7.5 ตอนที่ 7 เรื่อง Meeting point นิยายดีที่อยากแนะนำ

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 7 เด็กชายในป่าเถาวัลย์
“เธอคิดไง” ซาร่าถามมิสซู หลังทั้งคู่เดินกลับจากฟาร์ม

“คิดอะไร” 

“แหม...คนนั้นไง อย่าบอกนะ ไม่เข้าใจ” เพื่อนซี้กระเซ้า

“ไม่ละ ไม่ชอบคนมีเครา แถมแต่งตัวดูสกปรก” 
มิสซูดูจะไม่สนใจหนุ่มฟาร์มสักเท่าไร

ช่วงนี้เป็นเวลาบ่ายค่อยไปทางช่วงเย็นแล้ว ดวงอาทิตย์ซ่อนตัวหลังภูผา ยิ่งเดินผ่านป่าเถาวัลย์ทำให้หนทางดูวังเวงยิ่งนัก
“ท่าทางดูเขาชอบเธอนะ ฉันเห็นชมพูเข้มมาก” 

“ชมพูฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก ฉันไม่อยากเป็นภรรยาหลานผู้เฒ่า……..ใครแน่ะ” 
เธออุทานออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว หันซ้ายขวาแต่ไม่เห็นมีใครสักคน สักพักมิสซูคิดในใจ “อาจเป็นผลไม้ที่ร่วงจากต้นมั้ง” 

“โอ้ย” 
เสียงใครคนหนึ่งอุทานต่อ ซาร่าร้องเสียงหลง
“ใครอะ ออกมาเดี๋ยวนี้” มิสซูตะโกนไปที่พุ่มไม้ ที่คาดว่าเป็นที่มาของต้นเรื่อง

“เธอคิดไหม อาจเป็นคนป่าเหมือนที่ผู้ใหญ่เล่ากัน” มิสซูเอ่ยถามเพื่อน

“ไม่น่าเป็นไปได้ คนป่าจะหลีกเลี่ยงพวกเรา ถูกคนมีสีขับไล่ให้อยู่ป่า พวกเขาไร้สี คนไม่มีสีคบไม่ได้ ไร้ความจริงใจ” 

“แต่ฟังดูน่าสงสารนะ” หมอกจางสีเทาปรากฎขึ้นรอบตัวมิสซูยิ่งทำให้บรรยากาศดูวังเวง

[โอ้ย โอ้ย โอ้ย] 
ทั้งคู่ร้องพร้อมกัน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” 
เสียงหัวเราะดังออกจากป่าอันเงียบสงบ เธอทั้งสองหันไปทางต้นเสียงและเห็นดวงตาแดงกล่ำกำลังจ้องมองมาที่พวกเธอ

“แน่จริงเดินออกมาสิ” สาวผมยาวในตาคมท้าทายกลับ เธอหยิบก้อนหินดำในบริเวณนั้นขึ้นมาขู่

“ใจเย็นก่อน ตอนนี้เราอยู่กลางป่านะ” ซาร่ารู้สึกกังวล

มิสซูได้ยินจึงได้สติ 

สักพัก เสียงหัวเราะกลับดังขึ้นด้วยเสียงที่ว่า  “พวกพี่สาวคุยสนุกดีน้า แถมดูตลกด้วย” 

“พี่คนผอมชื่อพี่มิสซู แล้วคนที่พูดเมื่อกี้ชื่ออะไรฮะ” 

“เรียกซาร่าก็ได้ ออกมาเถอะ เธอเป็นคนป่าใช่ไหม” 

“ผมไม่ใช่คนป่า แค่เป็นคนที่อยู่ในป่า ผมไม่ใช่คนป่าเถื่อน แม่บอกพวกแกนิสัยไม่ดีแย่งชิงบ้านพวกเรา” 

“เธอชื่ออะไร บอกก่อน ออกมาคุยกันดีมั้ย” ซาร่าพยายามโน้มน้าวเด็กน้อย ดูจากน้ำเสียงน่าจะยังเด็ก

ตุ๊บ……..

ทั้งสองก้มมองสิ่งที่ถูกโยนออกมา ดูท่าน่าจะเป็นผลไม้อะไรสักอย่าง ทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน คิดว่าผลไม้อาจเป็นสัญลักษณ์การแสดงมิตรภาพของเด็กน้อย ดูเหมือนมิสซูแสดงการตอบรับมิตรภาพจากคนป่าก่อน เธอหยิบผลไม้ที่มีหนามเป็นตุ่ม ดูไม่ค่อยน่ากินสักเท่าไรร
“กินได้หรือเปล่า” มิสซูตะโกนถาม

ดวงตาสีแดงค่อย ๆ จาง และดูใหญ่ขึ้น เธอพบเด็กน้อยเดินออกจากเงาของต้นไม้ เด็กป่ายังคงรักษาระยะทางระหว่างหญิงทั้งสองกับตัวเอง ค่อย ๆเดินออกมา ยิ้มอย่างตอบรับ ยักคิ้วอย่างมีเลศนัย 
“กินได้” 

คำตอบจากคนป่าที่ดูน่าสงสาร มิสซูเห็นสภาพของเด็กน้อยดูออกจะแตกต่างจากพวกเรา เด็กป่าไม่สวมเสื้อแต่ใช้ผืนหนังสัตว์เป็นกางเกง ดูออกจะมอมแมมเลอะเปื้อนดิน 
เธออยากแสดงความเป็นมิตรให้เด็กเห็น พวกเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่ผู้ใหญ่ป่าเล่าให้ฟัง เธอหยิบผลไม้จากพื้นดินขึ้นมาเช็ดแขนเสื้อพอเป็นพิธี เพียงกัดคำแรก

“แหวะ” มิสซูรีบอ้วกออกมาทันที

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คนนอกป่าโง่จัง บอกกินได้แต่ไม่ได้บอกอร่อย”  เด็กน้อยรู้สึกตลกที่คนมีสีหลงกล ตัวจ่อยตบท้ายด้วยการหันหลังให้ พร้อมเอามือตีก้นเบา ๆ เป็นการเยอะเย้ย แถมด้วยการแลบลิ้นปลิ้นตาใส่พวกเธอ

“แกอย่าคิดว่าฉันไม่กล้าจับแกนะ เดี๋ยวจะตีให้ก้นลาย คอยดู” 

“5555555 ถิ่นใครถิ่นมันชะเอิงเอ่ย” เด็กรีบวิ่งด้วยความเร็วไม่มากเท่าไร

“ดูมันกวนซาร่า” 
ยังไม่ทันที่ซาร่าจะตอบกลับ เธอเห็นเพื่อนวิ่งตามเด็กป่าเข้าในป่าแล้ว

“เดี๋ยวก่อนสิ มันไม่ใช่บ้านของเรานะ” สาวห้องสมุดพยายามเตือนเพื่อนแต่ดูจะไร้ผล มิสซูวิ่งโดยไม่หันกลับมามองซาร่าเลย ซาร่าทำในสิ่งที่เธอคิดว่าทำได้ดีที่สุด คือรีบวิ่งตามเพื่อนโดยไม่ให้คลาดสายตา

แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้วิ่งช้า ถึงกระนั้นก็พยายามตามเพื่อนให้ทัน  “นั้นไงเธอเจอแล้ว” 

มิสซูกำลังอยู่กลางพื้นที่โล่งในท้องทุ่งเล็กแห่งหนึ่ง

“รอฉันช่วยมิสซู มันอันตราย” 

“เจ้าเด็กป่านั้นมันวิ่งเร็วมาก ตามแทบไม่ทัน” เธอไม่มองซาร่าเลย พยายามหาเด็กให้เจอ

ทั้งนี้เพื่อนทั้งสองต่างหันหลังให้กัน โดยทั้งคู่คอยสอดส่องว่าเด็กจะโผล่มาจากไหน แล้วพวกเราอยู่กันที่ไหน เรากำลังเดินออกจากเส้นรอยเท้าถากถางทางไว้

เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เหมือนได้ยินอะไรสักอย่าง

ตุ๊บ…….. [เสียงของแข็งตกลงพื้น] 

“นั้นไง เด็กบ้าอยู่ตรงนั้น” มิสซูรู้สึกสะใจที่เด็กพลาดจนรู้ตำแหน่ง

“เดี๋ยวก่อนเธอ ฉันเคยอ่านตำราซุนวู เด็กต้องล่อให้เข้าใจทิศผิดแน่” ” 

“ยังไง” เพื่อนอยากรู้ ถามกลับ

“อาจโยนก้อนหินจากอีกฝั่งก็ได้” 

“เธอคิดมาก เด็กตัวแค่นี้จะคิดอะไรขนาดนั้น อ่านหนังสือมากไป รู้ตัวป่ะ” 

“เดี๋ยวเธอรอตรงนี้นะมิสซู ฉันจะไปยังทิศตรงข้าม รับรองปลอดภัย ไม่มีกับดักพวกหลุม ท่อนซุง หรือไม่ก็พวกตาข่ายแบบในตำราแน่ เชื่อฉัน ฉันมั่นใจ” 

“เฮ้อออ…ฉันปวดหัวกับหล่อน ตามใจแล้วกัน จับเด็กนั้นมาให้ฉันตีด้วย” 

มิสซูไม่อยากเถียงเพื่อนมากนัก ซาร่ามีความมั่นใจในตัวเองสูงและเธอพูดถูกเสมอ ครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่เธอตัดสินใจยอมเชื่อ

ในจังหวะนี้ ซาร่าเดินอ้อมไปยังด้านหลังยังทิศตรงข้ามที่ได้ยินเสียง เธอมั่นใจตัวป่วนต้องซ่อนหลังต้นไม้ที่ไหนสักแห่ง แม้นเวลาจะยังไม่ค่ำมาก แต่ความมืดกำลังมาเยือนพวกเธอต้องรีบจับเด็กป่ามาตีสักที แล้วค่อยกลับบ้านกัน

ทันใดนั้นเองเกิดเสียง

“ว๊ายยยยยยยยยย” ซาร่าร้องเสียหลง
ร่างของเธอกำลังห้อยต่องแต่งกลางอากาศและรายล้อมด้วยตาข่าย หมอกแสงที่ผสมปนเปด้วยสีส้มเหลืองแดงม่วง (ตื่นเต้น ตกใจ โกรธ กลัว) 

เธอพยายามขยับตัวไปมา หวังว่าจะพบช่องว่างที่ทำให้ตัวเธอหลุดออกจากกับดัก แต่ความพยายามดังกล่าวไม่สำเร็จ เพียงเวลาไม่นานสติของเธอกลับมาได้ ความเข้มระดับแสงรอบตัวดูอ่อนลงกว่าช่วงแรก

ซาร่าตั้งสติได้นึกถึงเพื่อนรัก หลังจากนึกถึงได้ไม่นาน เธอเห็นเพื่อนเธอกำลังยืนอยู่ใต้ตาข่ายพร้อมกับยืนเท้าสะเอวอย่างสะใจ

“ฉันบอกแล้วก็ไม่เชื่อ เธอมันพวกคิดมาก เด็กอยู่ตรงที่ฉันบอก” 

“เอาฉันลงที” 

“เธอต้องพูดก่อน ฉันสวยและเก่ง” 

“นี้ไม่ใช่เวลามาเอาชนะนะมิสซู” ซาร่าเอ่ย

“ไม่รู้ละ อย่างน้อยเธอต้องพูดก่อน ฉันสวยที่สุดในชมรม” 

“เฮออออออ……” ซาร่าถอนหายใจ  “ก็ได้ ให้ครั้งนี้ครั้งเดียว เธอเป็นคนที่สวยที่สุดในชมรม…..เออ...เก่งด้วย ฉันพูดแล้วนะ เอาฉันลงเดี๋ยวนี้” 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เดี๋ยวนะ หาเชือกก่อนผูกปมที่ไหน” หมอกแสงแสดงเป็นสีเขียว

[ว๊ายยยยยยยยยย] ซาร่าตะโกนร้องอีกครั้ง

“ช่างโวยวายเสียจริง ฉันให้เธอพูดครั้งเดียวน่ะ” 

“ไม่ใช่อย่างที่คิด ข้างหลังเธอ” 

มิสซูหันตัวไปด้านหลัง แม่สาวตาคมตอนนี้ตาโตขึ้นด้วยความตกใจ แสงรอบตัวเปล่งเป็นเหลืองส้มและม่วง เธอเห็นคนป่ามากหน้าหลายตาประมาณ  4 - 5 คนล้อมรอบตัวเธอ

ความไม่คุ้นเคยของคนแปลกหน้า อันเป็นเหตุให้สีม่วงดูเข้มมากกว่าสีอื่น “เข้ามาเลย เจ้าพวกคนป่า นึกหรอกคนอย่างฉันจะกลัว” 

เธอคว้ากิ่งไม้ท่อนหนึ่งจากพื้นขึ้นมาเป็นอาวุธ คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ หยิบอะไรเป็นอาวุธได้หยิบไว้ก่อน

เหล่าหมู่คนอาศัยในป่าเห็นอาวุธไม้ที่ไม่ใหญ่มากประกอบกับคำพูดที่เธอพูด ทำให้ไม่สามารถสะกดอารมณ์ไว้ได้ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” 

“แสงดูตรงข้ามกับคำพูด” คนป่าเอ่ยกับแม่สาวใจกล้า

ขณะนี้แสงม่วงสีแห่งความกลัวแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างกว่าเดิม ตามหัวใจที่เต้นสั่นด้วยความถี่มากกว่าปกติ ใบหน้าที่ฉาบด้วยผิวเข้มตอนนี้หัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย

คนป่าที่ยืนล้อมรอบ ณ ตอนนี้ กำลังเยื้องย่างกายเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ หญิงใจสู้ที่ไม่อาจซ่อนเร้นความกลัวกลับใช้กิ่งไม้ชี้ที่กลุ่มคนไร้สี
เธอชี้และกวาดมือเป็นวงกลมกว้าง หมายไม่ให้พวกมันก้าวเข้ามาใกล้ตัว เธอรู้สึกสับสนและไม่แน่ใจว่าพวกคนไม่จริงใจต้องการอะไรจากเธอ

“โอ้ย” มิสซูรู้สึกตกใจมากมือตนที่กำลังกำอาวุธถูกใครสักคนปัดทิ้ง 
เธอเห็นอาวุธตกพื้นและตกใจ ผู้หญิงคนเดียวในป่า ส่วนอีกคนห้อยโหนบนอากาศ ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ย่อตัวลงเอามือกุมหัวเหมือนเต่าหลบในกระดอง

เธอกลัวมากด้วยหมอกม่วงแผ่กระจายปะปนด้วยเหลืองและส้มในระดับสูงสุด จน.........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่