จากเรื่องของข่าวต่าง ๆ ที่ถูกเปิดเผยออกมาในช่วงนี้ มันจึงทำให้เราเกิดคำถามที่ตามมาว่า “แล้วปัจจุบันการลงทุน(เก็งกำไร)ในตลาดหุ้นไทย ระหว่างขาขึ้นหรือขาลงที่จะช่วยให้ได้กำไรมากกว่ากัน” เพราะหากถ้าคำถามนี้ถูกถามในอดีตสัก 10 ปีที่แล้ว คำตอบคงเป็นขาขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย โดยอ้างอิงจากทฤษฎีต่าง ๆ ทั้งเรื่องการเติบโตขึ้นของเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ, รวมถึงข้อจำกัดในการเล่นขาลง แต่ในปัจจุบันการมีนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ทั้ง DW, TFEX รวมถึงวิธีการเล่นแร่แปรธาตุอย่าง Naked Short จึงทำให้คำถามนี้ควรถูกหาคำตอบใหม่ ดังนั้น ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาพิสูจน์ความจริงจากข้อมูล ดังนี้
ตารางแสดงการเปิด-ปิดของดัชนี SET ในรอบ 10 ปี (ค.ศ. 2014 – 2023)
ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มถูกทุบมากกว่าถูกลาก 
จากตารางจะเห็นว่ามีถึง 8 ใน 10 ปีที่ดัชนี SET Index มีจำนวนวันที่ราคาปิดอยู่ต่ำกว่าราคาเปิดเกินกว่าครึ่ง และที่สำคัญเมื่อดูจากผลรวมส่วนต่างระหว่างราคาปิดกับราคาเปิดแล้ว พบว่า
มีการติดลบทุกปีและมีผลรวมสุทธิมากถึง 2,783 จุด ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อและสูงกว่าค่าดัชนีปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในปีล่าสุด (2023) ที่มีจำนวนวันถึง 60% ที่โดนทุบจากราคาเปิด และมีผลรวมที่มากที่สุดในรอบ 10 ปีถึง 476 จุด ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า ระหว่างวันตลาดจะมีโอกาสถูกเทขายออกมามากกว่าไล่ซื้อขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้คนที่สร้างกลยุทธ์ซื้อขายภายในวัน (Daytrade) แบบเล่นขาขึ้น only ต้องพบกับ effect นี้กดดัน ในทางตรงกันข้ามคนที่เล่นเฉพาะขาลงจะได้รับผลกระทบนี้ส่งเสริม
รูปแสดงผลลัพธ์การซื้อขายด้วย Moving Average 5 ตัด 100 ของ SET50 Futures ในรอบ 10 ปี (ค.ศ. 2014 – 2023)
แล้วถ้าข้ามวันละ ? คำตอบจะเป็นอย่างไร 
นับว่ายังเป็นข่าวดีอยู่บ้าง เพราะเมื่อพิจารณาการซื้อ-ขายแบบข้ามวัน โดยอ้างอิงจากกลยุทธ์ซื้อ-ขายที่ simply ที่สุดการตัดขึ้น-ลงของ Moving Average ใน SET50 Futures พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทั้ง 2 ขายังสามารถสร้างกำไรได้พอ ๆ กันเฉลี่ยประมาณ 50 จุด/ปี/ขา (ตารางขวาบน) แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหากถ้าพิจารณาแค่ 5 ปีหลังสุดมานี้ ขา Short สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าขา Long เกินกว่า 2 เท่า เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยโดยภาพรวมเป็นขาลง
โดยจากข้อมูลนี้คงทำให้ทุกท่านได้พบคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนว่า
ปัจจุบันการเล่นขาลงเป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังถูกพูดถึงกันอยู่หรือไม่ ? หากถ้าใช่ก็ไม่มั่นใจว่าจะต่อเนื่องไปถึงเมื่อใด ดังนั้น หากใครตระหนักถึงเรื่องนี้ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยอย่างน้อยที่สุดก็ต้องรู้จักการเล่นขาลงเพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยง และสำหรับใครที่คิดจะใช้ TFEX เป็นเครื่องมือ เรามีสิ่งสำคัญที่อยากบอกคือ “การเล่นขาขึ้นและขาลงมีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนกัน” อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกับประโยคที่ว่า ขึ้นบันไดลงลิฟท์ โดยใครที่อยากได้คำตอบเพื่อประกอบการซื้อ-ขายอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ลองติดตามกันมานะครับเรามีข้อมูลเฉลยให้ดูในวันเสาร์ ขอบคุณครับ
Credit :
https://www.facebook.com/tfexforfuture
ร่วมพูดคุยทิศทางหุ้น,TFEX
Line OpenChat : TFEX For Futures
https://line.me/ti/g2/btLW138AZRRYIUeuCe-5GQ
ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยเล่นขาลงง่ายกว่าขาขึ้นนะครับ ❗
จากเรื่องของข่าวต่าง ๆ ที่ถูกเปิดเผยออกมาในช่วงนี้ มันจึงทำให้เราเกิดคำถามที่ตามมาว่า “แล้วปัจจุบันการลงทุน(เก็งกำไร)ในตลาดหุ้นไทย ระหว่างขาขึ้นหรือขาลงที่จะช่วยให้ได้กำไรมากกว่ากัน” เพราะหากถ้าคำถามนี้ถูกถามในอดีตสัก 10 ปีที่แล้ว คำตอบคงเป็นขาขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย โดยอ้างอิงจากทฤษฎีต่าง ๆ ทั้งเรื่องการเติบโตขึ้นของเศรษฐกิจ, เงินเฟ้อ, รวมถึงข้อจำกัดในการเล่นขาลง แต่ในปัจจุบันการมีนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ทั้ง DW, TFEX รวมถึงวิธีการเล่นแร่แปรธาตุอย่าง Naked Short จึงทำให้คำถามนี้ควรถูกหาคำตอบใหม่ ดังนั้น ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาพิสูจน์ความจริงจากข้อมูล ดังนี้
ตารางแสดงการเปิด-ปิดของดัชนี SET ในรอบ 10 ปี (ค.ศ. 2014 – 2023)
ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มถูกทุบมากกว่าถูกลาก
จากตารางจะเห็นว่ามีถึง 8 ใน 10 ปีที่ดัชนี SET Index มีจำนวนวันที่ราคาปิดอยู่ต่ำกว่าราคาเปิดเกินกว่าครึ่ง และที่สำคัญเมื่อดูจากผลรวมส่วนต่างระหว่างราคาปิดกับราคาเปิดแล้ว พบว่ามีการติดลบทุกปีและมีผลรวมสุทธิมากถึง 2,783 จุด ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อและสูงกว่าค่าดัชนีปัจจุบันด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในปีล่าสุด (2023) ที่มีจำนวนวันถึง 60% ที่โดนทุบจากราคาเปิด และมีผลรวมที่มากที่สุดในรอบ 10 ปีถึง 476 จุด ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า ระหว่างวันตลาดจะมีโอกาสถูกเทขายออกมามากกว่าไล่ซื้อขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้คนที่สร้างกลยุทธ์ซื้อขายภายในวัน (Daytrade) แบบเล่นขาขึ้น only ต้องพบกับ effect นี้กดดัน ในทางตรงกันข้ามคนที่เล่นเฉพาะขาลงจะได้รับผลกระทบนี้ส่งเสริม
รูปแสดงผลลัพธ์การซื้อขายด้วย Moving Average 5 ตัด 100 ของ SET50 Futures ในรอบ 10 ปี (ค.ศ. 2014 – 2023)
แล้วถ้าข้ามวันละ ? คำตอบจะเป็นอย่างไร
นับว่ายังเป็นข่าวดีอยู่บ้าง เพราะเมื่อพิจารณาการซื้อ-ขายแบบข้ามวัน โดยอ้างอิงจากกลยุทธ์ซื้อ-ขายที่ simply ที่สุดการตัดขึ้น-ลงของ Moving Average ใน SET50 Futures พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทั้ง 2 ขายังสามารถสร้างกำไรได้พอ ๆ กันเฉลี่ยประมาณ 50 จุด/ปี/ขา (ตารางขวาบน) แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหากถ้าพิจารณาแค่ 5 ปีหลังสุดมานี้ ขา Short สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าขา Long เกินกว่า 2 เท่า เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยโดยภาพรวมเป็นขาลง
โดยจากข้อมูลนี้คงทำให้ทุกท่านได้พบคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนว่าปัจจุบันการเล่นขาลงเป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กำลังถูกพูดถึงกันอยู่หรือไม่ ? หากถ้าใช่ก็ไม่มั่นใจว่าจะต่อเนื่องไปถึงเมื่อใด ดังนั้น หากใครตระหนักถึงเรื่องนี้ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง โดยอย่างน้อยที่สุดก็ต้องรู้จักการเล่นขาลงเพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยง และสำหรับใครที่คิดจะใช้ TFEX เป็นเครื่องมือ เรามีสิ่งสำคัญที่อยากบอกคือ “การเล่นขาขึ้นและขาลงมีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนกัน” อย่างที่หลายคนเคยได้ยินกับประโยคที่ว่า ขึ้นบันไดลงลิฟท์ โดยใครที่อยากได้คำตอบเพื่อประกอบการซื้อ-ขายอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ลองติดตามกันมานะครับเรามีข้อมูลเฉลยให้ดูในวันเสาร์ ขอบคุณครับ
Credit : https://www.facebook.com/tfexforfuture
ร่วมพูดคุยทิศทางหุ้น,TFEX
Line OpenChat : TFEX For Futures
https://line.me/ti/g2/btLW138AZRRYIUeuCe-5GQ