ผมมีรายได้ประมาณเดือนละ 12,000 บาทและมีเงินเก็บในช่วงแรกประมาณเกือบ 20,000 บาท คบกับแฟนคนนี้ได้ในช่วงแรกเราก็ใช้ชีวิตแยกกันเขาอยู่บ้านแล้วผมอยู่หอพักจนเราคบกันเราก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ( บอกก่อนนะครับรอทั้งคู่ยังเรียนอยู่แต่ผมมีรายได้จากงานเดือนละ 12,000 )
.
บ้านเขามีปัญหาค่อนข้างจะหนักและเขาก็ไม่เคยได้รับรายได้จากบ้านเลยเขาทำงานด้วยตนเองมาตลอด ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่กรุงเทพฯเขากลับมาเรียนต่อที่สงขลาเขาไม่มีงานเพราะไม่อยู่กับผมผมเลยเป็นคนที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตลอดตั้งแต่ค่ากินและค่าของเครื่องใช้ต่างๆ เพราะค่ากยศของเขาก็พอแค่จ่ายค่าที่พักได้
.
ในช่วงแรกผมไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยแต่พอมันงานเข้าเงินเก็บผมก็หมดและเงินเดือนของผมก็ไม่พอที่จะใช้สำหรับคนสองคนไม่ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการทำกับข้าวกินเองหรือประหยัดในหลายๆด้านก็ยังไม่พออยู่ดี จนตอนนี้แบกรับภาระนี้ไม่ไหวแต่เขาก็ไม่เป็นรายการหางานทำก็เป็นเรื่องที่ยาก
.
จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าการที่ปัญหานี้มันเรื้อรังและแก้ไม่ได้สักทีทำให้ความสุขในการอยู่ด้วยกันมันลดน้อยลงและผมคิดว่าอยากจะเลิกกับเขา
.
อย่างที่ผมบอกครับว่าบ้านเขามีปัญหาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในต่างจังหวัดได้เลยเพราะไม่มีงานและไม่มีครอบครัวที่ซัพพอร์ตเขา วิธีที่ผมคิดว่าในส่วนสำหรับเขาคือการที่เขากลับไปกรุงเทพฯแล้วทำงานตาม connection ที่เขามีแต่การทำแบบนั้นก็เหมือนกับการที่ผมผลักไสเข้าไป แค่การใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็ทำให้เขาไม่มีค่าอยู่แล้วถ้าผมทำแบบนี้ลงไปเขาอาจจะรู้สึกแบบนั้นมากกว่าเดิม
.
แต่จะให้ผมแบกรับภาระแบบนี้ต่อไปมันทำให้ผมไม่มีเงินเก็บเลยแม้แต่บาทเดียวในสิ้นเดือนแล้วผมก็กลัวว่าในชีวิตนี้จะมีเรื่องฉุกเฉินอีกมากมายที่ต้องเจอและต้องใช้เงินถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปสักวันจะต้องมีปัญหาเรื่องของความมั่นคงในชีวิตแน่ๆ
.
ไม่กล้าเลิกกับแฟนเพราะกลัวจะเป็นการทำร้ายเขา
.
บ้านเขามีปัญหาค่อนข้างจะหนักและเขาก็ไม่เคยได้รับรายได้จากบ้านเลยเขาทำงานด้วยตนเองมาตลอด ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่กรุงเทพฯเขากลับมาเรียนต่อที่สงขลาเขาไม่มีงานเพราะไม่อยู่กับผมผมเลยเป็นคนที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตลอดตั้งแต่ค่ากินและค่าของเครื่องใช้ต่างๆ เพราะค่ากยศของเขาก็พอแค่จ่ายค่าที่พักได้
.
ในช่วงแรกผมไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยแต่พอมันงานเข้าเงินเก็บผมก็หมดและเงินเดือนของผมก็ไม่พอที่จะใช้สำหรับคนสองคนไม่ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการทำกับข้าวกินเองหรือประหยัดในหลายๆด้านก็ยังไม่พออยู่ดี จนตอนนี้แบกรับภาระนี้ไม่ไหวแต่เขาก็ไม่เป็นรายการหางานทำก็เป็นเรื่องที่ยาก
.
จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าการที่ปัญหานี้มันเรื้อรังและแก้ไม่ได้สักทีทำให้ความสุขในการอยู่ด้วยกันมันลดน้อยลงและผมคิดว่าอยากจะเลิกกับเขา
.
อย่างที่ผมบอกครับว่าบ้านเขามีปัญหาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในต่างจังหวัดได้เลยเพราะไม่มีงานและไม่มีครอบครัวที่ซัพพอร์ตเขา วิธีที่ผมคิดว่าในส่วนสำหรับเขาคือการที่เขากลับไปกรุงเทพฯแล้วทำงานตาม connection ที่เขามีแต่การทำแบบนั้นก็เหมือนกับการที่ผมผลักไสเข้าไป แค่การใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็ทำให้เขาไม่มีค่าอยู่แล้วถ้าผมทำแบบนี้ลงไปเขาอาจจะรู้สึกแบบนั้นมากกว่าเดิม
.
แต่จะให้ผมแบกรับภาระแบบนี้ต่อไปมันทำให้ผมไม่มีเงินเก็บเลยแม้แต่บาทเดียวในสิ้นเดือนแล้วผมก็กลัวว่าในชีวิตนี้จะมีเรื่องฉุกเฉินอีกมากมายที่ต้องเจอและต้องใช้เงินถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปสักวันจะต้องมีปัญหาเรื่องของความมั่นคงในชีวิตแน่ๆ
.