสุด 121,000 บาท การันตี คัด คุ้ม ครบ ไม่ว่าซื้อเพื่ออยู่อาศัย หรือลงทุนปล่อยเช่า-ขายต่อก็คุ้มค่า โดยระยะเวลาแคมเปญตั้งแต่พฤศจิกายน ถึง 29 ธันวาคม 2566”
นายชัยยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดขายเอ็นพีเอของธนาคารกสิกรไทยในปีนี้ ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อนโดยมีปัจจัยท้าทายจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ระยะเวลาการจัดตั้งรัฐบาล อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จากมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 5 ครั้งรวม 1.25% กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นความต้องการซื้อในตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ ค่าธรรมเนียมในการโอน ปี 2565 เท่ากับ 0.01% ส่วนปี 2566 เท่ากับ 1% และค่าจดจำนอง 0.01% (ปี 2565- 2566)
นอกจากนั้น ยังมีความท้าทายในต่างประเทศ ได้แก่ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล- ปาเลสไตน์ ที่กระทบความเชื่อมั่นในภาพรวม ในขณะที่นโยบายเปิดประเทศของจีนมีส่วนหนุนการซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยอยู่บ้าง แต่ด้วยโควต้าต่างชาติที่มีอยู่จำกัด จึงไม่ส่งผลกับการเพิ่มยอดซื้อขายที่อยู่อาศัยมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทรัพย์มือสอง NPA โดยตัวเลขยอดขายที่ลดลงนี้ สอดคล้องกับการประมาณยอดโอนกรรมสิทธิที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะหดตัวประมาณ 7.8% ในปี 2566
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK ระบุว่า ภาพรวมเอ็นพีเอสิ้นเดือนกันยายน ที่มีจำนวน 8,314 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ เอ็นพีเอทั่วไป กับเอ็นพีเอที่อยู่ในโครงการพักทรัพย์พักหนี้ (Asset Warehousing) โดยเอ็นพีเอทั่วไป 1,500 ล้านบาท จะเป็นลักษณะ Long-term ดังนั้นภาพรวมยังคงทรง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันมากนะ ยังสามารถบริหารจัดการได้
นอกจากนั้นยังมีเอ็นพีเอที่อยู่ในโครงการ Asset Warehousing อีกราว 6,800 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการที่มีอายุ 3-5 ปี และเพิ่งมีการปิดโครงการไป ดังนั้น ลูกค้าเพิ่งอยู่กับธนาคารได้ประมาณ 6 เดือน จึงยังไม่เห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีลูกค้าบางกลุ่ม เช่น กลุ่มห้องชุดมีการมาซื้อคืนบ้าง แต่ยังไม่มีสัญญาณที่ลูกค้าจะไม่มาซื้อคืนหรือต้องขายออก
อย่างไรก็ตาม เฉพาะเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ที่มีเอ็นพีเอเพิ่มขึ้น 5 แห่งได้แก่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 960% ธนาคาร เกียรตินาคิน 32.96% ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 25.47% กสิกรไทย 15.09% และไทยพาณิชย์ 13.74%